dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน – Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – บทที่ 474 โกหกต่อหน้าเธอ

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - บทที่ 474 โกหกต่อหน้าเธอ

Dual Cultivation บทที่ 474: โกหกต่อหน้าเธอ

หลังจากที่พูดกับอีกฝ่ายได้หลายนาที จางซิวยิงก็ยืนขึ้นและเดินไปยังห้องที่ห่างออกไปไม่กี่เมตรและเปิดประตู

กลิ่นหอมลอยมาจากห้องนั้น กลิ่นนั้นติดตัวจางซิวยิงอยู่เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นห้องนอนของเธอเอง

“ซูหยางท่านคงมิได้มาที่นี่เพียงเพื่อแค่พูดเล่นเป็นเพื่อนข้าหรอกใช่ไหม”

แต่ทว่าซูหยางเพียงแค่ยักไหล่พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าและกล่าวว่า “ใครจะรู้ บางที่ข้ามาที่นี่เพียงเพื่อพูดก็เป็นได้”

“…”

จางซิวยิงมองดูเขาด้วยใบหน้าประหลาดใจ

เวลาถัดไป ซูหยางก็หัวเราะเบาๆ “ข้าเพียงแค่พูดเล่น แต่พวกเรามาทำอะไรที่นี่กันเถอะ”

เขาพลันคว้าแขนเธอและดึงเธอเข้ามาหา ก่อนที่จะพาเธอนอนลงบนโต๊ะ

“อา ท่านต้องการที่จะทำที่นี่รึ” จางซิวยิงอุทานด้วยเสียงตื่นตระหนก

“เจ้ามิต้องการรึ” ซูหยางกระซิบข้างหูเธอขณะที่นิ้วของเขาลูบไล้ไปยังต้นขา

จางซิวยิงสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจแผ่วเบาของเขาในหูของเธอและความรู้สึกเสียวซ่านก็คืบคลานขึ้นมาจากขาของเธอ

สองสามวินาทีให้หลัง เมื่อนิ้วของซูหยางเลื่อนมาถึงผ้าไหมที่ปกปิดกลีบดอกไม้ของจางซิวยิง เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “โอ เมื่อไหร่กันที่เจ้าเปลี่ยนรสชาติ”

“ม-ไม่กี่วันก่อน” เธอตอบสนองด้วยใบหน้าที่บานสะพรั่งไปด้วยสีแดง

ซูหยางใช้นิ้วสองนิ้วดึงเชือกที่ใกล้กับต้นขาของเธอ จนทำให้ทั้งชิ้นนั้นหลวมหลุดออก

“ซูหยาง…”

จางซิวยิงพึมพัมชื่อเขาขณะที่มือของเขาย้านชายด้านล่างของชุดคลุมของเธอไปด้านข้างอย่างช้าๆ เผยให้เห็นกลีบดอกไม้ฉ่ำเยิ้ม

ซูหยางก็คลายชุดคลุมของตนเองเช่นกัน จนทำให้งูที่ซ่อนอยู่ภายในกางเกงของเขาปรากฏตัวออกมา

สองสามอึดใจถัดจากนั้น งูก็กลายร่างไปเป็นมังกรก่อนที่จะดำดิ่งเข้าไปในถ้ำเปียกแฉะที่อยู่ระหว่างขาของจางซิวยิง

“อาา…” จางซิวยิงครวญครางอย่างหลงไหลขณะที่ซูหยางขยับสะโพก

ในเวลาเดียวกันหลินเชาชางก็กำลังปิดปากเธอด้วยความตกใจอยู่ด้านนอกหลังจากที่เห็นการร่วมฝึกวิชาคู่ของพวกเขา

“โอ้สวรรค์ พวกเขาถึงกับทำกันในห้องนั่งเล่น” หลินเชาชางร่ำร้องในใจ ดวงตาของเธอเบิกโพลงราวกับจานรองถ้วยขณะที่เธอจ้องมองไปยังการฝึกวิชาของทั้งคู่ผ่านหน้าต่าง

