“โอ และเจ้ามิต้องผ่อนปรนการลงโทษ ในเมื่อเขามิอาจจะฆ่าตัวตายได้ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรกับเขาก็ตาม” ซูหยางพลันกล่าวกับเธอด้วยเสียงเย็นชา
“ด-เดี๋ยวก่อน… เขามิสามารถฆ่าตัวตายรึ นั่นหมายความว่าอะไร” ไป่ลี่ฮัวถามเขาด้วยความสนใจที่พุ่งขึ้น
“ข้าได้วางคำสาปบนตัวเขา เขามิสามารถที่จะฆ่าตัวตายแม้กระทั่งเขาอยากตายแค่ไหนก็ตาม” เขาตอบอย่างเยือกเย็น
“น-นั่นมันทำงานอย่างไร” ผู้อาวุโสจงถาม ในเมื่อเขาเองก็รู้สึกทึ่งกับคำสาปอันลึกล้ำเช่นนั้น
“ข้าสาปวิญญาณของเขา ถ้าหากว่าเขาคิดฆ่าตัวตายแม้เล็กน้อยก็ตาม คำสาปก็จะทำอันตรายต่อวิญญาณของเขา ทำให้เขาได้ประสบกับความเจ็บปวดทรมานที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตายจนกว่าเขาจะล้มเลิกความคิดนั้น อย่างไรก็ตามความเจ็บปวดนี้จักมิฆ่าเขา มิว่าเขาจะได้รับความเจ็บปวดทรมานสักเพียงใดก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นมันก็จักยับยั้งการเคลื่อนไหวของเขาจนกว่าความเจ็บปวดนั้นจะหยุดยั้งลง ดังนั้นเขาจึงมิสามารถบีบบังคับตัวเองผ่านเจ็บปวดได้”
หลังจากที่รู้ว่าคำสาปนี้ทำงานอย่างไร คนที่อยู่ที่ตรงนั้นต่างก็แสดงสีหน้าหวาดหวั่นบนใบหน้าของตนเอง
“ช่างเป็นคำสาปที่โหดร้ายน่าหวาดกลัว เมื่อมิอาจตายได้แม้ว่าจะต้องการก็ตาม” โหลวหลานจีปิดปากของเธอด้วยความตระหนก
“มันอาจจะดูเหมือนโหดร้ายผิดมนุษย์ แต่สำหรับคนที่มีบาปมหันต์อย่างเช่นฟูกวาง เขาสมควรได้รับมันอย่างสาสมแล้ว” ซีซิงฟางกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น ในเมื่อเธอไม่มีความเห็นอกเห็นใจเหลือสำหรับคนที่สามารถสังเวยศิษย์ของตนเองและฆ่าพวกเขาราวกับมดปลวก
“ให้ข้าพาฟูกวางกลับไปยังตระกูลซีเพื่อท่าน องค์หญิง” ผู้อาวุโสจงพลันกล่าวขึ้น
ซีซิงฟางพยักหน้า และผู้อาวุโสจงก็ไล่ตามฟูกวางที่พยายามจะวิ่งหนีด้วยสองขาที่เหลืออยู่
อย่างไรก็ตามโดยที่ไม่มีพลังการฝึกปรือเหลืออยู่ ฟูกวางเพียงสามารถที่จะวิ่งไปได้ไม่กี่ร้อยเมตรก่อนที่จะถูกจับโดยผู้อาวุโสจง
“นรกขุมไหนที่เจ้าคิดว่าเจ้าจะไปรึ ฟูกวาง” ผู้อาวุโสจงบีบคอของเขาและหิ้วเขากลับมาที่ซีซิงฟาง
“คุกเข่าลง” ผู้อาวุโสจงบีบให้ฟูกวางคุกเข่าลงเมื่อพวกเขาไปถึงที่ข้างตัวของซีซิงฟาง
“สัส” ฟูกวางคำราม
“อาาาา”
ฟูกวางกรีดร้องเมื่อผู้อาวุโสจงพลันกระทืบลงไปยังขาข้างหนึ่งของเขา ทำลายกระดูกทั้งหมดในขาข้างนั้น
“พ-พ-พวกเจ้าทั้งหลายรออะไรอยู่ ฆ่าข้าเสียสิ” ฟูกวางตะโกนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
“มิต้องกังวล พวกเรามิฆ่าเจ้าหรอก” ซีซิงฟางจ้องมองเขาด้วยสีหน้าขยะแขยงภายในผ้าปิดหน้าของเธอ ราวกับว่าเธอกำลังมองดูสิ่งที่น่ารังเกียจ
“ข้ากำลังจะพาเจ้ากลับไปยังตระกูลซีและให้เจ้าทนรับผิดชอบต่อทุกชีวิตที่เจ้าได้ขโมยไปแม้ว่าจะผ่านไปร้อยปีก็ตาม”
“พ-พวกสัส นรกขุมไหนที่ข้าจักปล่อยให้พวกเจ้าทรมานข้าไปตลอดชีวิต ถ้าเจ้ามิฆ่าข้าเสียในตอนนี้ เช่นนั้นข้าก็จักยินดีที่จะทำเช่นนั้นเอง”
เพียงแค่ฟูกวางเตรียมตัวที่จะกัดลิ้นตนเองให้ขาดเพื่อฆ่าตัวตายนั้น คำสาปที่ฝังไว้ในจิตใจของเขาโดยซูหยางก็ทำงาน ทำให้ฟูกวางรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากไปทั่วทั้งร่างที่สามารถทำให้แม้กระทั่งคนที่ทนทานที่สุดในโลกนี้ร้องขอให้ช่วยฆ่าตนเองให้ตาย
“อาาาาาาาาาาาาาาาาา”
ฟูกวางกรีดร้องระคายหู เสียงร้องนั้นฟังดูเลวร้ายยิ่งกว่าเสียงของหมูเมื่อตอนที่มันถูกฆ่า และผู้ได้ยินเสียงกรีดร้องน่าหวาดกลัวเช่นนั้นต่างก็พากันหัวใจสั่นสะท้านไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อรู้สึกเหมือนกับว่าตัวของเขากำลังถูกเผาทั้งเป็นในขณะที่ร่างของเขากำลังถูกทิ่มแทงด้วยกระบี่นับพัน ยังไม่ได้พูดไปถึงความปวดหัวที่รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของตนเองนั้นถูกขยี้ด้วยพลังที่มองไม่เห็น ฟูกวางก็ยิ่งตั้งใจที่จะกัดลิ้นของตนเองให้ขาด
แต่ทว่าเขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าเขาไม่สามารถที่จะปิดปากของตนเองลงได้แม้ว่าจะเพียงสักมิลิเมตรเดียว อย่าว่าแต่กัดลิ้น
“ก-เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าจึงมิสามารถที่จะขยับร่างกายได้ และความเจ็บปวดมหาศาลนี่คืออะไรกัน”
ฟูกวางร่ำร้องในใจและเริ่มตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตามในขณะที่เขาตื่นตระหนก ความเจ็บปวดก็ยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นและภายในไม่กี่วินาที ฟูกวางก็สูญสิ้นความสามารถแม้กระทั่งการคิดภายใต้ความเจ็บปวดนี้
“เจ้าควรจะยกเลิกในความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ซูหยางได้วางคำสาปไว้บนตัวเจ้า ซึ่งเจ้าจักมิสามารถฆ่าตัวตายถึงแม้ว่าเจ้าต้องการก็ตาม” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาหลังจากที่เธอไม่สามารถทนฟังเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายได้อีกต่อไป ในเมื่อเธอจะต้องค่อยกลายเป็นบ้าเพียงแค่ได้ฟัง
ไม่นานหลังจากนั้นเมื่อฟูกวางได้สูญสิ้นความหวังที่จะฆ่าตัวตายทั้งหมดแล้ว ความเจ็บปวดก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว
“ข้า..ข้ามิสามารถฆ่าตัวตาย…” ฟูกวางพึมพัมด้วยเสียงเบาหวิวที่ปราศจากอารมณ์ทั้งปวง ราวกับว่าเขาสิ้นทุกความหวังและกลายเป็นบ้า
จากนั้นเขาก็หันไปมองดูซูหยางอย่างช้าๆด้วยสีหน้าหวาดกลัวและกล่าวว่า “เจ้า…ยังเป็นคนอยู่หรือไม่”
“คำพูดเช่นนั้นค่อนข้างจะฟุ่มเฟือยสำหรับเจ้า ผู้ซึ่งสังเวยชีวิตของศิษย์ตนเองกว่า 36,000 คนเช่นนั้น” ซูหยางตอบกลับด้วยสีหน้าเยือกเย็น เห็นได้ชัดว่าไม่มีความรู้สึกสงสารหรือเสียใจในการกระทำของตนเอง
“แต่เจ้าควรถือว่าตัวเจ้ายังโชคดีที่ได้รับคำสาปนั้น ถ้าข้าต้องลงโทษเจ้าด้วยตัวข้าเอง เจ้าจักต้องร้องขอให้ได้รับคำสาปนั้นแทน”
“เขาถือว่าโชคดีที่ได้รับคำสาปนั้นรึ”
คนอื่นๆที่นั่นต่างก็พากันมองดูซูหยางในเวลานั้นเช่นเดียวกัน และพวกเขาต่างก็พากันเงียบบอกกับตัวเองว่าไม่ควรล่วงเกินอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรก็ตาม
“อาาา ข้าจักฆ่าเจ้า” ฟูกวางพลันโถมตัวเข้าไปหาซูหยางทันทีด้วยขาข้างเดียวที่ไม่ได้หักหรือถูกตัดออกไป
ดวงตาของเขาแดงดังเลือดและปากของเขาก็อ้ากว้าง ราวกับว่าเขาพยายามที่จะกัดใบหน้าหล่อเหลาของซูหยาง
เพี๊ยะ
เสียงเพี๊ยะอันสดใสดังขึ้นเมื่อโหลวหลานจีพลันปรากฏตัวขึ้นและตบฟูกวางไปที่ใบหน้า ส่งเขาลอยกลับหลังไป
“ไอ้ย่า แม้ว่าเขามิสามารถฆ่าตัวตาย แต่คนอื่นยังคงสามารถฆ่าเขา เขามิได้แตกต่างไปจากคนธรรมดาในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าฆ่าเขาด้วยแรงตบเมื่อกี้นี้” ซูหยางอุทานออกมาด้วยเสียงขบขันหลังจากที่ประจักษ์ถึงแรงตบอันดุร้ายจากโหลวหลานจี
“ฮึ่ม ข้าหวังว่าข้าจักสามารถฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง” โหลวหลานจีแค่นเสียงเย็นชา