Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 300
DC บทที่ 300: ยังมีที่และเวลาสำหรับเรื่องนี้ (ฟรีตอนถัดไป)
สามวันหลังจากนั้นที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย คนประมาณแปดสิบคนก็มารวมตัวกันหน้านิกาย
“ข้าจักพูดเช่นนี้ก่อนที่การแข่งขันระดับภูมิภาคจะเริ่มขึ้น มิว่าผลลัพธ์ของพวกเจ้าจะเป็นเช่นไร ข้าย่อมภาคภูมิใจกับพวกเจ้า แน่นอนว่ามันคงดีต่อสำหรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยถ้าพวกเจ้าชนะสักสองสามรอบ ซึ่งถ้าให้กล่าวไปก็คืออย่ากดดันตัวเองมากจนเกินไป ในเมื่อข้ามิอาจยอมสูญเสียพวกเจ้าสักคนในที่นี้” โหลวหลานจีกล่าว
แม้ว่าการแข่งขันระดับภูมิภาคห้ามการเข่นฆ่า แต่อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงยังคงมีความเสี่ยงอยู่
“ขอรับ ผู้นำนิกาย”
เหล่าศิษย์ต่างพากันรับคำด้วยความตื่นเต้น
“เอาล่ะ ตอนนี้เป็นการตระเตรียม…”
โหลวหลานจีชี้ไปยังเกวียนสิบกว่าคันด้านนอกทางออก แต่ละคันใหญ่มากพอที่จะบรรจุคนได้ห้าถึงหกคน
“ผู้อาวุโสนิกายและข้าจักอยู่ในเกวียนคันแรก ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจักนั่งอยู่เกวียนคันที่สองและสามจากข้างหน้า ส่วนคนที่เหลือจักอยู่ในเกวียนคันที่เหลือ”
ก่อนที่เกวียนจะออกเดินทาง ผู้คนที่จะต้องอยู่ด้านหลังในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต่างก็กล่าวคำอำลา
“โชคดี ศิษย์ทั้งหลาย” หลานลี่ชิงยิ้มให้กับพวกเขาด้วยท่าทางสะสวย สายตาของเธอส่วนใหญ่แล้วตกอยู่บนเกวียนคันที่บรรทุกซูหยาง
สองสามนาทีหลังจากนั้น เกวียนที่บรรทุกเหล่าศิษย์ก็ออกจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
ในเวลานั้น ภายในเกวียนที่บรรทุกซูหยางและศิษย์คนอื่นอีกห้าคน ซุนจิงจิงก็พูดขึ้น “พวกเจ้าคิดว่าโอกาสที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจะชนะการแข่งขันระดับภูมิภาคครั้งนี้มีมากน้อยเพียงใด นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามีส่วนร่วมกิจกรรมที่ใหญ่มากเช่นนี้”
“แม้ว่าที่นั่นจะมีผู้ฝึกวิชามากมายในเขตสัมมาวิญญาณและกระทั่งอัจฉริยะในเขตปฐพีวิญญาณ ข้าก็มิเห็นว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันระดับภูมิภาคนี้…ไม่ว่าอะไรก็ตาม”
ฟางซีหลานให้ความเห็น หางตาของเธอเหลือบไปมองยังซูหยางที่นั่งหลับตาอยู่ตรงกลางอย่างสบายๆ
“โอ ใช่ ศิษย์พี่หญิงฟางได้อันดับสุดท้าย หึ”
ฟางซีหลานพยักหน้า ถ้าจะกล่าวไปแล้วนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรั้งอันดับสุดท้าย… และนั่นไม่ใช่เป็นการสูญเสียเล็กน้อย ความจริงแล้วจากทั้งหมดหลายสิบสำนักที่เข้าร่วม นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยติดอันดับสุดท้าย
“อะไรที่ทำให้ศิษย์พี่หญิงฟางคิดว่าพวกเราจักชนะการแข่งขันระดับภูมิภาคครั้งนี้ ความมั่นใจเช่นนี้ต้องมีเหตุผล”
ซุนจิงจิงถาม