แม้ว่าเธอต้องการที่จะหยุดดู แต่ก็เหมือนมีแรงที่มองไม่เห็นที่ไม่ยอมให้เธอหันหรือหลับตา ราวกับว่าเธอถูกบังคับให้ดู

แน่นอนว่าไม่มีใครที่บังคับเธอให้ดูแต่อย่างใด เพียงฉากนั้นมีมนต์สะกดอย่างไม่น่าเชื่อและหลินเชาชางก็ไม่มีความตั้งใจที่จะหยุดมอง

โชคของเธอยังดี พื้นที่บริเวณนั้นปกติไม่มีผู้คน ดังนั้นหลินเชาชางจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครอาจจะเห็นการกระทำอันไร้ยางอายของเธอโดยบังเอิญ

ชั่วขณะหลังจากนั้น ซูหยางก็อุ้มจางซิวยิงและพาเธอเข้าไปในห้องนอน ก่อนที่จะปิดประตู

ครั้นเมื่อพวกเขาไปแล้ว ในที่สุดหลินเชาชางก็สามารถที่จะกระพริบตาและหายใจได้เป็นปกติ

หลังจากที่หายใจได้ทันแล้ว เธอก็กลับไปยังที่พักของเธอเอง ที่ซึ่งเธอจะได้จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างต่อไป แต่ทว่าเธอไม่ได้จ้องมองออกไปด้วยสีหน้าว่างเปล่าอีกในเมื่อในใจเธอเต็มไปด้วยฉากของซูหยางและจางซิวยิงร่วมฝึกวิชาคู่กัน

“ถ้าข้าไปหาเขา เขาจะทำอย่างเดียวกันกับข้างั้นรึ” เธอพึมพัมพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ

สองสามชั่วโมงให้หลัง เธอก็สังเกตเห็นซูหยางกลับคืนมาจากที่พักของจางซิวยิง

“เขากลับมาแล้วรึ พวกเขาทำเช่นนี้มาโดยตลอดงั้นรึ” หลินเชาชางครุ่นคิดในใจ ไม่ว่าอย่างไรเธอคาดว่าเขาจะพักที่ที่พักของจางซิวยิงตลอดคืน

“หือ เจ้านั่งอยู่ที่นี่มาตลอดเลยรึ เจ้ามิเบื่อที่จะนั่งจ้องไปยังเมฆตลอดวันบ้างรึ” ซูหยางพลันถามเธอ

“ท-ทำไมเจ้าต้องสนใจด้วย มิใช่กงการธุระของเจ้าที่ข้าจะทำอะไร”

รอยยิ้มลึกลับปรากฏบนใบหน้าซูหยางขณะที่เขายักไหล่ “ถ้าเจ้าเบื่อปานนั้น เจ้าสามารถเคาะประตูห้องข้าได้เสมอ อย่าลืมว่าข้ามีวิธีมากมายที่จะสร้างความบันเทิงให้กับเจ้า”

“ฝันไปเถอะ ซูหยาง”

หลินเชาชางพูดเสียงดังก่อนที่จะปิดหน้าต่างและผ้าม่านจากนั้นเธอก็พยายามที่จะฝึกวิชา

ซูหยางเพียงแค่ส่ายหน้าและเข้าไปในที่พักไม่นานหลังจากนั้น

สองสามชั่วโมงให้หลัง หลินเชาชางก็ได้ยินใครบางคนหัวเราะด้านนอกอาคารของเธอ ซึ่งเป็นการรบกวนการฝึกของเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะแอบมองดูผ่านผ้าม่าน

“ขอบคุณซูหยางสำหรับประสบการณ์ที่น่ามหัศจรรย์”

เด็กสาววัยรุ่นหน้าตาน่ารักกล่าวกับเขาขณะที่เธอเดินออกมาจากอาคารของเขาด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่เสถียร

