หลังจากใช้เวลาเนิ่นนานกับความเงียบอันน่ากระอักกระอ่วน ซูเมิ่งอี้พูดด้วยเสียงแข็งทื่อว่า “ช-เช่นนั้นเป็นว่าคู่ของเจ้าก็ชื่อซูหยางเช่นกันรึ…ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ..”
เห็นชัดว่าซูเมิ่งอี้ต้องการปฏิเสธไม่อยากเชื่อว่าเธอร่วมเรียงกับชายคนเดียวที่ทำให้วูจินจิงเพื่อนสนิทเธอตั้งท้อง
อย่างไรก็ตาม วูจินจิงส่ายหน้าและกล่าวว่า “อย่าทำเป็นเหลวไหล ข้าสามารถบอกได้ว่ากระทั่งเจ้าเองก็ยังมิเชื่อคำพูดของตนเอง”
แม้ว่าวูจินจิงก็ไม่ต้องการที่จะยอมรับเช่นกันว่าเธอได้ร่วมเรียงกับชายคนเดียวกับที่ร่วมเรียงกับซูเมิ่งอี้ แต่ก็มีบางสิ่งในโลกที่ยอมรับดีกว่าเพิกเฉย
“ร-เราควรทำอย่างไรดีตอนนี้” ซูเมิ่งอี้ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ร-เรากำลังอุ้มท้องลูกของชายคนเดียวกัน เจ้าก็รู้”
สิ่งที่เธอเป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอจะต้องสิ้นสุดหลังจากเหตุการณ์นี้
“เราควรจะทำอย่างไรต่อไปตอนนี้ อืม..” วูจินจิงพึมพัม
“ปกติแล้ว เมื่อหญิงสองคนอุ้มท้องจากชายคนเดียวกันโดยไม่รู้ตัว ชายจะเป็นคนเลือกคนหนึ่งให้เป็นภรรยาหลวงในขณะที่อีกคนจะกลายเป็นสนม อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ในเมื่อผู้ชายไม่อยู่ เราต้องตัดสินใจด้วยตนเองว่าเราจะต้องทำอะไร”
วูจินจิงมองดูซูเมิ่งอี้ด้วยใบหน้าท่าทางจริงจังและถามว่า “เจ้าต้องการเป็นอะไร เมิ่งอี้”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ซูเมิ่งอี้ก็กล่าวขึ้นว่า “ข-ข้าต้องการให้เรายังคงเป็นเหมือนเช่นที่เคยเป็น…เพื่อนสนิท แล้วเจ้าละเพื่อนจินจิง”
วูจินจิงส่ายหน้าและตอบว่า “นั่นเป็นไปไม่ได้ ข้ามิคิดว่าข้าจักสามารถมองดูเจ้าเป็นเช่นเดิมได้อีกต่อไป”
“ว-ว่ากระไร…” ซูเมิ่งอี้เบิกตากว้างด้วยความตระหนกเมื่อได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย
วูจินจิงกล่าวต่อก่อนที่น้ำตาซูเมิ่งอี้จะไหลออกมา “เราทั้งคู่ล้วนรักชายคนเดียวกัน และมอบความบริสุทธิ์ให้กับเขา และเรายังจักอุ้มท้องลูกของชายคนนั้นในอนาคต ถ้าเจ้าถามข้า พวกเราผ่านเลยจุดที่ถือว่าเป็นเพื่อนไปแล้ว…”
“เจ้าคงมิได้หมายความว่า…” ซูเมิ่งอี้ยังคงตื่นตระหนกแต่ว่าด้วยเหตุผลที่ต่างออกไป
“ใช่แล้ว… เราทั้งคู่ตอนนี้เป็นครอบครัว “พี่น้อง” อย่างแท้จริง”
“พี่จินจิง” ซูเมิ่งอี้เริ่มร้องไห้โดยไม่อดรั้งได้อีกต่อไปและตรงเข้าไปกอดวูจินจิง
“ฮ่าาา…” วูจินจิงถอนใจหลังจากนั้นเมื่อซูเมิ่งอี้กอดเธอแน่น “ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนที่ข้ามิอาจเก็บเขาไว้ข้างกาย แต่เมื่อคิดว่ากระทั่งเพื่อนสนิทของข้าก็ได้รับรู้รสชาติของเขา ช่างโชคร้ายนัก…”
“จ-เจ้าหมายความว่าอย่างไรจึงพูดเช่นนั้น” ซูเมิ่งอี้หยุดกอดอีกฝ่ายและมองดูด้วยดวงตาเบิกกว้าง
วูจินจิงหัวเราะเล็กน้อยและกล่าวว่า “หมายความว่าข้ามิอาจที่จะอวดเจ้าในเรื่องประสบการณ์อันเหนือโลกที่ข้าได้รับขณะที่อยู่กับเขาในเมื่อเจ้าเองก็ได้ลิ้มรสนั้นเช่นกัน”
ซูเมิ่งอี้เริ่มหน้าแดงเมื่ออีกฝ่ายนำเรื่องเช่นนี้มาพูด และเธอแน่นอนว่ามียิ่งกว่าแค่ได้ลิ้มลอง
