“น-นั่นต้องมีความผิดพลาดแน่ นี่เป็นการทดสอบพรสวรรค์ ใช่ไหม ข้าได้ก้าวเข้าถึงเขตสัมมาวิญญาณเมื่อตอนอายุได้ 20 ปี เห็นได้ชัดว่าข้ามิใช่ผู้ฝึกวิชายุทธระดับปานกลางทั่วไป” เว่ยลี่หวงปฏิเสธที่จะยอมรับผลลัพธ์
“ข้าต้องขอโทษ แต่นั่นไม่มีข้อผิดพลาด แม้ว่าพลังการฝึกปรือของเจ้าอาจจะเหนือกว่าระดับปานกลาง แต่พวกเราก็ไม่ได้ตัดสินพรสวรรค์ของแต่ละคนจากพลังการฝึกปรือ” ซูลี่ชิงกล่าวกับเขา
เมื่อผู้เข้าชมได้เห็นว่าเว่ยลี่หวงตกการทดสอบรอบที่ 3 พวกเขาต่างพากันงุนงง
“เว่ยลี่หวงล้มเหลวในการทดสอบพรสวรรค์งั้นรึ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นอัจฉริยะในการฝึกวิชายุทธ”
“ไม่มีใครนอกจากนิกายสุมาลย์พ้นพิสัยที่รู้ว่าการทดสอบเหล่านี้จริงแล้วเป็นอย่างไร ดังนั้นพวกเราจึงไม่มีทางรู้ได้เลย”
“บ-บ้าไปแล้ว” เว่ยลี่หวงฟูมฟายอยู่บนเวที แต่ทว่าแม้เขาจะรู้สึกโกรธเพียงใดก็ตาม เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามเมื่อมีจอมยุทธหลายคนรวมไปถึงตระกูลซีคอยเฝ้าดูทุกสิ่งอยู่ที่นั่น
ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็กระทืบเท้าออกไปจากเวทีหายไปจากพื้นที่ทดสอบในทันที
“เพียงแต่ว่าน้ำในอ่างนั้นเป็นน้ำประเภทไหนกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เป็นน้ำธรรมดา” ไป่ลี่ฮัวถามออกมาเสียงดัง
อย่างไรก็ตามจอมยุทธคนอื่นๆที่ตรงนั้นต่างก็พากันส่ายหน้าในเมื่อพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรเช่นเดียวกัน
2-3 นาทีให้หลัง ก็มีคนอื่นสามารถก้าวเข้าไปสู่เวทีทดสอบลำดับที่สามได้สำเร็จ และเขาก็มีอายุเพียง 17 ปี ชายหนุ่มที่มีพลังการฝึกปรือเพียงแค่ระดับ 2 ของเขตปฐมวิญญาณ
“เขาอายุได้ 17 ปีแล้ว แต่ยังคงอยู่แค่เพียงระดับ 2 ของเขตปฐมวิญญาณ ถ้าแม้กระทั่งอัจฉริยะอย่างเช่นเว่ยลี่หวงไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มคนนี้จะสามารถผ่านไปได้เช่นกัน”
ผู้คนที่นั่นต่างพากันตัดสินในใจไปแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ย่อมไม่ผ่านการทดสอบอย่างแน่นอน
แต่อย่างไรก็ตามสองสามอึดใจให้หลัง หลังจากที่ชายหนุ่มคนนั้นผสมเลือดของเขาภายในอ่างบรรจุน้ำ ผู้ชมที่นั่นต่างก็พากันตกใจที่เห็นน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆภายในไม่กี่วินาทีก่อนที่จะกลับคืนสู่สภาพใสสะอาด
“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้ผ่านการทดสอบแล้ว” ซูลี่ชิงกล่าวกับเขา
“อะไรกัน ทำไมเขาจึงผ่านการทดสอบด้วยพลังการฝึกปรือเพียงแค่นั้นในอายุเท่านั้น นั่นต้องมีอะไรผิดพลาดที่นี่เป็นแน่”
ไม่เพียงแต่ผู้ชมแต่กระทั่งตัวชายหนุ่มเองก็รู้สึกงงงันผลลัพธ์ ในเมื่อเขาก็เกือบไม่ได้คาดหวังที่จะผ่าน “ข-ข้าผ่านรึ…” เขาพึมพัมกับตัวเอง
ซูลี่ชิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มและกล่าวว่า “ใช่ เจ้าสามารถมุ่งหน้าไปยังเวทีที่ 4 สำหรับการทดสอบครั้งสุดท้าย”
ชายหนุ่มพยักหน้าและมุ่งตรงไปยังเวทีที่ 4 ที่ซึ่งซูหยางได้ยืนหลับตาอยู่อย่างสบายๆที่นั่น
ครั้นเมื่อชายหนุ่มขึ้นไปยืนบนเวที ซูหยางก็ลืมตาขึ้นและกล่าวว่า “หลินนา เข้ามาประลองกับชายหนุ่มคนนี้”
“เอ๋ ข้ารึ”
หลินนาชี้ไปที่ตัวเธอเองด้วยใบหน้างงงัน
“ข-ข้ามาแล้ว”
เธอกระโดดขึ้นไปบนเวทีไม่นานหลังจากนั้น
“ จำกัดตัวเจ้าเองที่เขตปฐมวิญญาณ แล้วก็ต่อสู้กับเขาอย่างจริงจัง” ซูหยางกล่าว
หลินนาพยักหน้าจากนั้นทั้งสองก็เริ่มต่อสู้กันบนเวทีไม่นานหลังจากนั้น
การต่อสู้นั้นอยู่ได้ไม่ถึงนาที และก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดคิด หลินนาชนะการต่อสู้นั้นโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ
