“ช่างเป็นรอยจารึกที่สวยมาก…” จางซิวยิงลูบคำผนึกตระกูลที่อยู่ต่ำลงไปจากบริเวณท้องของเธอด้วยสีหน้าหลงไหล ราวกับว่าแม่ที่ลูบคลำท้องของตนเองตอนท้อง
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ตระกูล” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยรอยยิ้ม
เวลาผ่านไปหลังจากที่พวกเขาได้ชำระล้างร่างกายแล้ว ซูหยางก็ยื่นส่งแหวนมิติให้กับเธอและกล่าวว่า “มีหินวิญญาณอยู่ในนั้นสิบล้านก้อน และมีวิชาการต่อสู้ระดับเซียนอยู่ในนั้นสองสามเล่ม”
“เดิมทีข้าต้องการที่จะให้วิชาฝีมือระดับเซียนกับเจ้า แต่เพราะว่าตอนนี้เจ้าฝึกวิชาฝีมือจากนิกายดอกบัวเพลิงมีรากฐานฝังลึกแล้ว นอกจากว่าเจ้าจะทำลายพลังการฝึกปรือตอนนี้และเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น มิเช่นนั้นเจ้าก็มิอาจที่จะฝึกวิชาฝีมือใหม่ได้”
“อย่างไรก็ตามขอเวลาข้าสักพัก แล้วข้าจักสร้างวิชาใหม่เอี่ยมที่ใช้วิชาฝีมือที่เจ้าฝึกปรืออยู่ในปัจจุบันเป็นฐานให้ วิธีนี้เจ้าก็จักสามารถฝึกวิชาที่เหนือกว่าได้โดยมิต้องจำเป็นที่จะเริ่มการฝึกฝนใหม่”
“ท-ท่านสามารถสร้างวิชาฝีมือใหม่ได้รึ…” จางซิวยิงมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง จากทุกสิ่งที่เธอได้ยินมาในวันนี้ นี่บางทีอาจจะเป็นสิ่งที่น่าตกใจที่สุด เนื่องจากว่าพรสวรรค์ที่จำเป็นในการสร้างวิชาฝีมือนั้นต้องมีมากมายมหาศาลอย่างแท้จริง
“แน่นอน ถึงแม้ว่าข้ายากจะทำเช่นนี้เพราะว่ามันค่อนข้างเหนื่อย”
หลังจากนั้นชั่วขณะจางซิวยิงก็พูดขึ้นว่า “แต่ท่านจะได้รับวิชาฝีมือของนิกายดอกบัวเพลิงได้อย่างไร มีเพียงแต่ศิษย์ที่ยอมให้ได้เห็นมัน และท่านก็เป็นถึงผู้นำนิกายของสำนักอื่น”
“เจ้าคงจะประเมินความสามารถของเซียนต่ำไป ข้ามิจำเป็นต้องอ่านวิชาที่แท้จริงเพื่อทำความเข้าใจมัน พวกเราได้ร่วมฝึกฝีมือมาหลายครั้งแล้วตอนนี้ และข้าสามารถเดาถึงวิชาฝีมือจากปราณหยินในร่างเจ้าอย่างเดียวได้” เขากล่าวด้วยหน้าตามั่นใจ
“อะไรกัน… ของแบบนั้นก็เป็นไปได้ด้วยรึ” จางซิวยิงจ้องมองดูเขาด้วยใบหน้างงงัน
เขาพยักหน้าและพูดต่อหลังจากนั้นชั่วขณะ “มิว่าอย่างไรข้าจักให้ผู้อาวุโสนิกายรับรู้ถึงการคงอยู่ของเจ้า เจ้าสามารถเลือกที่พักที่ว่างหลังไหนก็ได้ที่เจ้าชอบ”
“เช่นนั้นมีบ้านหลังไหนที่ใกล้กับที่พักของท่านหรือไม่ ข้าอยากจะอยู่ใกล้กับท่าน” เธอถาม
ข้าจักย้ายเข้าไปยังศาลาหยินหยางในเร็วๆนี้ ในเมื่อปราณไร้ลักษณ์ที่นั่นมีความเข้มข้นมากกว่า และมีเพียงผู้อาวุโสนิกายที่ยอมให้พักอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น อย่างไรก็ตามในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ดั้งเดิมและคนในตระกูลข้า ข้าสามารถจัดเป็นข้อยกเว้นให้กับเจ้าได้”
“ขอบคุณซูหยาง” เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใส
“ข้าจักมาหาเจ้ายามเมื่อข้าเสร็จสิ้นกับวิชาฝีมือใหม่ของเจ้า ถ้าเจ้าต้องการอะไรก่อนหน้านั้น เจ้าเพียงแค่ติดต่อข้าโดยใช้หยกสื่อสาร”
“อย่างไรก็ตามข้ามีศิษย์หลายร้อยคนรอข้ามอบวิชาฝีมือให้กับพวกเขาอยู่ในตอนนี้”
“ข้าจักพบกับท่านทีหลัง ซูหยาง” จางซิวยิงกล่าวกับเขาก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปคนละทาง
เวลาผ่านไปหลังจากนั้นเมื่อซูหยางไปถึงพื้นที่ชุมนุม เขาก็เรียกศิษย์ใหม่ทุกคนจากสาขาการฝึกฝีมือแบบปกติมา
เมื่อเหล่าศิษย์ได้รับการเรียกตัวจากซูหยาง พวกเขาทุกคนต่างก็พากันพุ่งตรงมายังพื้นที่ชุมนุมด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ครั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดมารวมตัวกันแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “ข้าจักมอบวิชาฝีมือให้กับพวกเจ้าทั้งหมดซึ่งเหมาะสมที่สุดกับพรสวรรค์ของเจ้าให้ในวันนี้ แต่ก่อนที่พวกเราจะเริ่ม ขอให้ข้ากล่าวไว้ก่อนว่าครั้นเมื่อวิชาฝีมือนี้ตกอยู่ในมือเจ้าแล้ว จักเป็นความรับผิดชอบของเจ้าในการที่จะปกป้องมัน”
“มิว่าเจ้าสูญเสียมันไปหรือว่ายกให้ผู้อื่น ถ้าวิชาฝีมือนี้ตกอยู่ในที่มันมิควรจะอยู่ ข้าจักทำลายพลังการฝึกปรือของเจ้าในทันที และขับไล่เจ้าออกไปจากนิกาย คงจะเข้าใจกันชัดเจนแล้วใช่ไหม”
เหล่าศิษย์พากันพยักหน้าในทันทีด้วยสีหน้าหวาดหวั่นบนใบหน้า หากว่าพวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขาจะต้องยอมเสียคัมภีร์วิชาฝีมือหรือไม่ก็ต้องตาย พวกเขาคงต้องยอมตายดีกว่า เพราะว่าพวกเขาพบว่าการล่วงเกินซูหยางนั้นน่ากลัวกว่าความตาย
“ดี เช่นนั้นเข้าแถว ศิษย์นอกจักได้รับวิชาฝีมือก่อนเป็นอันดับแรก ในเมื่อพวกเจ้ามีมากที่สุด”
เหล่าศิษย์นอกต่างพากันเข้าแถวตรงหน้าซูหยาง
จากนั้นเขาก็ทำการแจกวิชาฝีมือเหมือนแจกขนมให้กับเหล่าศิษย์พร้อมกับให้คำอธิบายคร่าวๆถึงวิชานั้น
หลายชั่วโมงให้หลัง เมื่อบรรดาศิษย์นอกทั้งหมดได้รับวิชาฝีมือของตนเองแล้ว ซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนได้รับวิชาฝีมือระดับสวรรค์ ซูหยางก็เรียกศิษย์ในออกมา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง สุดท้ายก็เป็นตาของศิษย์หลักที่จะรับวิชาฝีมือของพวกเขา
“ว-วิชาฝีมือระดับเซียน”
เหล่าศิษย์หลักต่างพากันจ้องสมบัติล้ำค่าในมือของตนด้วยดวงตาเบิกกว้างและกรามอ้าค้าง จนถึงบัดนี้ศิษย์ก่อนหน้านั้นล้วนได้รับเพียงแค่วิชาฝีมือระดับสวรรค์
และในก่อนหน้านี้ซูหยางได้เกริ่นว่าเขาจะให้วิชาระดับเซียน เหล่าศิษย์ต่างไม่กล้าที่จะเชื่อจนกระทั่งพวกเขาได้เห็นด้วยตนเอง
“ท่านผู้นำนิกายซูช่างเป็นคนใจกว้างที่สุดในโลกอย่างแท้จริง… ข้ามิเคยคิดว่าข้าจักได้ฝึกวิชาระดับเซียนในขณะที่เป็นเพียงแค่ศิษย์”
ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนได้วิชาฝีมือเป็นของตนเองแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับพวกเขาว่า “แม้ว่าพวกเจ้าทุกคนตอนนี้มีวิชาฝีมือแล้ว พวกเจ้าก็มิสามารถที่จะเอาชนะหรือล่าสัตว์วิญญาณได้โดยปราศจากวิชาการต่อสู้ ดังนั้นครั้นเมื่อพวกเจ้าได้ทำความคุ้นเคยกับวิชาฝีมือของตนเองแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้าทั้งหมดไปเลือกวิชาการต่อสู้จากหอคัมภีร์พ้นพิสัย วิชาจู่โจมสำหรับเอาชนะคู่ต่อสู้ วิชาป้องกันสำหรับป้องกันการโจมตี และสุดท้าย วิชาเคลื่อนไหวที่จักช่วยเจ้าหลบหลีกการโจมตีที่ร้ายแรงถึงชีวิต”
“หอคัมภีร์พ้นพิสัยมีสามชั้น ชั้นแรกบรรจุวิชาการต่อสู้ระดับปฐพีลงไป ชั้นสองบรรจุวิชาการต่อสู้ระดับสวรรค์ และสุดท้ายแต่ไม่ใช่ที่สุดก็คือชั้นสามซึ่งบรรจุวิชาระดับเซียน”
“ในเมื่อพวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ ข้าจักกำหนดให้นี่เป็นข้อยกเว้น ยอมให้พวกเจ้าทุกคนได้เข้าเยี่ยมทั้งสามชั้นมิว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ระดับใดก็ตาม อย่างไรก็ตามเจ้าจักมีเวลาเพียงแค่หนึ่งปีในการเรียนวิชาเหล่านี้ ในเมื่อสิ่งต่างๆจักเปลี่ยนไปเมื่อมีศิษย์มาถึงมากขึ้นในปีหน้า”
“ตอนนี้ พวกเจ้ามีคำถามอะไรต่อข้าหรือไม่ก่อนที่ข้าจักปล่อยพวกเจ้าแยกย้ายกันไป” ซูหยางกล่าวกับพวกเขา