DC บทที่ 367: วันแรกของการแข่งขันระดับภูมิภาค
“สระสวรรค์คืออะไรรึ” ซูหยางหันไปถามโหลวหลานจีซึ่งก็ส่ายหน้าตอบอย่างรวดเร็ว
“ข้าก็มิรู้เช่นกัน แต่เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักอื่นๆมีปฏิกิริยาต่อชื่อของมัน นั่นคงเป็นอะไรบางอย่างที่มีค่าสูงล้ำมาก” เธอกล่าวกับเขา
ในเวลานั้นเจ้าสำนักที่อยู่ที่นั่นต่างพากันจ้องมองเจ้าซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่ตระกูลซียินดีที่จะเปิดสระสวรรค์อันลึกล้ำนี้ให้กับผู้อื่นใช้
อย่างไรก็ตามเจ้าซียังไม่ได้จบเรื่องพูด เขาพูดต่อว่า “ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเจ้าได้ตำแหน่งที่หนึ่ง เจ้าสำนักและศิษย์หนึ่งคนที่เจ้าเลือกจักได้รับเชิญให้มารับประทานอาหารเย็นร่วมกับตระกูลซี”
เมื่อเหล่าเจ้าสำนักได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของพวกเขาก็เบิกโพลงด้วยความตระหนก
เจ้าซียิ้มเมื่อเห็นท่าทางของเจ้าสำนักและกล่าวต่อว่า “แน่นอนว่านี่เป็นข้อเสนอของลูกสาวข้า ซีซิงฟาง”
เจ้าสำนักเกือบทุกคนกำหมัดแน่นจากความตื่นเต้นอย่างเต็มที่ ถ้าพวกเขาได้อันดับแรก พวกเขาจะสามารถที่จะนำศิษย์ชายที่มีพรสวรรค์มากที่สุดไปร่วมรับประทานอาหารเย็นกับซีซิงฟาง ผูกพันธ์พวกเขาเข้าด้วยกันอย่างเป็นธรรมชาติ
เจ้าซีแค่นเสียงเมื่อเห็นความตื่นเต้นจากสีหน้าเจ้าสำนักเหล่านี้ เขาหัวเราะอยู่ในใจ “งานเลี้ยงอาหารเย็นนี้ถูกยกขึ้นมาก็เพราะว่าลูกสาวข้ามั่นใจว่าซูหยางจะได้อันดับที่หนึ่ง มีรึที่แค่ศิษย์คนหนึ่งจะสามารถล้มคนที่สามารถฆ่าจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณได้”
“ในเมื่อตอนนี้ข้าได้พูดทุกสิ่งที่จำเป็นไปเแล้ว พวกเจ้าก็ควรเริ่มจับหมายเลขจากกล่องได้” เจ้าซีกล่าวกับพวกเขาต่อจากนั้น
บรรดาเจ้าสำนักพยักหน้าและเริ่มเข้าแถวไปยังกล่องก่อนที่พวกเขาจะหยิบกระดาษชิ้นหนึ่งจากในนั้น
หลังจากนั้นเมื่อทุกคนที่นั่นต่างได้รับหมายเลขแล้ว เจ้าซีก็กล่าวขึ้นว่า “ใครที่ได้รับกระดาษเปล่า”
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีบางคนยกมือขึ้น
“เจ้าจับได้กระดาษเปล่ารึ” เจ้าซีเบิ่งตามองดูซูหยาง
ซูหยางแสดงแผ่นกระดาษเปล่าในมือให้ดูพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “นี่หมายความว่าพวกเราได้นั่งดูในรอบแรกใช่ไหม” เขาถามหลังจากนั้น
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เจ้าซีก็พยักหน้า “เจ้ามิต้องเข้าร่วมในรอบแรกและเข้าสู่รอบที่สองได้ในทันที”
ซูหยางพยักหน้าและในเมื่อไม่มีอะไรจะต้องทำอีก เขาก็จึงกลับไปที่โรงเตี๊ยมพร้อมกับโหลวหลานจีอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น
“เชอะ พวกนั้นช่างโชคดีนัก ข้ามั่นใจว่าคงมีคนมากมายที่นี่ที่หวังว่าพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”
“ต่อให้พวกเขาสามารถผ่านเข้ารอบสอง นั่นก็ไกลที่สุดที่พวกเขาจะได้เข้าไปแล้ว”
“จริงด้วย มีโชคมิได้หมายความว่าจะไปได้ไกลถ้าอยู่ในการแข่งขันระดับภูมิภาคนี้”
เจ้าสำนักต่างๆที่นั่นต่างพากันเหยียดหยามโชคดีของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เชื่อว่าพวกเขาเพียงแค่หลบหายนะพ้นไปได้แค่ครั้งหนึ่งและได้อยู่ต่อไปอีกวัน
ในเวลานั้นโหลวหลานจีได้ถ่ายทอดข้อมูลให้กับบรรดาศิษย์และผู้อาวุโสนิกาย
“อะไรนะ พวกเรามิต้องเข้าร่วมในรอบแรกและได้เข้าสู่รอบที่สองโดยอัตโนมัติรึ”
