Dual Cultivation บทที่ 391: บงกชดาลเดือด
หลังจากที่เห็นซูหยางป้องกันเพลิงสวรรค์ของตนเองได้อย่างง่ายดาย หลินเชาชางรีบพุ่งเข้าไปหาเขาด้วยหมัดที่กำแน่นและเตรียมวิชาต่อไป
“ทัณฑ์สวรรค์เผาผลาญ”
ครั้นเมื่อเธอเข้าไปใกล้มากพอ หลินเชาชางก็ต่อยหมัดทั้งสองของเธอออกไปยังซูหยางซึ่งเพียงยืนอยู่อย่างสบายที่นั่น ราวกับว่าเขาต้องการรับมันไว้
เปลวเพลิงสองสายที่รูปร่างเหมือนมังกรหมุนเป็นเกลียวเข้าใส่ซูหยางด้วยความเร็วสูงสุด ทำให้พื้นดินที่มันผ่านไปลุกเป็นไฟ
มันแผ่ความร้อนออกมาจนกระทั่งผู้ชมสามารถรู้สึกได้ถึงกระแสไอร้อนที่ผ่านหน้าไป
บูม
มังกรทั้งคู่ปะทะกับซูหยางที่ยังยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าเฉยเมยแม้กระทั่งในขณะที่เพลิงลุกท่วมร่างของเขา
ซี่ซซซซซซ…
เสียงที่เหมือนเนื้อไหม้พองดังอยู่ในหูของผู้ฟัง ทำให้ร่างของพวกเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจข่มกลั้น
“พระเจ้า เขาคงมิตายจากการโจมตีนั่น ใช่ไหม”
“ต่อให้เขามิตาย ใบหน้าหล่อเหลาของเขาย่อมต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแน่หลังจากที่สวาปามการโจมตีรุนแรงนั่น”
“…ศิษย์พี่ชายคงมิเป็นไรใช่ไหม” เหล่าศิษย์รุ่นเยาว์ดูอยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล กระทั่งพวกเขาก็ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะมีใครรอดจากการโจมตีที่โหดร้ายแบบนี้ตรงๆได้
“ฮ่าาา…ฮ่าา..ฮ่าา..” หลินเชาชางหอบหายใจหนักหลังจากที่เธอจ้องไปยังภาพของการเผาผลาญด้านหน้าเธอ เธอไม่คาดคิดว่าเธอจะต้องใช้ไม้ตายหนึ่งของเธอตั้งแต่ต้นการแข่งขัน
“ข้ามิได้ฆ่าเขา ใช่ไหม”
แม้ว่าเธอเกลียดซูหยางหลายอย่าง แต่นั่นก็ไม่ถึงกับจุดที่ว่าเธอต้องการฆ่าเขา ตามจริงถ้าเธอฆ่าเขานั่นย่อมสร้างความยุ่งยากให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและหวังชูเหรินซึ่งดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพวกนั้น
“อย่ากังวล เพลิงที่อ่อนโยนเช่นนั้นมิอาจที่จะทำร้ายแม้เพียงผมเส้นเดียวบนตัวข้าได้ อย่าว่าแต่จะฆ่าข้า”
เสียงของซูหยางพลันดังขึ้น
และอีกไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นหลังจากที่ไฟมอดดับแล้ว ร่างสูงโปร่งและใบหน้าทรงเสน่ห์ของซูหยางก็โผล่ออกมาให้เห็นในตำแหน่งเดิมโดยไม่มีแม้กระทั่งริ้วรอยบาดเจ็บแม้แต่รอยเดียวบนตัวของเขา บ้าไปแล้วกระทั่งเสื้อผ้าก็ยังไม่มีแม้แต่ร่องรอย ราวกับว่าการโจมตีนั้นพลาดอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามพื้นที่รอบตัวเขานั้นล้วนดำไหม้เกรียมและหลอมละลาย
“อะไรกัน นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ผู้ชมต่างพากันตกใจเมื่อเห็นซูหยางครบองคาพยบและปราศจากอันตรายโดยสิ้นเชิง
“เห็นชัดเจนว่าเขาโดนการโจมตีนั่น มิมีทางที่จักมิมีแม้แต่ริ้วรอยบนร่างเขา”
“…”
กระทั่งหลินเชาชางก็ตกใจจนพูดไม่ออก เธอได้แต่จ้องดูหน้ากระจ่างใสของซูหยางด้วยสีหน้างุนงง
“อย่างที่เจ้าเห็น การโจมตีของเจ้านั้นมิมีผลกับข้า ซึ่งจริงแล้วเรานั้นอยู่คนละโลกอย่างสิ้นเชิงเหมือนกับสวรรค์และพื้นพิภพ ดังนั้นทำไมเจ้ามิเก็บปราณและพลังของเจ้าไว้ด้วยการยอมแพ้ข้าเสียในตอนนี้ล่ะ เจ้าต้องใช้มันตอนที่เจ้าไปเยี่ยมข้าในภายหลัง…”
“พ่อง” หลิงเชาชางตะโกน ปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเธอไม่สามารถที่จะเอาชนะเขาได้ “เจ้าต้องใช้กลอะไรบางอย่างแน่ นั่นต้องเป็นกลเดียวกับที่เจ้าใช้เมื่อเจ้าต่อสู้กับเหล่าศิษย์ของพวกเราอยู่ข้างเดียว เป็นไปมิได้ที่ธรรมดาคนอายุน้อยอย่างเจ้าจะทรงพลังมากมายปานนั้น”
