“หยุด พวกเจ้ากำลังอยู่ตรงหน้าหอประชุมตระกูลซี จงระบุตน”
เมื่อซูหยางและหวังชูเหรินไปถึงที่แห่งนั้น พวกเขาก็ถูกหยุดโดยทหารยามที่เฝ้าระวังสถานที่แห่งนั้น
หวังชูเหรินก้าวขึ้้นไปข้างหน้าและแสดงเหรียญของตระกูลซีให้กับทหารยาม รวมไปถึงจดหมายจากเจ้าซีที่ให้สิทธิ์ในการใช้หอประชุม
“อา ท่านต้องเป็นนักปรุงยาหวังจากนิกายดอกบัวเพลิง พวกเราคาดหวังว่าจะเป็นท่านอยู่แล้ว แต่ว่าใครที่อยู่ด้านหลังท่าน”
ทหารยามชี้ไปที่ซูหยาง ซึ่งตอนนี้ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากก่อนที่จะมาถึงยังที่แห่งนั้น
“นี่เป็นอาจารย์ของข้า นักปรุงยาผู้ทรงเกียรติที่สุดที่ได้ยินยอมให้มีการประชุมนี้ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก” หวังชูเหรินกล่าวกับทหารยาม
“นักปรุงยาผู้ที่ค้นพบโอสถสู่ปฐพีงั้นรึ พวกเราต้องขออภัยที่มิอาจจดจำท่านได้ ท่านผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติ”
เหล่าทหารยามต่างพากันคำนับเขาอย่างเต็มที่ก่อนที่จะปล่อยพวกเขาเข้าไปในหอประชุม
หลังจากที่เข้าไปด้านในอาคารแล้ว ซูหยางก็มองไปยังพื้นที่กว้างขวางนั้นด้วยความพึงพอใจ
“มีตระกูลกี่ตระกูลที่เข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้” เขาถามเธอ
“ผู้เข้าร่วมได้เพิ่มขึ้นจนเป็น 130 สำนัก และ 269 ตระกูลตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้บอกกล่าวให้กับท่าน ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้จำกัดสิทธิ์ให้แต่ละตระกูลและสำนักส่งคนเข้ามาร่วมได้เพียงแค่สองคนในงานประชุมครั้งนี้ ดังนั้นพวกเราก็มิควรจะเห็นคนมากเกินกว่าพันคน”
“ข้าเข้าใจแล้ว… เจ้าทำงานได้ยอดเยี่ยมมาโดยตลอดด้วยตัวของเจ้าเอง” ซูหยางพลันกล่าวยกย่องเธอ และเขาก็กล่าวต่ออีกว่า “เจ้ามีอะไรที่ต้องการเป็นของรางวัลหรือไม่ ข้าจักให้เป็นรางวัลแก่เจ้า”
“อื… มิจำเป็นต้องมีอะไรเป็นพิเศษ…” หวังชูเหรินตอบสนองด้วยท่าทางสับสน ในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะให้รางวัลเธอ
“มิจำเป็นที่จะต้องถ่อมตัว” เขากล่าว
“ถ้าเช่นนั้น… ข้าพอที่จะเรียนรู้เพิ่มในเรื่องเม็ดยาจิตมารได้หรือไม่ ข้าได้เกิดความสนใจในเม็ดยานี้ตั้งแต่ข้าเห็นมัน” เธอกล่าวหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ
“นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการรึ เม็ดยาจิตมารมิได้เป็นอะไรที่น่าประทับใจเท่าไหร่”
“นั่นเพียงพอสำหรับข้าแล้ว” หวังชูเหรินพยักหน้า
“ตกลง เช่นนั้นข้าก็จักมอบสูตรให้กับเจ้าหลังจากที่พวกเราจากที่แห่งนี้ไปแล้ว”
“ขอบคุณ ซู–อาจารย์” หวังชูเหรินคำนับเขา
ในเวลานั้นที่ตระกูลซี เจ้าซีก็ได้จ้องไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาที่ตรงหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “อะไรนะ นักปรุงยาลึกลับนั้นได้มาถึงที่หอประชุมพร้อมกับหวังชูเหรินแล้วอย่างนั้นรึ เจ้ามั่นใจว่าเป็นเขารึ”
“ใช่ ท่านเจ้า ตัวหวังชูเหรินเองได้เป็นคนแนะนำเขาว่าเป็นอาจารย์ของเธอ”
“แล้วตัวตนของเขาล่ะ พวกเราพอจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาหรือไม่” เจ้าซีได้ถามต่อ
“ไม่ เขาได้สวมหน้ากากและทั้งตัวของเขาก็คลุมทับไปด้วยเสื้อคลุมสีดำ ดูเหมือนว่าเขามีเจตนาที่จะซ่อนตัวตนของเขาเอาไว้
“ข้าเข้าใจ… มีอะไรอย่างอื่นอีกไหมที่ข้าควรจะรู้”
“พวกเราได้รับข่าวว่าซูหยางจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้มาปรากฏตัวที่เมืองนี้ เขาถูกพบเห็นว่าเข้าเมืองมาพร้อมกับหวังชูเหริน แต่เขาได้หายตัวไปที่ไหนสักที่หนึ่งหลังจากนั้น”