เหล่าศิษย์ต่างพากันงุนงงกับข่าว ในเมื่อพวกเธอได้ตั้งตาคอยการแข่งขันกันทั้งคืนเพียงเพื่อที่จะได้รับการบอกว่าพวกเธอต้องรอไปอีกวันก่อนที่พวกเธอจะได้ร่วมการแข่งขันจริงๆ
“หากจะกล่าวไปแล้ว ข้าแนะนำให้พวกเจ้าทุกคนดูการแข่งขันของคนอื่นในวันนี้ ด้วยวิธีนี้พวกเจ้าจักได้เข้าใจพลังของพวกนั้นได้ดีขึ้นก่อนที่จะต่อสู้” โหลวหลานจีกล่าว
บรรดาศิษย์ต่างพากันพยักหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเธอจะไปดูการแข่งขันอย่างแน่นอนถึงแม้ว่าโหลวหลานจีไม่พูดถึง
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นทุกคนจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ได้เดินทางไปยังโคลีเซียมหิมะร่วง ที่ซึ่งคนนับแสนได้รวมตัวกันอยู่ที่นั่นแล้ว
“ข้ามิเคยเห็นคนมากมายปานนี้ในที่เดียวมาก่อนในชีวิต…”
ศิษย์รุ่นเยาว์ต่างพากันหวาดหวั่นกับภาพเบื้องหน้า
หากว่ามีใครมองดูจากระยะห่าง โคลีเซียมหิมะร่วงก็ดูเหมือนกับทะเลสีดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายนอกโคลีเซียมที่ซึ่งคนหลายพันคนยังพยายามที่จะเข้าไปด้านใน
แต่เป็นโชคดีสำหรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยในฐานะผู้เข้าร่วมแข่งขัน พวกเขาได้รับอนุญาตให้เข้าจากทางประตูด้านหลังของโคลีเซียมโดยไม่จำเป็นต้องรอเหมือนหมู่ชนเหล่านั้น
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ไปถึงพื้นที่สำหรับไว้ให้ผู้เข้าแข่งขันโดยเฉพาะและหาที่นั่งที่นั่น
“พี่ชาย ทางนี้”
ซูหยินพลันโบกมือให้กับเขาหลังจากที่เห็นกลุ่มของเขา สำนักหงส์สวรรค์ได้สำรองที่นั่งไว้ให้พวกเขาอย่างตั้งใจ
“นั่นเป็นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยรึ กว่าครึ่งของพวกเขาเป็นแค่เด็กเล็ก”
ศิษย์สำนักหงส์สวรรค์ต่างพากันงงงันเมื่อเห็นว่ามีเด็กจำนวนมากอยู่ในที่ซึ่งควรจะเป็นสถานที่ของผู้ใหญ่อย่างเช่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยนี้
“เห็นได้ว่าเด็กเหล่านี้รวมกันเกินกว่าครึ่งของทั้งนิกายของพวกเขาหลังจากที่เกิดเหตุการณ์กับนิกายล้านอสรพิษนั้น” ศิษย์อีกคนกล่าว
“ไม่มีทาง… พวกเขายังคงถือว่าเป็นสำนักได้อย่างไรด้วยศิษย์ที่มีจำนวนน้อยนิดแค่นี้”
ขณะที่สำนักหงส์สวรรค์กระซิบกระซาบกันเกี่ยวกับศิษย์รุ่นเยาว์นั้น นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็เข้าประจำที่นั่ง
“นิกายดอกบัวเพลิงอยู่ที่ไหนหรือ” โหลวหลานจีถามหลังจากที่ตระหนักว่าอีกฝ่ายนั้นไม่อยู่
“พวกเขาอยู่ตรงนั้น” ซูหยินชี้ไปยังบนเวที ที่ซึ่งคนสองกลุ่มรวมตัวกันอยู่ตรงกันข้าม
“พวกเขาต่อสู้รอบแรกรึ ใครเป็นคู่แข่งของพวกเขา” โหลวหลานจีเลิกคิ้ว
เพราะว่าพวกเขาออกไปจากที่ประชุมในทันทีหลังจากที่จับหมายเลข ทั้งซูหยางและโหลวหลานจีจึงไม่รู้เรื่องกำหนดการณ์
“นิกายแท่นบูชาทอง” ไป่ลี่ฮัวพลันตอบ
“คารวะ ผู้อาวุโสไป่” โหลวหลานจีโค้งคำนับไป่ลี่ฮัวผู้เป็นเจ้าสำนักของสำนักหงส์สวรรค์อย่างนอบน้อม
ไป่ลี่ฮัวพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “ระหว่างนั้นพวกเราจะได้พบกับสำนักอินทรีทอง สำนักระดับกลาง”
จากนั้นเธอก็หันไปยังซูหยางและกล่าวว่า “อีกอย่างหนึ่ง แม้ว่าเราจะร่วมเป็นพันธมิตร ถ้าเราต้องสู้กันระหว่างการแข่งขันนี้ สำนักหงส์สวรรค์ของข้าจักมิปล่อยเจ้าไปง่ายๆ ดังนั้นอย่าคิดมากถ้าพวกเจ้าแพ้”
“ข้าก็จะกล่าวคำพูดเดียวกับท่านเช่นกัน” ซูหยางตอบพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า