หลังจากที่กล่าวคำพูดเหล่านั้นแล้วหลินเชาชางก็คำรามก้อง จนทำให้ปราณไร้ลักษณ์จำนวนมหาศาลระเบิดออกจากภายในร่างกายของเธอ
“บงกชดาลเดือด”
ไม่นานหลังจากนั้นก็เห็นเพลิงสีดำลุกไหม้ออกมาจากรูขุมขนของเธอปกคลุมไปทั่วร่าง หลังจากผ่านไปอีกสักพักร่างของหลินเชาชางก็ครอบคลุมไปด้วยเพลิงสีดำ ดูเหมือนกับสัตว์ร้ายจากนรก
“นั่นมิสมควรกับร่างของเจ้า” ซูหยางเลิกคิ้วไปยังรูปร่างที่ดูดุร้ายของเธอ
ถ้าหากมองดูใกล้ๆก็สามารถเห็นผิวของหลินเชาชาลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างช้าๆ ราวกับว่าถูกเผา
“เจ้ากำลังทำอะไรหลินเชาชาง” เสียงโกรธเกรี้ยวของโหวเยินเจียพลันดังขึ้น “วิชานั้นสามารถใช้ไดเพียงเมื่อเจ้าอยู่ในสถานการณ์เป็นตายเท่านั้น เจ้าต้องการฆ่าตัวตายในการแข่งขันนี้งั้นรึ”
วิชาบงกชดาลเดือดเป็นวิชาขั้นสุดยอดที่มีเพียงศิษย์หลักและผู้อาวุโสนิกายที่สามารถเรียนได้จากนิกายดอกบัวเพลิง และก็เหมือนกับวิชาขั้นสุดยอดส่วนใหญ่ มันเพียงใช้เฉพาะในสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อความเป็นความตายเท่านั้น เมื่อพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากจะต้องใช้มันเพื่อให้รอดชีวิต อย่างไรก็ตามการใช้วิชานี้นั้นจะเป็นภาระของร่างกายของผู้ใช้อย่างหนักและมักจะเป็นอันตรายต่อพลังการฝึกปรือของพวกเขาในอนาคต
“ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไ ท่านผู้นำนิกาย ข้าจักเอาชนะเขาก่อนที่จะเกิดอันตรายที่แท้จริงต่อร่างของเขา” หลินเชาชางกล่าว
“ข้าต้องการหนึ่งนาทีเท่านั้น”
ขณะที่เธอพูดคำพูดเหล่านั้น หลินเชาชางก็ขยับเท้า
ทันใดนั้นราวกับว่าเธอข้ามมิติ หลินเชาชางก็อยู่ห่างเพียงแค่ช่วงแขนจากตรงหน้าซูหยาง
“ทัณฑ์สวรรค์เผาผลาญ”
หลินเชาชางพลันต่อยหมัดออกไปเหมือนก่อนหน้านั้น แต่ต่างจากครั้งที่แล้วเมื่อไฟสามสายที่พุ่งออกไปจากมือเธอแทนที่จะเป็นสอง พวกมันล้วนมีสีดำและมีขนาดใหญ่กว่าเดิม
ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการแข่งขันและเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของข้า ข้าก็มิอาจที่จะทนดูสาวสวยเช่นเจ้าพยายามที่จะทำลายตนเองได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าข้าเป็นต้นเหตุ”
“อย่ากังวล เจ้าสามารถใช้เวลาของเจ้าไปเยี่ยมข้าได้เมื่อเจ้ารู้สึกชอบหลังจากนี้… ข้ามิได้บังคับเจ้าหรือว่าวางแผนไว้ตั้งแต่แรก”
หลังจากที่กล่าวคำพูดเหล่านี้แล้ว ดวงตาของซูหยางก็เปล่งประกายแสงลึกล้ำ
“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ปิดสกัด”
แขนของซูหยางสะบัดหายไปในทันใด
เมื่อพวกมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของหลินเชาชางก็ว่างเปล่า และร่างของเธอก็ตกลงสู่พื้น
อย่างไรก็ตาม ซูหยางก็รวบร่างของหลินเชาชางไว้อย่างสง่างามก่อนที่ผมของเธอจะทันได้สัมผัสพื้น
“จ-เจ้าทำอะไรเธอ”
เสียงตื่นตระหนกของโหวเยินเจียดังขึ้น และตัวของเขาเองก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีในวินาทีถัดไป
“ใจเย็นๆ ข้าเพียงแค่ทำให้เธอหมดสติ โอ ข้ายังคงปิดสกัดพลังการฝึกปรือของเธอไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันมิให้วิชาทำลายล้างนั่นหลุดจากการควบคุมและกลืนกินร่างของเธอ ดังนั้นเธอจักมิสามารถที่จะฝึกวิชาหรือใช้วิชาใดๆในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เธอจักกลับคืนเป็นปกติหลังจากที่ผ่านไปสามวัน”
“…” โหวเยินเจียมองดูเขาด้วยท่าทางงุนงง เขาจนคำพูดแต่นั่นก็เป็นมากกว่าแค่สิ่งใดๆ