“ผู้อาวุโสเจิ้ง ข้ามิคาดคิดว่าจะพบกับท่านที่นี่ นานเท่าไหร่แล้วนับตั้งแต่ท่านได้จากสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ไป ดูเหมือนจะเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วนับตั้งแต่ข้าเห็นท่านครั้งสุดท้าย”
“หือ นั่นมิใช่ท่านผู้นำไค่หรอกรึ นานขนาดนั้นเลยรึนับตั้งแต่ที่พวกเราได้เจอกันครั้งสุดท้าย ข้าสาบานว่าข้ารู้สึกเหมือนกับพวกเราเพิ่งเจอกันมินานมานี้”
ภายในหอประชุมที่ซึ่งที่นั่งต่างก็ถูกจับจองโดยเหล่าจอมยุทธกันอย่างรวดเร็ว ชายชราสองคนต่างก็พูดคุยกัน
หนึ่งในนั้นรู้จักกันในนามผู้อาวุโสเจิ้ง เจ้าสำนักสวนธรรมชาติศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในสำนักไม่กี่สำนักในโลกนี้ที่เน้นหนักไปในด้านยาและสมุนไพร
ชายชราที่นั่งข้างเขานั้นเป็นผู้นำตระกูลไค่ ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความเชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพร
เพียงแค่คนทั้งสองนี้ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่ยากจะได้พบเห็นทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นพบเจอพวกเขาทั้งคู่ในเวลาเดียวกัน อักทั้งยังมีผู้คนที่มีชื่อเสียงอิทธิพลอีกหลายคนแบบเดียวกับผู้อาวุโสเจิ้งและผู้นำตระกูลไค่มารวมตัวกันอยู่ในหอประชุมเช่นเดียวกัน
แต่ละคนที่มาอยู่ในหอประชุมต่างมีอิทธิพลอย่างมากในยุทธภพ ซึ่งสามารถสั่นคลอนทวีปตะวันออกได้ด้วยเพียงคำพูดเพียงคำเดียว และเมื่อมีพวกเขามารวมตัวกันที่จุดเดียว นับว่าเป็นภาพที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ข้าได้ยินว่ามินานมานี้ท่านได้รับศิษย์ใหม่รึ ศิษย์คนที่ว่านั้นคือหญิงสาวที่ข้างกายท่านใช่หรือไม่” ผู้นำตระกูลไค่มองไปยังหญิงสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกายผู้อาวุโสเจิ้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า… ใช่แล้ว นี่เป็นศิษย์ที่ล้ำค่าของข้า ข้าได้นำเธอมาที่นี่โดยหวังว่าเธอจักได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากนักปรุงยาลึกลับที่สั่นสะเทือนโลกนี้ด้วยโอสถสู่ปฐพีนั่น” ผู้อาวุโสเจิ้งหัวเราะ และเขาก็กล่าวต่อในขณะที่มองไปยังเด็กสาวข้างกายผู้นำตระกูลไค่ “ข้าก็เห็นว่าท่านได้นำคนมากับท่านด้วยเช่นกันนี่”
“นี่เป็นลูกสาวคนเล็กของข้า ไค่โจวฮวา ทักทายผู้อาวุโสเจิ้งสิ โจวฮวา”
“ผู้เยาว์ไค่ คารวะผู้อาวุโสเจิ้ง ผู้เยาว์ได้ปรารถนาที่จะได้พบกับผู้อาวุโสนับตั้งแต่ได้ยินความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของท่านในด้านการแพทย์ นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่สุดท้ายก็ได้พบกับท่าน”
“ฮ่าฮ่า… ช่างเป็นหญิงสาวที่สง่างามและสุภาพ ตระกูลไค่ช่างโชคดีที่ได้มีคนแบบเจ้าอยู่ในตระกูล” ผู้อาวุโสเจิ้งหัวเราะเสียงดัง
แม้ว่าผู้อาวุโสเจิ้งจะมีท่าทางเสแสร้งเห็นได้ชัด แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมผู้นำตระกูลไค่จึงได้นำหญิงสาวมายังที่งานชุมนุมที่สำคัญแบบนี้ที่ไม่เหมาะกับสิ่งที่เธอเป็น ถ้านักปรุงยาลึกลับคนนี้เป็นของจริง ก็ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลไค่เป็นอย่างมากถ้านักปรุงยาผู้นี่ชื่นชอบคนจากตระกูลของเขา
ตามความเป็นจริงก็ยังมีคนในตระกูลอื่นอีกมากในหอประชุมที่ได้นำลูกสาวของตนเองมางานประชุมนี้ ทั้งหมดต่างหวังที่จะเพิ่มเส้นสายกับนักปรุงยานี้ซึ่งชื่อของเขาได้เทียบเท่ากับตระกูลระดับสูงในทวีปตะวันออกไปเรียบร้อยแล้ว
“มองไปทางนั้นสิ นั่นผู้นำตระกูลฟางจากสี่ตระกูลใหญ่”
ผู้คนที่นั่นต่างพากันสังเกตเห็นการปรากฏตัวอย่างยิ่งใหญ่ของฟางเซียนเจว้อย่างรวดเร็ว