“เจ้าจักเข้าใจเมื่อเวลานั้นมาถึง…” ฟางซีหลานตอบด้วยท่าทางเรียบเฉย
นอกจากว่าจะมีสัตว์ประหลาดคนอื่นที่มีพลังการฝึกปรือเขตอัมพรวิญญาณปรากฏขึ้นในการแข่งขันระดับภูมิภาคอย่างสมน้ำสมเนื้อกับตัวตนของซูหยาง นอกจากชัยชนะแล้วไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีกสำหรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“อย่างนั้นรึ…”
“ว่าไปแล้ว พวกเรามีเวลาถึงเจ็ดวันก่อนที่พวกเราจะไปถึงเมืองหิมะร่วง พวกเราควรทำอะไรดีจนกว่าจะถึงตอนนั้น” ซุนจิงจิงซึ่งไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรถามพวกเขา
ศิษย์คนอื่นในเกวียนต่างสบสายตากัน พวกเธอจะสามารถทำอะไรได้ในที่แคบๆแบบนี้
เมื่อถึงตอนนี้ซูหยางก็ลืมตาขึ้นและกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าว่า “ข้ามีข้อเสนอ”
“อืม อะไรรึ”
“ทำไมพวกเรามิร่วมฝึกฝีมือกันจนกระทั่งเราไปถึงจุดหมาย นั่นยังมีเวลาเหลืออีกนับเดือนก่อนที่การแข่งขันระดับภูมิภาคจะเริ่มขึ้น เราสามารถใช้เวลานี้เพิ่มพลังการฝึกปรือของพวกเราให้มากขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้”
“…”
พวกเธอที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันมองเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง
“จ-เจ้าต้องการฝึกคู่รึ…. แม้ว่าข้าจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ พวกเราจะไปหาสถานที่สำหรับเรื่องนี้จากที่ไหน” ซุนจิงจิงถาม
“สถานที่ เกวียนคันนี้มีที่ว่างมากมาย” ซูหยางตอบกลับอย่างเยือกเย็น
“…”
ทั้งเกวียนพลันเงียบสงัด
“เจ้าต้องการฝึกวิชาคู่ที่นี่… แต่นี่ย่อมหมายความว่า…”
บรรดาหญิงสาวในเกวียนต่างพากันสบตากันด้วยความกระอักกระอ่วน แม้ว่าทุกคนที่นั่นต่างก็ร่วมฝึกวิชากับซูหยางมาก่อน แต่พวกเธอก็ไม่เคยทำสิ่งนี้โดยมีคนอื่นอยู่ด้วย อย่าว่าแต่มีคนมากมายเพียงนี้
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ หนึ่งในศิษย์เหล่านั้นก็พูดขึ้นว่า “ข-ข้ามิถือ”
เมื่อคนแรกเห็นด้วยก็เหมือนกับปรากฏการณ์ของคลื่น ที่เหลือล้วนตกลงอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น
“นี่ค่อนข้างน่าตื่นเต้น อือ…”
“ข้ามิเคยคิดมาก่อนว่าข้าจักร่วมฝึกวิชาในห้องเดียวกันกับศิษย์พี่หญิงฟาง…” ซุนจิงจิงหัวเราะหึ
“…”
แม้ว่าเธอจะดูเยือกเย็นในภายนอก ฟางซีหลานก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อยกับสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะต้องร่วมแบ่งปันคู่ฝึกของเธอกับคนอื่นระหว่างกิจกรรมการฝึกของเธอ
“เช่นนั้นเพื่อมิให้เป็นเรื่องยุ่งยาก…”
โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า ซูหยางก็เริ่มถอดชุดของเขาออก
“ใครจะเป็นคนแรก” เขาถามด้วยรอยยิ้ม
–
–
–
ในเวลานั้นภายในเกวียนของผู้นำนิกาย ผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถามขึ้น