“ศิษย์น้องหญิงมิน”

หลินเชาชางงงงันเมื่อเห็นเพื่อนศิษย์ซึ่งก็เป็นศิษย์หลักเช่นกันออกมาจากที่พักของซูหยาง

เมื่อไหร่กันที่เธอเข้าไปในที่พักของซูหยางและนานเท่าไหร่แล้วที่เธออยู่ภายในนั้น และที่สำคัญที่สุดเธอทำอะไรภายในนั้นตั้งแต่แรก

ครั้นเมื่อซูหยางกลับเข้าไปภายในอาคารแล้วหลินเชาชางก็เปิดหน้าต่างและเรียกศิษย์น้องมินคนนี้

“ศิษย์น้องหญิงมิน เจ้ามาทำอะไรภายในอาคารของชายคนนั้นรึ” เธอถามอีกฝ่าย

“ศิษย์พี่หญิงหลิน…” ศิษย์มินทักทายเธออย่างลังเลก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างกังวล “ซ-ซูหยาง…เขาใจดีให้คำแนะนำในด้านการฝึกวิชา…”

“…”

หลินเชาชางมองดูอีกฝ่ายด้วยดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

“เจ้ากล้าที่จะมองดูตาข้าและกล่าวซ้ำคำพูดนั้นอีกครั้งหรือไม่” เธอร่ำร้องในใจ

ศิษย์มินคนนี้เห็นได้ชัดว่าโกหกต่อหน้าเธอ

ใครก็สามารถจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในบ้านหลังนั้นเมื่อหญิงสาวออกมาจากนั่นในขณะที่ทำท่าทางกระวนกระวายและเป็นกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซูหยางพักอยู่ในบ้านหลังนั้น

“อ-อย่างงั้นรึ… ข้าหวังว่าเจ้าได้คงเรียนอะไรบางอย่างจากเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นอัจฉริยะในเขตอัมพรวิญญาณ” หลินเชาชางกล่าวพร้อมกับเค้นรอยยิ้มออกมา ทำท่าเหมือนกับว่าเธอไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย

ศิษย์คนนั้นจากไปไม่นานหลังจากนั้น และหลินเชาชางก็ถอนหายใจ หวังว่าเธอจะไม่ต้องได้รับประสบการณ์อะไรแบบนี้อีก

แต่อนิจจาเหมือนกับว่าสวรรค์ต้องการกลั่นแกล้งเธอ ศิษย์หลักต่างพากันมาแสดงตัวเข้าเยี่ยมที่พักของซูหยางหลังจากนั้นและขัดขวางกระบวนการฝึกวิชาของเธอ

dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน

dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน

⊕ ฐานะและความร่ำรวยจะมีค่าอะไรถ้าไม่มีใครร่วมแบ่งปัน  ⊕

 

♥ Dual Cultivation จะเผยให้เห็นถึงอีกด้านของโลกผู้ฝึกปราณที่มีแต่ความโดดเดี่ยว♥
ซูหยางถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่หน้าผาบาปนิรันดร์ ที่ซึ่งมีแต่อาชญากรสุดชั่วช้าเหี้ยมโหดเท่านั้นอาศัยอยู่
♥ควมผิดของเขา ล่อลวงภรรยาของเทพจันทรา♥ ลักพาน้องสาวของราชันย์มังกร♥ และร่วมเรียงเคียงหมอนกับลูกสาวสุดที่รักของจักรพรรดิสวรรค์♥
สุดท้ายเขาพบกับชายชราลึกลับซึ่งช่วยให้เขาหนีออกจากคุกโดยการส่งไปสู่ร่างใหม่
♥ในชีวิตใหม่ ซูหยางสาบานว่าจะตามหารวบรวมคนรักของเขาใหม่ และโอบพวกเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง♥

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท