DC บทที่ 270: จอมยุทธลึกลับ
หลังจากใช้เวลาในการหลับไปสองสามวัน โหลวหลานจีก็ตื่นขึ้นไม่นานหลังจากที่เธอล้มตัวลงนอน และแม้ว่าเธอจะจำไม่ได้ว่ากลับถึงศาลาหยินหยางได้อย่างไร หรือไปอยู่บนเตียงได้อย่างไร เธอก็ไม่ได้สนใจที่จะค้นหาว่าใครเป็นคนพาเธอมาที่นี่เพราะเธอคิดว่าคนคนนั้นคงไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน ไม่เช่นนั้นคนนั้นคงพูดกับเธอเรื่องการสลบไสลของเธอแล้วตอนนี้
“นิกายดอกบัวเพลิง เฮ้อ…ข้าสงสัยว่าพวกเขาต้องการอะไรจากซูหยาง…”
โหลวหลานจีแต่งตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะออกไปจากศาลาหยินหยาง
ก่อนที่โหลวหลานจีจะไปถึง หวังชูเหรินและพวกต่างพากันมองไปทั่วพื้นที่ด้วยท่าทางสับสนงงงัน
“ผู้อาวุโสสูงสุดหาน…เห็นชัดว่ามีคนอยู่ที่นี่ แต่ข้ายังมิอาจรับรู้ได้ว่ามีคนอยู่ในที่นี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
บางคนถามขึ้น
แม้ว่าจะเห็นผู้อาวุโสนิกายหนึ่งคนเมื่อกี้นี้ พวกเขาก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกหลังจากที่เธอจากไป ราวกับว่าเธอเป็นปีศาจ
“นั่นอาจจะมีค่ายกลอำพรางรอบสถานที่นี้ อย่างไรก็ตามการที่มันมีขนาดใหญ่มากพอที่จะครอบคลุมไปทั่วทั้งเขตกลางนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจทีเดียว…ข้าสงสัยว่าต้องสิ้นเปลืองทรัพยากรไปมากเท่าไหร่…”
ผู้อาวุโสสูงสุดหานเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น แม้ว่าเขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงค่ายกลอำพราง แต่นั่นก็เพียงเป็นสิ่งพิสูจน์ถึงความสามารถของผู้เชี่ยวชาญค่ายกลนี้
หลังจากที่ยืนอยู่สองสามนาที คนนิกายดอกบัวเพลิงก็สังเกตเห็นร่างของโหลวหลานจีตรงมาหา
“ข้าต้องขออภัยที่ต้องให้รอ บรรดาแขกจากนิกายดอกบัวเพลิง ข้าเป็นผู้นำนิกายของที่แห่งนี้ โหลวหลานจี”
“เราควรจักเป็นคนที่ต้องขออภัยในการที่พวกเราพลันมาเยี่ยมทั้งที่สถานการณ์ของพวกท่านเป็นเช่นนี้…”
หวังชูเหรินค้อมศีรษะเล็กน้อย
“ข้าชื่อหวังชูเหริน และข้ามาที่นี่เพื่อพูดกับซูหยาง” เธอพลันแนะนำตัว
“หวังชูเหริน หวังชูเหรินคนนั้นรึ”
โหลวหลานจีตื่นตระหนกอยู่ในใจเมื่อรู้ถึงตัวตนของหวังชูเหริน ทำไมหนึ่งในนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงที่สุดของนิกายดอกบัวเพลิงจึงมาที่นี่ อย่าว่าแต่ตามหาซูหยางอีกด้วย
“ตอนนี้เขากำลังยุ่งอยู่ แต่ถ้าท่านยินดีที่จะรอด้านใน ข้าจักเตรียมน้ำชาไว้”
“ท่านคิดว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่”
โหลวหลานจีครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะพูดว่า “เขาควรจะเสร็จภายในไม่กี่นาทีหากข้าได้แจ้งให้เขาทราบถึงการมาของพวกท่าน”
หวังชูเหรินตกลงที่จะรอด้านใน
โหลวหลานจีพยักหน้าและพาพวกเขาเข้าไปข้างในเขตกลาง ไม่นานหลังจากนั้นจอมยุทธทั้งยี่สิบคนจากนิกายดอกบัวเพลิงก็ได้นั่งอยู่ในห้องขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะใช้เป็นที่ประชุม