“ท่านผู้นำนิกาย โอกาสที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจะชนะการแข่งขันระดับภูมิภาคในปีนี้เป็นอย่างไร”
“แม้ว่าศิษย์ของพวกเราจะก้าวหน้าอย่างน่ากลัวแต่โอกาสที่พวกเราจะชนะในการแข่งขันระดับภูมิภาคค่อนข้างต่ำ ศิษย์ของเราจักต้องต่อสู้กับอัจฉริยะจากสำนักที่ใหญ่และทรงอำนาจกว่า พวกที่ฝึกฝนศิษย์มาสำหรับการต่อสู้ สิ่งที่พวกเรานิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยขาดเป็นอย่างมาก”
จุดอ่อนหลักอย่างหนึ่งของศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็คือพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนโดยไม่สนใจกับความสามารถในการต่อสู้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ทำไมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจึงพ่ายแพ้หมดรูปในครั้งที่แล้วแม้ว่าพลังการฝึกปรือของพวกเขาจะสูง
“ในอนาคต ถ้าเราสามารถฟื้นคืนนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเราไปถึงสภาพเดิมได้จริงๆ ข้าจักต้องให้มั่นใจว่าศิษย์ของเราจักได้รับการฝึกฝนอย่างเหมาะสม…” โหลวหลานจีนึกถอนใจ
“พูดถึงการแข่งขันระดับภูมิภาค เจ้าหญิงของตระกูลเซียก็จักไปที่นั่นด้วย ใช่ไหม” หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายถาม
“นั่นถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตามนี่จักเป็นปัญหากับพวกเราในเมื่อการปรากฏตัวของเธอจักทำให้ผู้เข้าร่วมการแข่งขันคนอื่นยิ่งจริงจังยิ่งขึ้นและยิ่งอันตรายยิ่งขึ้น”
“เพียงเพื่อให้เธอประทับใจเท่านั้น หึ ศิษย์ของพวกเราจักต้องประสบความยากลำบากในครั้งนี้… บางทีอาจจะยิ่งกว่าการแข่งขันครั้งที่แล้ว”
“อาาาาาา”
ทันใดนั้นเสียงของใครสักคนครวญครางก็เข้ามาในเกวียนของพวกเขา
“อะไรกันวะ สั–”
ผู้อาวุโสนิกายสบสายตากันเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยแต่ชวนงุนงงนั้น
โหลวหลานจีขมวดคิ้วและใช้ปราณไร้ลักษณ์เพื่อประเมินสถานการณ์ และทันทีที่เธอมองเข้าไปในเกวียนที่บรรทุกซูหยางและตระหนักถึงสถานการณ์สีหน้าของเธอก็มีแต่ความงงงวย
ผู้อาวุโสนิกายคนอื่นต่างก็ตระหนักถึงสถานการณ์ในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
“ซ-ซูหยางคนนี้เป็นบ้าไปแล้ว เขากระทั่งร่วมฝึกคู่กับเหล่าศิษย์ภายในเกวียน”
หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายอุทานออกมา เสียงของเธอมีแต่ความไม่อยากเชื่อและชื่นชมกับความกล้าของเขา
“ยังมีที่และเวลาสำหรับเรื่องนี้อีก นี่ช่างไร้ยางอายเกินไปแล้วถึงแม้จะเป็นศิษย์ของพวกเราก็ตาม”
“จ-เจ้าเลวนั่น…ทำให้หลานสาวของข้าทำเรื่องแบบนี้ เขาไร้ความละอาย” ผู้อาวุโสซุนสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาต้องการที่จะระเบิดเข้าไปในเกวียนของพวกัน้นและหยุดยั้งการกระทำนี้ แต่เขาก็ต้องต้านแรงกระตุ้นนั้นไว้ ในเมื่อเขาไม่ต้องการที่จะถูกซุนจิงจิงเกลียดกับการกระทำเช่นนี้