DC บทที่ 375: ยาปีศาจเสริมพลัง
“อาาาา ห…หยุด ข้ายอมแพ้ ข้ายอมแพ้”
ศิษย์ที่อยู่ตรงหน้าหงอวี้เอ๋อร์ตะโกนเสียงดังหลังจากที่ถูกทุบตีอย่างต่อเนื่องหลายนาที
“ฮ่าฮ่าฮ่า สุดท้ายนางฟ้าคนนี้ก็สามารถทำให้หนึ่งในศิษย์ของพวกนั้นยอมแพ้ก่อนที่จะทำให้พวกเขาหมดสติ”
ผู้ชมต่างพากันระเบิดเสียงเชียร์หลังจากที่หงอวี้เอ๋อร์ประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่
“นิกายล้านอสรพิษสามารถส่งศิษย์ได้อีกเพียงหนึ่งคนเข้าสู่สนามแข่งขันหลังจากคนนี้ สำนักเมฆม่วงสามารถคืบคลานกลับมาจากสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ และทั้งหมดนี้เกิดมาจากนางฟ้าคนนี้”
“นางฟ้าคนนี้มาจากตระกูลไหน ทำไมข้ามิเคยได้ยินถึงตัวตนที่น่าตระหนกเช่นนี้มาก่อน”
“นางฟ้าคนนี้คือหงอวี้เอ๋อร์จากตระกูลหง แม้ว่าพวกเขามิเคยได้รับฉายาว่าเป็นตระกูล “ใหญ่” แต่แน่นอนว่าพวกเขามีความสามารถที่เปรียบเทียบกับพวกนั้น ตามจริงพวกเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหนึ่งในตระกูลใหญ่ ตระกูลซู”
“ถ้าข้าจำมิผิด นางฟ้าหงตอนนี้หมั้นหมายกับนายน้อยของตระกูลซู”
“นั่นควรจะเป็น ซูอวี้หาน ใช่ไหม นานพอควรแล้วนับตั้งแต่ข้าได้ยินชื่อเขาครั้งสุดท้าย”
“มิใช่เพียงแต่เจ้า ดูเหมือนมิมีข่าวคราวเกี่ยวกับเขามาเกือบปีแล้วตอนนี้ เหมือนกับว่าเขาพลันหายไปจากโลกนี้”
“ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเขาก็คือเขาได้รับบาดเจ็บบางอย่าง ดังนั้นบางทีนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเงียบเช่นนี้”
ในขณะที่ผู้ชมพูดคุยกัน ฟูกวานก็มองดูศิษย์คนสุดท้ายของเขา และกล่าวด้วยท่าทางโกรธแค้นเป็นควัน “ข้ามิสนใจว่านังนั่นจะมาจากตระกูลหงหรือไม่ ในเมื่อนังนั่นกล้าที่จะสร้างความอับอายให้กับนิกายล้านอสรพิษของเราต่อหน้าคนมากมายและตระกูลซีเช่นนี้ ข้าต้องการให้เธอตาย เจ้าได้ยินข้าหรือไม่ เหมา อี้จวิน”
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกและส่งยาเม็ดสีแดงให้กับเหมาอี้จวินอย่างลับๆ
“นี่คือยาศักดิ์สิทธิ์ที่จักเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเจ้าอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นสิ่งที่ข้าค้นพบด้วยตนเองเมื่อสองสามปีก่อนและมิเคยเปิดเผยต่อผู้คน มันจักปกปิดพลังการฝึกปรือของเจ้าเช่นกัน ทำให้เหมือนกับว่าเป็นปกติมิมีอะไรเปลี่ยนแปลง เหมือนกับว่ามันเป็นความแข็งแกร่งปกติของเจ้า แต่ตามจริงความแข็งแกร่งของเจ้าจักมากกว่าสิ่งที่เห็นอย่างแท้จริง”
“นิกายล้านอสรพิษจักต้องสูญเสียสิบล้านก้อนหินวิญญาณ ถ้าข้าฆ่าเธอ” เหมาอี้จวินกล่าวด้วยท่าทางเคร่งเครียด
“ข้ามิสน แม้ว่านั่นอาจจะทำให้พวกเราเจ็บตัวบ้าง แต่ก็จักคุ้มถ้าข้าสามารถกำจัดอสูรเช่นเธอได้ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าต้องเป็นภัยคุกคามต่อพวกเราในอนาคตถ้าพวกเราปล่อยให้เธอเติบโตเข้มแข็ง”
ในขณะที่ฟูกวานยังไม่มีเบาะแสถึงเหตุผลที่หงอวี้เอ๋อร์มุ่งเป้ามาที่พวกเขา แต่เขามั่นใจว่าเธอจักกลายเป็นยอดยุทธที่น่าหวาดหวั่นในอนาคตจากพรสวรรค์เหนือมนุษย์ของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้
ถ้าเขาไม่จัดการหงอวี้เอ๋อร์ในวันนี้และเธอกลายเป็นผู้แข็งแกร่งนั้น ใครจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรกับนิกายล้านอสรพิษ อย่างไรก็ตามหากตัดสินจากการกระทำและความเป็นปรปักษ์ที่เธอแสดงออกในวันนี้ ดูเหมือนว่าเธอจะต้องพยายามทำลายพวกเขาหากว่าให้โอกาสเธอ