ครั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดนั่งลงแล้ว โหลวหลานจีก็ใช้หยกสื่อสารแจ้งให้ซูหยางว่าหวังชูเหรินมาเยี่ยม
“ข้าได้แจ้งซูหยางแล้ว และน้ำชาจักมาถึงที่นี่ในเวลาไม่นาน” โหลวหลานจีกล่าว
“ในเวลานี้ถ้าท่านมิถือข้าขอถามได้หรือไม่ว่าทำไมนิกายดอกบัวเพลิงจึงถามหาซูหยาง”
แม้ว่าโหลวหลานจีไม่รับรู้ถึงความเป็นศัตรูของพวกเขา เธอก็นึกไม่ออกว่าทำไมพวกเขาจึงต้องการพบซูหยาง
หวังชูเหรินโบกมือกล่าวว่า “นิกายดอกบัวเพลิงมิมีส่วนเกี่ยวข้องใดกับการมาเยี่ยมที่นี่ของข้าในวันนี้ คนพวกนี้เพียงร่วมทางเพื่อความปลอดภัยของข้าเท่านั้น และข้ามาที่นี่ด้วยความสมัครใจของข้าเอง”
“ถ้าท่านมิถือข้าพอจะถามได้ไหมว่า ท่านมีความสัมพันธ์ใดกับซูหยาง”
หวังชูเหรินครุ่นคิดชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวว่า “พวกเราได้ทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน ข้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น”
โหลวหลานจียิ่งรู้สึกสับสนหลังจากที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น
“ธุรกิจรึ”
หลังจากครุ่นคิดชั่วขณะโหลวหลานจีก็นึกขึ้นได้ว่าซูหยางมีหลายสิ่งที่หายากและพิเศษเฉพาะเก็บซ่อนไว้ดังเช่นน้ำมันรัญจวนและหญ้าเงินเจ็ดใบ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะคิดว่าเขาอาจจะมีบางอย่างที่กระตุ้นความสนใจของคนอย่างหวังชูเหริน
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ หวังชูเหรินก็พูดขึ้นว่า “ซูหยาง…เขาสบายดีไหม”
โหลวหลานจีมองดูเธอด้วยท่าทางสับสนเห็นได้ชัดว่างงงันกับคำถามของเธอ
“หลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับนิกายล้านอสรพิษและสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่…”
โหลวหลานจีพลันเข้าใจสถานการณ์หลังจากที่ได้ยินเกี่ยวกับนิกายล้านอสรพิษ
“ซูหยางสบายดีไร้ที่ติ ว่าตามจริงเขาเป็นคนที่ใจเย็นที่สุดในหมู่พวกเราในตอนนี้” โหลวหลานจีถอนหายใจรู้สึกละอายที่ศิษย์คนหนึ่งกลับเยือกเย็นยิ่งกว่าเธอในสถานการณ์คับขันเช่นนี้
“นั่นทำให้โล่งอก…” หวังชูเหรินยิ้ม
ทันใดนั้นเสียงอื่นก็ดังขึ้น
“หากท่านมิรังเกียจที่ข้าจะเข้าร่วม ข้าพอจะถามหน่อยได้หรือไม่เกี่ยวกับนิกายล้านอสรพิษ พวกเขาไปไหนกันตอนนี้”
ผู้อาวุโสสูงสุดหานพลันกล่าว เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับสถานการณ์จนเกินไปจนอดถามไม่ได้
โหลวหลานจีไม่ได้ตอบคำถามในทันทีและครุ่นคิดว่าเธอควรเปิดเผยความจริงให้กับพวกเขาดีหรือไม่
หลังจากที่คิดไปชั่วขณะ โหลวหลานจีก็ตัดสินใจที่จะบอกความจริงกับอีกฝ่าย ในเมื่อไม่มีประโยชน์อะไรที่จะซ่อนสิ่งที่ไม่ช้าไม่นานก็จะต้องเปิดเผย ยิ่งไปกว่านั้นเธอสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเปิดเผยให้โลกรู้ว่ามีจอมยุทธที่ทรงอำนาจจนเหลือเชื่อสนับสนุนนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอยู่เบื้องหลัง ใช้ตัวตนของเขาเป็นคำเตือนให้กับผู้ที่ต้องการที่จะทำร้ายพวกเขา
“คนจากนิกายล้านอสรพิษทั้งหมดล้วนถูกฆ่า”
โหลวหลานจีพูดอย่างเยือกเย็นขณะที่เธอจิบน้ำชาที่เพิ่งมาถึง
“ท่านเพิ่งพูดอะไรไปนะ”
ไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสสูงสุดหานแต่ทุกคนที่นั่นต่างพากันอุทานเสียงดังลั่น ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความตระหนกและไม่อยากเชื่อ
“ข้ารู้ว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่พวกท่านควรจะเห็นเลือดที่อยู่ตรงทางเข้าม ทุกหยาดของเลือดนั้นเป็นของนิกายล้านอสรพิษทั้งสิ้น”
“เป็นไปมิได้…”
ครั้นเมื่อคนจากนิกายดอกบัวเพลิงรู้ความจริง พวกเขาก็ไม่สามารถแม้กระทั่งนั่งลงบนเก้าอี้เนื่องจากความตระหนก
ใครจะสามารถจินตนาการได้ว่าเลือดตรงทางเข้าเป็นของนิกายล้านอสรพิษและไม่ได้เป็นของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ไม่มีใครทำได้
ผู้อาวุโสสูงสุดหานจ้องมองโหลวหลานจีด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย สงสัยในถ้อยคำที่เพิ่งออกไปจากปากของเธอ
แม้ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอย่างมาก แต่เขาก็มั่นใจว่านั่นไม่อาจเปรียบเทียบได้กับนิกายล้านอสรพิษและพลังอำนาจมหาศาลของมัน
“เป็น—”
“เป็นไปได้อย่างไรกับสถานที่ที่เล็กและด้อยกว่าเช่นพวกเรา ใช่หรือไม่”
โหลวหลานจีเดาสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงสุดหานต้องการถามและกล่าวว่า “บอกท่านตามความเป็นจริง นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมิได้แตะต้องนิกายล้านอสรพิษ ตามจริงพวกเรามิสามารถ–มิอาจด้วยความสามารถของพวกเรา โดยเฉพาะเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งเมื่อศิษย์ของพวกเราเกือบทั้งหมดตัดสินใจที่จะละทิ้งสถานที่นี้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง”
“ท่านพูดเช่นนั้นหมายถืงอะไร” ผู้อาวุโสสูงสุดหานถามด้วยคิ้วขมวดไม่เข้าใจ
“นิกายล้านอสรพิษถูกจัดการด้วยคนอื่น และคนคนนั้นเป็นคนที่มีพลังอำนาจสุดหยั่ง บางคนที่สามารถจัดการนิกายล้านอสรพิษได้ด้วยตนเอง”
“น่าขัน มิมีทางที่จะมีคนเช่นนั้นจะปรากฏตัวขึ้นได้”
ผู้อาวุโสสูงสุดหานปฏิเสธที่จะเชื่อว่ามีตัวตนที่เหลือเชื่อเช่นนั้นในโลกนี้ในเมื่อไม่มีใครเคยได้ยินเกี่ยวกับตัวเขา
“นั่นก็แล้วแต่ท่านว่าต้องการจะเชื่อหรือไม่ อย่างไรก็ตามความจริงที่สถานที่นี้ยังคงตั้งอยู่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ปฏิเสธมิได้” โหลวหลานจีกล่าว
“เช่นนั้นคนนั้นอยู่ที่ไหนแล้วตอนนี้” ผู้อาวุโสสูงสุดหานดำเนินการถามต่อ
“ข้ามิอาจที่จะบอกท่านได้ในเรื่องนั้นในเมื่อคนผู้นี้ขอให้ข้าเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา”
โหลวหลานจีส่ายหน้าและสร้างข้อแก้ตัวขึ้นตรงนั้นหลกผู้อาวุโสสูงสุดหานและคนอื่นไปอย่างง่ายๆ
ผู้อาวุโสสูงสุดหานหรี่ตาและคิดสงสัย “หรือว่าค่ายกลอำพรางรอบสถานที่นี้จะมีความสัมพันธ์กับจอมยุทธลึกลับนี้”