DC บทที่ 287: เติบโตเต็มวัย
ทั้งห้องเงียบสงัดไปหลังจากที่เซียวไป่กลืนใบสุดท้ายของหญ้าเงินเจ็ดใบ และเพื่อไม่เป็นการรบกวนเธอ พวกเขาได้ย้ายไปอยู่มุมห้องมองดูการเปลี่ยนแปลงของเซียวไป่
“…”
“…”
“…”
อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากที่รอมานานหลายนาที โหลวหลานจีก็มีท่าทางสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจึงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราได้รออยู่ตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วตอนนี้”
“ข-ข้ามิทราบ…”
ฟางซีหลานส่ายหน้า
พวกเขาหันไปมองดูซูหยาง หนึ่งเดียวที่อาจจะมีคำตอบให้กับพวกเธอ
“แม้ว่าพวกเจ้าอาจจะมิเห็นทางกายภาพ เธอตอนนี้ได้อยู่ในขั้นตอนการเติบโตเต็มวัยแล้ว”
ซูหยางพูด
“เธอได้อยู่ในขั้นตอนแล้วรึ”
พวกเธอหันไปมองดูเซียวไป ซึ่งยังนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับหลับตาเหมือนกับรูปสลักหิน
หลังจากที่รอไปอีกสองสามนาที ซูหยางก็หรี่ตาและกล่าวว่า “มาแล้ว”
วินาทีที่ซูหยางพูดเช่นนั้น เซียวไปก็ลืมตาและอ้าปากปลดปล่อยเสียงคำรามน่าครั่นคร้าม ซึ่งเหนือกว่าการคำรามครั้งก่อน
แรงกดดันจากเสียงคำรามทรงพลังมากจนกระทั่งทั้งโหลวหลานจีและฟางซีหลานคุกเข่าลงบนพื้น รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเธอพลันแบกหินก้อนใหญ่ไว้
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของเซียวไป่
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงคำรามของเซียวไปก็ยิ่งทรงพลังมากขึ้นลึกล้ำขึ้น จนถึงขั้นที่ว่าฟางซีหลานกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
เมื่อเห็นเช่นนั้นซูหยางก็คลุมฟางซีหลานไว้ด้วยปราณไร้ลักษณ์ไว้ชั้นหนึ่ง ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังสวมเสื้อคลุมบนร่าง
“ข-ขอบคุณ…” ฟางซีหลานเช็ดเลือดจากปาก
ซูหยางไม่ได้กล่าวอะไรและมองดูเซียวไป่ต่อไป
“วิญญาณพิทักษ์เป็นสัตว์อันตรายที่เป็นที่รักของสวรรค์จริงๆ กระทั่งเธอเป็นแค่วิญญาณพิทักษ์ระดับต่ำ พลังอำนาจของเธอก็สามารถสยบโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย…”
หลังจากผ่านเวลาไปอีกสองสามนาทีจากการทนทุกข์ทรมานจากเสียงคำรามของเซียวไป่ สุดท้ายเธอก็สงบลง
ทั้งโหลวหลานจีและฟางซีหลานมองไปยังเซียวไป่ที่เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเธอสังเกตเห็นว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงให้เห็นเด่นชัด พวกเธอก็เกิดความกังวล
“เกิดอะไรขึ้น ซูหยาง นอกจากที่ตัวเธอจะเพิ่มขนาดขึ้นเล็กน้อย เธอก็เหมือนกับไม่เปลี่ยนแปลงอะไรไปแม้แต่น้อย หรือว่าการเติบโตล้มเหลว”
โหลวหลานจีถามเขาด้วยใบหน้ากังวล
“พวกเจ้าพูดอะไรกัน เสือหิมะตอนนี้เติบโตเต็มที่แล้ว”
เขาตอบ
“อะไรกัน เซียวไปโตเต็มวัยแล้วรึตอนนี้ แต่เธอยังดูเหมือนเดิม เพียงแค่โตขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย”
พวกเธอยังคงสงสัย
ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “รูปร่างหน้าตาของเธอจักเติบโตไปตามธรรมชาติ ดังนั้นเธอย่อมมิกลายเป็นเสือขนาดโตเต็มวัยได้ภายในไม่กี่นาที”
เขากล่าวต่อว่า “มองดูที่พลังการฝึกปรือของเธอสิแล้วพวกเจ้าก็จักเข้าใจ”
โหลวหลานจีและฟางซีหลานวางมือลงไปบนเซียวไปเพื่อรับรู้พลังการฝึกปรือของเธอ ในเมื่อนี่เป็นวิธีเดียวสำหรับคนทั่วไปในการวัดพลังการฝึกปรือของวิญญาณพิทักษ์ได้อย่างถูกต้องเนื่องมาจากพวกเธอมีความสามารถในการปิดบังตัวตนและพลังปราณไร้ลักษณ์ของพวกเธอได้ตามธรรมชาติ
“เขตปฐพีวิญญาณ”
พวกเธอทั้งคู่ต่างพากันอุทานออกมาโดยพร้อมเพรียงกันสองสามวินาทีถัดมา
“มิมีทาง… เซียวไป่เพียงแค่อยู่ในเขตสัมมาวิญญาณระดับสี่ก่อนที่จะกินหญ้าเงินใบสุดท้าย”
ฟางซีหลานมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“พวกเจ้าพากันตกใจกับรายละเอียดเล็กน้อยแค่นี้ไปแล้วรึ หากเป็นเช่นนี้พวกเจ้าคงมิอาจรับได้กับการเติบโตขั้นต่อไป”
ซูหยางพลันกล่าวขึ้น
“จ-เจ้าหมายความว่ากระไรเช่นนั้น มิใช่เจ้าบอกว่าเซียวไป่เติบโตเต็มวัยแล้วรึ”
“นั่นก็เป็นไปตามที่ข้าพูด อย่างไรก็ตาม เสือหิมะมีการโตเต็มวัยสองขั้น และเซียวไปก็เพียงอยู่ในขั้นแรก”
“อะไรกัน”
ฟางซีหลานและโหลวหลานจีตากลมโตเหมือนกับจานรองแก้ว ทำไมเขาจึงเพิ่งมาบอกพวกเธอในข่าวสารเรื่องสำคัญเช่นนั้นตอนนี้
“พวกเจ้าคงต้องสงสัยว่าทำไมข้าจึงบอกพวกเจ้าเรื่องนั้นตอนนี้ นั่นง่ายดายมาก ก็เพราะว่าโอกาสที่เซียวไปจะก้าวไปถึงการเติบโตขั้นที่สองของเธอนั้นใกล้เคียงกับศูนย์”
“เจ้ารู้เรื่องนั้นได้อย่างไร”
โหลวหลานจีถาม
“เพราะว่าปริมาณปราณไร้ลักษณ์ที่เธอต้องการเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดนั้นมีไม่เพียงพอ และที่แห่งนี้ธรรมดาก็ไม่สามารถที่จะเติมเต็มความต้องการนั้นได้”
เมื่อซูหยางพูดถึง “สถานที่” เขาไม่ได้หมายถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยนี้ หรือหมายถึงทวีปตะวันออก
กลับกันนั่นหมายถึงโลกแห่งนี้ โลกนี้ที่มีไม่ถึงหนึ่งในพันของทรัพยากรในการฝึกปรือที่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่จะสามารถจัดหามาให้ได้
อีกนัยหนึ่งก็เหมือนกับชิวเยว่กับการฝึกปรือของเธอ ไม่ว่าเซียวไปจะฝึกฝีมือมากมายแค่ไหน ตราบเท่าที่เธอยังคงอยู่ในโลกแห่งนี้ที่มีพลังปราณไร้ลักษณ์ต่ำต้อย เธอก็ไม่อาจที่จะบรรลุถึงความสามารถสูงสุดของเธอได้
และนี่ก็เป็นปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้แม้กระทั่งความรู้อันกว้างขวางทั้งประสบการณ์ในฐานะเซียนของซูหยาง
“กล่าวไปแล้ว เธอจักมีพลังอำนาจมากเพียงพอที่จะปกป้องสถานที่แห่งนี้จากอันตรายทุกอย่างในอนาคต ที่เขตปฐพีวิญญาณเธอจักจัดการได้แม้กระทั่งจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณอย่างง่ายดาย”
“เซียวไปทรงพลังเช่นนั้นในตอนนี้เลยหรือ”
ใบหน้าโหลวหลานจีมีท่าทางดีใจ เมื่อมีเซียวไป่ก็เหมือนกับมีจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณอยู่ในนิกาย
“อย่างไรก็ตามไม่ใช่ในตอนนี้เสียทีเดียว หากปราศจากประสบการณ์การต่อสู้ กระทั่งตัวตนที่ทรงอำนาจก็มิมีค่าอะไรต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเธอต้องสู้กับจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณในตอนนี้ เธอจักพบแต่ความพ่ายแพ้”
ซูหยางชี้ไปยังเซียวไปและพูดกับฟางซีหลาน “เจ้าต้องพาเธอออกไปในป่าเป็นบางครั้งเพื่อสู้กับสัตว์ร้าย เพื่อที่เธอจะได้สะสมประสบการณ์การต่อสู้ นั่นจะเป็นสิ่งสำคัญในการเติบโตต่อไปในภายภาคหน้าของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตอนนี้เธอได้โตเต็มที่แล้ว”
“เจ้ามั่นใจรึว่านั่นเป็นความคิดที่ดี วิญญาณพิทักษ์จักดึงดูดความสนใจที่ไม่จำเป็น”
เป็นโหลวหลานจีที่มีแสดงท่าทีเป็นกังวลเป็นอันดับแรก
“มิมีปัญหาอะไร ตราบเท่าที่เจ้ามิได้ผ่านไปพบกับคนที่มีวิชาสายตาพิเศษเฉพาะหรือคนที่มีความรู้เชี่ยวชาญทางด้านเสือหิมะ มิมีใครจักจดจำมันได้ ตามจริงถ้ามีใครสักคนถามก็เพียงบอกว่าเธอเป็นเสือขนเงินในเมื่อพวกเธอค่อนข้างจะคล้ายคลึงกัน”
“อย่างนั้นรึ..”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ โหลวหลานจีก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว ศิษย์ฟาง เจ้าคงต้องพาเซียวไป่ไปข้างนอกเพื่อฝึกฝนเมื่อไหร่ก็ตามที่เป็นไปได้ นี่จักเป็นประโยชน์มิเพียงต่อนิกายของเราแต่ทั้งต่อตัวเซียวไปเองด้วย ในเมื่อเธอจักสามามารถได้เรียนรู้ที่จะปกป้องตนเอง”
ฟางซีหลานไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้ เธอพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วท่านผู้นำนิกาย”