“ซูหยางรึ เกิดบ้าอะไรกันจึงทำให้เจ้าเด็กเลวนั่นมาทำอะไรที่นี่ หรือว่าเขาก็มาเข้าร่วมงานประชุมด้วยเช่นกัน” เจ้าซีพึมพัมกับตนเอง
“ไม่… ถ้าหากว่าเขามีความสัมพันธ์กับนักปรุงยาลึกลับนั่นล่ะ จากที่รู้จักเขา ข้าเกือบมั่นใจได้ว่าเขาต้องมีความสัมพันธ์กับนักปรุงยานั่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
เพราะว่าอายุซูหยางและประวัติความเป็นมา ความคิดที่ว่าซูหยางจะเป็นนักปรุงยาลึกลับนั้นจึงไม่เคยได้เกิดขึ้นในใจของเจ้าซีเลย ไม่ว่าเขาจะพรสวรรค์แค่ไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางที่เขาจะเป็นนักปรุงยาได้โดยไม่มีการฝึกฝนเป็นเวลาหลายๆปี
“อย่างไรก็ตามข้าจะไปหอประชุมเพื่อทักทายกับนักปรุงยานี้ก่อน” เจ้าซีกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาก่อนที่จะออกจากห้องไป
หลายนาทีให้หลัง เจ้าซีก็ไปถึงหอประชุม
“ผู้อาวุโสนักปรุงงยาอยู่ไหนรึ” เขาถามทหารยาม
“อือ… หวังชูเหรินกับผู้อาวุโสนักปรุงยาได้จากหอประชุมไปเรียบร้อยแล้ว ท่านเจ้า”
“อะไรกัน ข้ามาที่นี่ทันทีที่ข้าได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้ารู้ไหมว่าพวกเขาไปไหนกัน”
อย่างไรก็ตามทหารยามส่ายหน้า “ไม่ ท่านเจ้า พวกเขาออกไปจากที่นี่โดยมิได้กล่าวอะไรเลยสักคำหลังจากที่ดูไปรอบๆอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง”
“เชี่ย ข้าต้องการถือโอกาสในสถานการณ์นี้เพื่อสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเราก่อนงานชุมนุม แต่ดูเหมือนว่านั่นเป็นไปมิได้อีกต่อไป” เจ้าซีร่ำร้องอยู่ภายใน
อย่างไรก็ตามเจ้าซีไม่ได้ละความพยายามง่ายๆ และทำการรออยู่ภายในหอประชุมในกรณีที่นักปรุงยากลับมา
แต่อนิจจา หวังชูเหรินและซูหยางได้กลับคืนมายังนิกายดอกบัวเพลิงนานแล้ว ทำให้ความพยายามของเจ้าซีกลายเป็นหมัน
ภายในที่พักของหวังชูเหริน ซูหยางได้ส่งสูตรของเม็ดยาจิตมารให้กับหวังชูเหรินและได้ทำการฝึกฝนเธอตลอดเวลาสองสามวันที่เหลือจนกว่าจะได้เวลางานประชุม
สองสามวันให้หลัง ซูหยางและหวังชูเหรินก็ออกมาจากห้องยาโดยที่หวังชูเหรินนั้นเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ถ้าเจ้าไม่ได้นำเตาปรุงยาไปก็ให้นำมันไปกับเจ้าด้วยแล้ว ข้าจักแสดงความสามารถของข้าก่อนที่จะได้เริ่มพูดคุยกัน” ซูหยางกล่าว
หวังชูเหรินพยักหน้าก่อนที่จะทำความสะอาดร่างกายในห้องน้ำ
ครั้นเมื่อพวกเขาได้เตรียมตัวที่จะจากไปกันแล้ว ซูหยางก็ได้นำเอายานบินออกมา และพวกเขาก็กลับไปยังเมืองหิมะโปรย
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ซูหยางได้ปลอมตัวเข้าไปก่อนที่จะออกไปจากนิกายดอกบัวเพลิง
ในวันประชุม จะสามารถพบเห็นจอมยุทธผุ้มีชื่อมากมายจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและจากสำนักที่ทรงอำนาจต่างพากันเข้ามายังเมืองหิมะโปรยทีละคนสองคน สร้างความตกตะลึงให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องภายนอกและภายในเมือง
“นั่น นั่นเป็นผู้นำตระกูลเจี่ยง จากภาคตะวันตก เขาเดินทางมาไกลถึงที่นี่เพื่อทำอะไรกัน”
“มองไปด้านหลังเขาสิ นั่นเป็นผู้นำตระกูลหลิง ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านยา”
“กระทั่งผู้นำสำนักสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในผู้นำด้านการปรุงยาในโลกนี้ก็ยังมาที่เมืองหิมะโปรย และเขาก็ยังถึงกับนำเอาศิษย์มาด้วย”
“เมื่อมีการรวมตัวจอมยุทธที่มีชื่อเสียงมากมายจากทั่วทุกมุมโลก จะต้องมีสิ่งยิ่งใหญ่บางอย่างได้เกิดขึ้นในเร็วๆนี้แน่ หากว่ายังมิได้เกิดขึ้นไปแล้วในตอนนี้”