“ ท่านคิดว่าเป็นอย่างไร” หลินนาถามซูหยาง หลังจากการต่อสู้จบลง
ซูหยางจ้องมองไปที่ชายหนุ่มชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้า “เจ้าผ่านแล้ว”
เมื่อชายหนุ่มได้ยินคำพูดเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาและเขาก็โค้งคำนับไปยังซูหยาง “ ขอบคุณท่านผู้นำนิกาย ศิษย์คนนี้ จะไม่ทำให้นิกายผิดหวัง”
“ รับสิ่งนี้และกลับบ้านไปเตรียมตัว กลับมาที่นี่อีกใน 7 วันข้างหน้า เมื่อตอนที่การทดสอบศิษย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว” ซูหยาง โยนตราให้กับเขา ซึ่งระบุว่าเขาเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“ขอรับท่านผู้นำนิกาย” ชายหนุ่มโค้งคำนับเขาอีกครั้งก่อนที่จะลงจากเวทีไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในขณะที่ชายหนุ่มพยายามออกจากพื้นที่นั้นเขาก็ถูกผู้ชมรุมล้อม
“ขอแสดงความยินดีหนุ่มน้อย เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“พี่ชายหนุ่มหล่อทำไมเราไม่มาฉลองความสำเร็จของเจ้าที่ร้านอาหารกันก่อนล่ะ”
“ข้าเป็นผู้นำของตระกูลหวงจากเมืองหมอกควัน ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไรในอนาคต เจ้าสามารถไปหาข้าได้เพื่อขอความช่วยเหลือ”
ชายหนุ่มงงงันที่เห็นผู้คนพากันประจบประแจงเขาก่อนที่เขาจะทันได้สวมชุดเครื่องแบบของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยได้ประสบมาก่อน
“ข-ขอโทษ… ข้าต้องกลับไปที่ครอบครัวของข้าก่อน…” ชายหนุ่มพูดก่อนที่จะวิ่งหนีไป
ในเวลานั้นเมื่อผู้เข้าร่วมการทดสอบคนอื่นเห็นว่าในที่สุดก็มีคนที่สามารถผ่านการทดสอบที่ดูเหมือนกับว่าเป็นไปไม่ได้ ความกระตือรือร้นของพวกเขาก็เพิ่มสูงขึ้นและความหวังของพวกเขาก็กลับคืนมาเพราะเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถผ่านการทดสอบไปได้จริงๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มาเข้าร่วมการทดสอบที่มาจากครอบครัวทั่วไปหรือว่าเริ่มต้นเส้นทางการฝึกฝีมือช้า ถ้าหากว่าผู้ที่มีอายุ 17 ปี ในระดับ 2 ของเขตปฐมวิญญาณสามารถผ่านการทดสอบ เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกเขาก็ต้องมีโอกาสเช่นกัน
หลายชั่วโมงหลังจากนั้น หลังจากทดสอบผู้เข้าร่วมการทดสอบมากกว่า 5000 คน มีเพียง 38 คนที่สามารถผ่านการทดสอบและกลายเป็นศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย
“จำนวนคนที่ผ่านการทดสอบมีน้อยกว่า 1%… แม้กระทั่งสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสำนักที่เข้มงวดที่สุดก็ยังไม่มีอัตราประสบความสำเร็จต่ำเช่นนี้”
“แม้ว่าพวกเขาจะชนะการแข่งขันระดับภูมิภาคและมีอัจฉริยะที่เย้ยสวรรค์มากมาย แต่พวกเขาเข้มงวดและเรียกร้องมากเกินไปหรือไม่ ไม่ว่านิกายจะดีเพียงใดก็ตามถ้าพวกเขามิมีศิษย์เลยนั่นย่อมไม่ดีสำหรับพวกเขาแน่”
คนบางคนที่นั่นต่างรู้สึกว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยโลภและจู้จี้มากเกินไปในเรื่องศิษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความต้องการศิษย์ใหม่เป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาย่อมไม่สามารถที่จะรับศิษย์ได้ถึงครึ่งของขีดจำกัด 1,000 คนอย่างแน่นอน
หญิงสาวคนหนึ่งสังเกตเห็นสายตาของซูหยางได้อย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันเธอก็จ้องมองเขามาตลอดช่วงเวลานี้ เมื่อเธอรู้ว่าเขากำลังมองไปที่เธอและอาจจะจำเธอได้ เธอก็หน้าแดงและคำนับไปที่เขาก่อนที่จะสัมผัสกับเทวรูป
“19 ปี ระดับ 1 เขตสัมมาวิญญาณ”