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เหมาอี้จวินก็พยักหน้าและแอบกลืนเม็ดยาสีแดง
ทันทีที่เขากลืนเม็ดยา เหมาอี้จวินสามารถรู้สึกได้ว่าตันเถียนของตนเองขยายออกและเต็มไปด้วยปราณไร้ลักษณ์
“ช่างเป็นยาที่ล้ำลึก ช่างเป็นความรู้สึกที่สดชื่นอะไรเช่นนี้ ข้าสามารถทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้” เหมาอี้จวินเผยให้เห็นรอยยิ้มกว้างหลังจากที่รู้สึกถึงพลังอันมหาศาลพุ่งเข้าใส่ร่าง ถ้าให้เขาเดา ระดับของพลังการฝึกปรือของเขาควรจะสามารถเปรียบได้กับคนที่อยู่ระดับเก้าเขตปฐพีวิญญาณ เกือบหนึ่งขอบเขตสูงกว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาตอนนี้
หลังจากที่ยืดกล้ามเนื้อที่กรีดร้องต้องการทำอะไรสักอย่าง เหมาอี้จวินก็ก้าวขึ้นสู่เวที
สีหน้าเรียบเฉยของหงอวี้เอ๋อร์เปลี่ยนไปเป็นครั้งแรกหลังจากที่รับรู้ถึงกลิ่นอายของเหมาอี้จวิน
“ยาปีศาจเสริมพลังรึ ข้ามิคิดว่ายาชนิดนี้จะปรากฏในโลกนี้ด้วยเช่นกัน” หงอวี้เอ๋อร์พึมพัมเสียงเบา
เหมาอี้จวินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทำไมเธอจึงสามารถบ่งบอกออกมาได้ว่าเขาใช้ยา ไม่ใช่ว่าฟูกวานเพิ่งพูดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกออกมา
“อย่ากังวล ข้ามิพูดอะไรทั้งสิ้น” หงอวี้เอ๋อร์แสดงรอยยิ้มลึกลับให้กับเขา “สุดท้ายต่อให้ข้ามิทำอะไรเลย เจ้าก็ยังคงพ่ายแพ้”
“ดูสิ นางฟ้าหงกำลังยิ้มอยู่จริงๆ เจ้าคิดว่าอะไรเป็นเหตุให้เธอยิ้ม”
ผู้ชมหลายคนพลันหลงเสน่ห์รอยยิ้มของเธอ
“ยาปีศาจเสริมพลัง…” ซูหยางก็สังเกตเห็นสถานการณ์นั้นเช่นกัน
“เจ้าพูดอะไรออกมารี” ไป่ลี่ฮัวหันไปมองดูเขาหลังจากที่ได้ยินชื่อที่ไม่เป็นมงคล
“พวกนั้นเล่นสกปรกเหมือนเดิม ยาปีศาจเสริมพลังเป็นเม็ดยาที่จักเพิ่มพลังการฝึกปรือให้ไปถึงจุดสูงสุดของเขตนั้นๆในช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะมีผลสะท้อนกลับที่จักทำลายพลังการฝึกปรือทั้งหมดและฆ่าผู้ใช้ ศิษย์คนนั้นตอนนี้กำลังรู้ถึงผลลัพธ์ของมัน”
“อะไรกัน แต่เห็นชัดว่าเขายังคงอยู่ที่ระดับหนึ่งของเขตปฐพีวิญญาณ” ไป่ลี่ฮัวกล่าวกับเขา
“ท่านจักเข้าใจก็ตอนที่เขาเริ่มใช้วิชาของเขา” ซูหยางไม่คิดจะอธิบาย
ไป่ลี่ฮัวไม่กล่าวอะไรอีกและหันหน้าไปให้ความสนใจบนเวที ที่ซึ่งซื่อตงเพิ่งประกาศการแข่งขันรอบสุดท้ายของวันนี้
“เจ้ากำลังจะไปไหน มิใช่ว่าเจ้ากำลังจะมาทุบตีข้าเช่นเดียวกับที่เจ้าทำกับศิษย์ร่วมสำนักของข้ารึ”
เหมาอี้จวินไล่ตามหงอวี้เอ๋อร์ที่พลันเริ่มวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามทันทีที่เริ่มการต่อสู้
“ก็เหมือนที่ข้าพูดไว้ ข้าจักชนะโดยมิต้องยกแม้แต่นิ้วเดียวไปต้านเจ้า” หงอวี้เอ๋อร์กล่าวขณะที่เธอหลบหลีกเหมาอี้จวินอย่างต่อเนื่องราวกับว่าเธอกำลังวิ่งหนีแมลงสาบ
การกระทำของหงอวี้เอ๋อร์สร้างความงุนงงและสับสนให้กับผู้ชมในเวลาเดียวกัน ในเมื่อพวกเขาล้วนคาดว่าเธอจะทุบตีเหมาอี้จวินตั้งแต่เริ่มต้นเหมือนกับการต่อสู้ครั้งก่อน
“นางฟ้าหงทำอะไรอยู่ ทำไมเธอจึงหลีกเลี่ยงเหมาอี้จวิน”
บางทีเธออาจจะพยายามที่จะฟื้นคืนพลังบางส่วนก่อนที่จะเผชิญหน้ากับเขาหรือเปล่า มิว่าอย่างไรเธอก็ได้ต่อสู้มาโดยมิได้พัก
พวกเขาทั้งหลายต่างพากันคาดเดาถึงเหตุผลที่หงอวี้เอ๋อร์มีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด