Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 245
DC บทที่ 245: ความรักข้างเดียว
โหลวหลานจีคิดแล้วคิดอีกหาวิธีที่จะหว่านล้อมซูหยางให้อยู่เป็นเจ้านิกาย ถึงแม้จะเป็นเพียงในนาม เพราะเพียงตัวตนของเขาอย่างเดียวก็มีผลลัพธ์เป็นความปลอดภัยของเธอนับแต่นั้น
แต่อนิจจาจนถึงที่สุดและถึงแม้ว่าเธอสามารถคิดหาเหตุผลได้ โหลวหลานจีก็ไม่กล้าที่จะพยายามให้คนที่ทรงอำนาจและลึกลับเหมือนซูหยางอยู่นานเกินกว่าที่เขาปรารถนา ด้วยการทำเช่นนั้นย่อมส่งผลร้ายให้กับเธอและนิกาย
“แม้ว่าจะเป็นที่น่าเสียใจและถือเป็นความสูญเสียอย่างมากต่อนิกายของเราที่ท่านจักจากไป แต่ข้าก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของท่าน” เธอกล่าวหลังจากนั้นชั่วขณะ
ซูหยางพยักหน้า แต่เขายังไม่จบเรื่องกับเธอดีนัก เขาจึงพูดว่า “ขณะที่ข้าจักมิได้อยู่ที่นี่ต่อไป ข้าสามารถรับรองเจ้าว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจักยังคงได้รับพรจากข้า ได้รับการปกป้องต่อไปอย่างน้อยอีกสองสามเดือน ดังนั้นเจ้าสามารถหาคนแทนข้าได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องราวภายนอก”
โหลวหลานจีดวงตาเป็นประกายไปด้วยความตื่นเต้น เธอน้อมคำนับตัวต่ำ “ขอบคุณผู้อาวุโส”
แม้ว่าเธอไม่อาจจินตนาการว่าเขาจะพิทักษ์สถานที่แห่งนี้ได้อย่างไรยามจากไป โหลวหลานจีก็ไม่ได้สงสัยในถ้อยคำของเขาและยอมรับตามนั้น
“ตอนนี้ทุกสิ่งก็เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ข้าจะไปจากที่แห่งนี้ ข้ามีข้อเสนออื่นให้เจ้า” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า
“…” โหลวหลานจีมองดูซูหยางด้วยความคาดหวัง
“ก่อนที่ข้าจากไปอย่างถาวร ทำไมเรามิมาร่วมฝึกคู่กันอีกสักครั้ง ข้าสามารถบอกได้ว่าพลังการฝึกปรือของเจ้าได้รับประโยชน์มากจากการร่วมคู่ครั้งสุดท้าย”
เมื่อโหลวหลานจีได้ยินเช่นนี้ ดวงตาเธอก็เบิกขึ้นและปล่อยกรามตกลงไปสู่พื้น
เป็นเช่นนั้นจริงที่พลังการฝึกปรือของเธอได้เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่เธอได้ร่วมฝึกกับปราณหยางของเขาที่อุดมสมบูรณ์กว่าใครที่เธอได้ร่วมฝึกคู่มาก่อน
“ถ้าเจ้ามิต้องการ เช่นนั้นข้าก็จักขออำลา…” ซูหยางกล่าวกับเธอเมื่อเธอยังคงเงียบ
“ร-ร-รอก่อน ข้าต้องการร่วมฝึกคู่กับท่านอีกครั้ง” โหลวหลานจีพลันกล่าว ใบหน้าของเธอดูเหมือนว่าเต็มไปด้วยความหมดหวัง
หากปราศจากเขาซึ่งด้อยกว่าซูหยางเล็กน้อยในแง่ของกลเม็ด ความปรารถนาในกามของเธอก็คงไมไ่ด้ปลดปล่อยได้อย่างเหมาะสมนอกจากว่าเธอจะไปหาซูหยาง ซึ่งเธอได้ถูกกระตุ้นให้ต่อต้านในตอนท้าย
และโดยไม่ต้องกล่าวอะไรต่อจากนั้น โหลวหลานจีก็ได้ดึงสายคาดเอวและยอมให้ทุกสิ่งที่ปกปิดผิวกายที่ราบเรียบและร่างที่ดูนุ่มละมุนเลื่อนไหลออกไปจากร่าง
ซูหยางก็ถอดเสื้อผ้าเขาออกเช่นกันไม่นานหลังจากนั้น ก่อนที่จะเข้าไปสู่เตียงพร้อมกับโหลวหลานจีและร่วมฝึกคู่กับเธอ
อย่างไรก็ตามไม่เหมือนกิจกรรมครั้งก่อนหน้า ซูหยางไม่ได้ออมรั้งในกลเม็ดและกระทั่งทำเหนือกว่า “ศิษย์” ซูหยางคนนั้น สร้างความประหลาดใจเหลือล้ำให้กับโหลวหลานจี ผู้คิดว่าเธอจะไม่สามารถได้รับความสุขที่เหนือกว่าที่ซูหยางจะสามารถนำมาให้กับร่างของเธอ
“อาาาา โอพระเจ้า ท-ท่านมิได้เข้มข้นเช่นนี้ก่อนหน้านั้น” โหลวหลานจีครวญครางอย่างบ้าคลั่งยามเมื่อความกระหายอยากทั้งหมดในร่างของเธอสลายไป
“ข้ายับยั้งไว้ครั้งที่แล้วเพราะว่าการอบรม” ซูหยางตอบขณะที่เขาเลื่อนนิ้วของเขาผ่านร่างราบเรียบของเธอซึ่งสั่นสะท้านไปด้วยความหฤหรรษ
“อาาาา อืมมมมม อาาาาาา”