“แน่นอน เมื่อหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่มาอยู่ที่นี่ ข้าย่อมมิสงสัยเลยหากตระกูลที่เหลืออีกสามได้แสดงตัวขึ้น”
และในขณะที่หลายคนที่นั่นได้คาดการณ์ไว้ ตระกูลใหญ่อีกสามตระกูลที่เหลือก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่หอประชุมหลังจากนั้นไม่นานนัก
ตระกูลหลงที่ปกครองภาคตะวันออก ตระกูลเซียงที่ปกครองด้านใต้ ตระกูลฟางที่ครอบครองภาคตะวันตก และตระกูลซูจากภาคเหนือ ทั้งสี่ตระกูลใหญ่ต่างก็มารวมตัวกันในที่ชุมชน นับเป็นสิ่งที่เห็นได้ยากยิ่งนักแม้กระทั่งกับผู้มีอิทธิพลส่วนใหญ่เหล่านี้ซึ่งคุ้นเคยกับการได้พบเห็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติมาแล้วก็ตาม
ส่วนจำนวนคนจากตระกูลเหล่านี้นั้น ตระกูลหลงนั้นมาเพียงคนเดียว นั่นก็คือผู้นำตระกูล ตระกูลเซียงได้มากันสองคนเป็นหญิงชราและหญิงสาว ส่วนสำหรับตระกูลฟางนั้น พวกเขามากันสองคน ฟางเซียนเจว้กับชายวัยกลางคนหล่อเหลาซึ่งเป็นสามีของเธอและเป็นผู้นำตระกูลฟางด้วย ในเวลานั้นก็เหมือนกับตระกูลหลง มีเพียงซูซุนจากตระกูลซูที่ปรากฏตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีฐานะเป็น “ตระกูลใหญ่” เช่นเดียวกัน แต่ตระกูลเหล่านี้ไม่มีใครที่เป็นเพื่อนกันเลย ตามความเป็นจริงภายในใจของพวกเขานั้นเกลียดอีกฝ่ายและมักจะแก่งแย่งกันแม้กระทั่งในเรื่องเล็กน้อย
ในเวลาต่อมา ตระกูลมีชื่อเสียงอีกตระกูลก็ได้สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายจากการแสดงตัวของพวกเขาในหอประชุม ตระกูลนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายนัก ในเมื่อชื่อเสียงของพวกเขาเพียงโด่งดังทะลุฟ้าก็ตอนหลังจากที่การแข่งขันระดับภูมิภาคจากคนผู้หนึ่ง
“ดูนั่น นั่นเป็นตระกูลหง และพวกเขาก็นำหงอวี้เอ๋อร์มาด้วย”
คนเหล่านั้นต่างพากันประหลาดใจกับการปรากฏตัวของหงอวี้เอ๋อร์อย่างไม่คาดคิด
อย่างรวดเร็ว หลังจากที่หงอวี้เอ๋อร์ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ผู้คนต่างพากันมารุมล้อมรอบตัวเธอหวังที่จะได้มีบุญคุณหรือไม่ก็ได้สร้างเส้นสาย
อย่างไรก็ตามหงอวี้เอ๋อร์ไม่แม้จะกระทั่งเหลือบแลพวกเขา เธอได้เข้าไปนั่งข้างซูซุน
“คารวะท่านพ่อตา” หงอวี้เอ๋อร์ทักทายซูซุน สร้างความงงงันให้กับเขา
ในเวลานั้นพ่อของเธอ หงเฉิงเชา ได้ขออภัยเหล่าจอมยุทธและผู้อาวุโสแทนเธอ
“ข้าต้องขออภัยสำหรับพฤติกรรมดื้อด้านของลูกสาวข้าเมื่อกี้นี้ เธอไม่คุ้นเคยกับคนแปลกหน้า…” หงเฉิงเชาได้คำนับพวกเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า… อย่ากังวลในเรื่องเหล่านั้น อัจฉริยะแบบเธออย่างน้อยก็ควรจะมีความลำพองตนอยู่บ้าง” เหล่าจอมยุทธต่างพากันหัวเราะ ในเมื่อพวกเขาไม่กล้าที่จะบ่นออกมาต่อหน้าหงอี้เอ๋อร์
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หงอวี้เอ๋อร์ เจ้าสนใจในยาหรือว่านักปรุงยารึ” ซูซุนถามเธอพร้อมกับเลิกคิ้ว
หงอวี้เอ๋อร์แสดงรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ท่านมิต้องกังวล ท่านพ่อตา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นนักปรุงยาที่มีพรสวรรค์ในด้านการปรุงยาที่สุดในโลกนี้ สายตาข้าก็มีเพียงซูหยาง”
“ข้าต้องขออภัย แต่ข้ามิได้มีเจตนาที่จะตั้งคำถามเจ้าถึงความภักดีต่อลูกชายของข้า…” ซูซุนรีบส่ายหน้า
เวลาหลังจากนั้น ก็เกิดเสียงดังขึ้นในที่แห่งนั้น
“ท่านเจ้าซี ได้มาถึงแล้ว”
ผู้คนในหอประชุมต่างพากันยืนขึ้นและคำนับไปยังเจ้าซี ซึ่งเพิ่งเข้ามาในห้อง
“ตามสบาย” เจ้าซีโบกมือก่อนที่จะนั่งลงยังที่นั่งส่วนตัวของเขา
ครั้นเมื่อเจ้าซีและเหล่าแขกทั้งหลายได้มาถึงแล้ว หวังชูเหรินก็ได้ปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของเธอ
ผู้แปล: ช่วงนี้ผมอาจจะแปลล่าช้าหรือชะงักไป ต้องขออภัยด้วย เพราะว่ามีคนในครอบครัวได้ป่วยหนัก