โหลวหลานจีสามารถรู้สึกว่าจิตใจของเธอเข้าสู่สภาวะอันลึกล้ำอย่างช้าๆ ที่เหมือนกับการตระหนักรู้ มันเหมือนกับว่าร่างกายของเธอเบาดุจขนนก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับล่องลอยเข้าสู่สรวงสวรรค์ขณะที่ถูกโอบอุ้มโอบล้อมไปด้วยความสุข
และกระทั่งแม้ประสบการณ์ทั้งหมดของเธอ โหลวหลานจีก็ไม่เคยประสบอะไรเช่นนี้มาก่อน ซึ่งทำให้เหตุการณ์นี้ยิ่งสุขสมยิ่งขึ้น
“อาาาา”
“อาาาาาาา”
“อาาาาาาาาาาาาาา”
โหลวหลานจีครวญครางไม่หยุดยั้งตลอดทั้งคืน ยามเมื่อกิจกรรมการร่วมฝึกของพวกเขายาวนานไปจนพระอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า
หลังจากกิจกรรมร่วมฝึกคู่อันยาวนานและดุเดือด โหลวหลานจีก็นอนแผ่อยู่บนเตียงด้วยท่าทางตื่นตะลึงเมื่อถูกสะกดไว้ด้วยปราณหยางอันสมบูรณ์สุดโต่งของซูหยางที่ท่วมท้นถ้ำทองของเธอ
“น-นี่เป็นปราณหยางประเภทไหนกัน นี่มันยิ่งลึกล้ำและทรงพลังมากกว่าครั้งที่แล้ว” เธอไม่อาจจินตนาการได้ว่าพลังการฝึกปรือประเภทไหนกันที่ต้องใช้เพื่อที่จะสร้างปราณหยางที่ชวนมึนเมาเช่นนี้
ท่ามกลางความคิดของเธอ โหลวหลานจีหันศีรษะไปมองดูซูหยาง ซึ่งได้สวมชุดของเขากลับเข้าร่างไปแล้ว พร้อมกับสายตามุ่งหมาย คล้ายกับหญิงสาวแรกรัก
“ความรู้สึกนี้… ใช่รักหรือไม่” โหลวหลานจีแทบจะไม่เชื่อว่าตัวเธอเองได้ตกหลุมรักง่ายดายปานนี้ อีกทั้งกับใครที่เธอไม่รู้จักแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอไม่เคยได้รับประสบการณ์ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนจากคู่เคียงคนใดในอดีต
กล่าวอีกนัยหนึ่งนี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของโหลวหลานจีที่ประสบกับความรัก แม้ว่าจะเคยมีคู่ฝึกนับร้อยมาจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตามถ้าพูดอย่างยุติธรรม คนส่วนใหญ่ในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิส้ยล้วนฝึกคู่ไม่ใช่เพราะความรัก ตามความเป็นจริงเหตุผลหลักในการฝึกคู่ล้วนเพียงคิดถึงแต่ตนเองยามฝึกคู่และมองดูคู่ฝึกของตนเองเป็นเพียงวัตถุใช้ในการฝึกวิชาเหมือนกับหินวิญญาณและสิ่งอื่นที่คล้ายกัน
ซูหยางเองก็ไม่ได้แตกต่าง นอกจากไม่กี่คนในหมู่คู่ฝึกนับไม่ถ้วนที่เขาเคยมี เขาถือว่าพวกเธอเป็นเหมือนกับสิ่งที่ใช้ในการฝึกฝนไม่มากไปกว่านั้น แต่ถึงจะกล่าวเช่นนั้นก็ใช่ว่าซูหยางจะโยนพวกเธอทิ้งไว้ด้านหลังหลังจากร่วมฝึกคู่กับพวกเธอ
“ข้าจัก…เห็นท่านอีกครั้งไหม” โหลวหลานจีถามเขาด้วยเสียงนุ่มนวล
“แน่นอน” เขาตอบด้วยรอยยิ้มลึกลับ “และนั่นอาจจะเร็วกว่าที่เจ้าเคยคาดคิดไว้”
ความทุกข์ร้อนในใจโหลวหลานจีเบาบางลงหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น แต่เธอก็ยังคงท้อแท้กับสถานการณ์ทั้งหมด
“ทำไมข้าจึงต้องตกหลุมรักกับเขาในช่วงเวลาสุดท้ายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นกับคนแบบเขา” เธอแอบสูดหายใจ นึกถึงว่ามีชายมากมายนับไม่ถ้วนด้านนอกนั้น แต่เธอยังตกหลุมรักคนที่เธอไม่เคยคิดว่าจะสามารถยืนเคียงข้างเขาได้โดยไม่รู้สึกว่าต้อยต่ำ
“หรือนี่เป็นกรรมจากชายนับไม่ถ้วนด้านนอกนั้นจึงทำให้ข้าได้ประสบความรู้สึกเช่นเดียวกัน”
หลังจากที่ซูหยางออกไปจากสถานที่นั้นแล้วโหลวหลานจีก็ไม่ได้ฝึกปราณหยางอันเข้มข้นในร่างเธอที่เหมือนกับสมบัติประเมินค่าไม่ได้ในทันที เธอยังคงนอนอยู่บนเตียงครุ่นคิดเกี่ยวกับความรักข้างเดียว
ปล. ช่วงนี้ตามทันต้นฉบับแล้วนะครับ ซึ่งจำเป็นต้องรอให้ต้นฉบับลงก่อน จึงจะสามารถแปลได้ เป็นเหตุให้นิยายไม่ต่อเนื่อง