“เจ้ามีประสบการณ์อย่างไร เจ้ารู้สึกเหมือนกับว่าถูกครอบงำด้วยปิศาจบ้ากามระหว่างที่เจ้าร่วมเรียงกับเขาหรือไม่” วูจินจิงเริ่มหยอกล้ออีกฝ่าย
ซูเมิ่งอี้พยายามปิดบังความอายบนใบหน้าของเธอเมื่อนึกถึงเวลาที่เธอใช้กับเขาภายในห้องปรุงยา คิดกลับไปยังเวลานั้น เธอยิ่งกว่าถูกสิงอย่างแน่นอน ถ้าจะเปรียบเธอก็คงกลายไปเป็นสัตว์ป่า
“หยุดหยอกข้าได้แล้วพี่จินจิง” ซูเมิ่งอี้ทำแก้มป่อง
“ฮ่าฮ่าฮ่า จากที่รู้จักเจ้ามา เมิ่งอี้ เจ้าคงจะทนได้ไม่กี่นาที” วูจินจิงระเบิดเสียงหัวเราะ
อย่างไรก็ตามคำพูดต่อไปที่ออกมาจากซูเมิ่งอี้สร้างความตระหนกให้กับวูจินจิงจนหัวเราะไม่ออก
“ฮึ่ม แม้ว่าข้าจะมิคุ้นเคยกับความรู้สึกนั้นในตอนแรก แต่หลังจากที่ใช้เวลาหลายวันร่วมกับเขา ข้าสามารถพูดด้วยความมั่นใจว่าข้าสามารถอยู่ได้ครึ่งวันโดยไม่หยุดพัก”
เพื่อให้ดูว่าถึกทน ซูเมิ่งอี้ตัดส่วนที่ต้องใช้ยาทนทานออกไปโดยเจตนา
วูจินจิงจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้างและกรามที่อ้าคลาย “จ-เจ้าว่ากระไร เจ้าใช้เวลาหลายวันอยู่กับเขารึ”
ซูเมิ่งอี้พยักหน้าและอธิบายให้อีกฝ่ายฟังถึงสาเหตุที่ซูหยางอาศัยอยู่ที่สถาบันสี่ฤดูหลายวันเนื่องมาจากกิจธุระบางอย่างที่เขามีที่นั่น
“ช-ใช้เวลามากเท่าไหร่ที่เจ้าได้..ร่วมเรียง…กับเขา” วูจินจิงถามอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ก้มลงและเสียงสั่นสะท้าน
ซูเมิ่งอี้ยักไหล่และกล่าวว่า “ข้ามัวแต่มุ่งมั่นเกินไปจนลืมเวลา แต่ถ้าให้ข้าเดา อย่างน้อยก็ยี่สิบสี่ชั่วโมง ข้าคิดว่าเช่นนั้น…”
“ฮาา..ข้าหวังว่าจักได้นานกว่านั้น…” เธอถอนหายใจหลังจากนั้นชั่วขณะ
ได้ยินที่ซูเมิ่งอี้ทำให้ซูหยางอยู่กับตัวเองนานเกินยี่สิบสี่ชั่วโมงในขณะที่เธอเองมีเวลาเพียงแค่ชั่วโมงเดียวหรือกว่านั้น วูจินจิงจับแขนซูเมิ่งอี้และจ้องมองเธอด้วยสายตาอิจฉา
“พ-พี่จินจิง” ซูเมิ่งอี้กลับกลายเป็นหวาดกลัวกับการจ้องเขม็งของอีกฝ่าย
“เจ้าเด็กตัวเหม็น ข้าได้ร่วมเรียงกับเขาเกินชั่วโมงไปแค่นิดเดียวก่อนที่เขาจะจากไป” กลิ่นอายความเป็นผู้ใหญ่ที่วูจินจิงเปล่งออกมาไม่อาจพบได้ในเวลานั้น ในเมื่อเธอรู้สึกอิจฉามากเกินไปต่อซูเมิ่งอี้
“เอ๋…” ซูเมิ่งอี้งงงันไปกับคำกล่าวของอีกฝ่าย
“เจ้ารู้ไหมว่าช่างโชคดีแค่ไหนที่เจ้าได้ใช้เวลามากมายอยู่กับเขา และเจ้ายังบ่นเรื่องนั้น ข้าควรเป็นคนบ่นถึงจะถูกต้อง”
“ป-เป็นเช่นนั้นหรือ..” ซูเมิ่งอี้ไม่รู้สึกเลวร้ายเกี่ยวกับเวลาที่เธอได้ใช้กับเขาอีกต่อไป อีกทั้งยังสงสารวูจินจิง ว่าไปแล้วใครจะพึงพอใจได้หากได้ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง
–
–
–
ชั่วขณะหลังจากนั้น ซูเมิ่งอี้พลันถามวูจินจิง “พี่จินจิง แม้ว่านี่อาจจะรู้สึกแปลกอยู่บ้าง ในเมื่อซูหยางไม่อยู่แล้ว ข้าจักทำให้ตัวเองพึงพอใจได้อย่างไร ข้ามิอาจคิดไปหาชายอื่นนอกจากซูหยาง แต่เมื่อไม่มีเขา ความปรารถนาความสุขที่เขาปลุกมันขึ้นมาภายในใจข้าก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น…”
วูจินจิงครุ่นคิดกับคำถามนั้นชั่วขณะ ในเมื่อเธอเองก็พยายามครุ่นคิดปัญหาเดียวกันนั้นมาเป็นเวลาหลายวัน
“ข-ข้าเคยได้ยินว่าในครอบครัวที่มีสนมมากมายและชายไม่สามารถตอบสนองกับทุกคนได้ ปกติสนมเหล่านั้นจักใช้อีกฝ่ายเพื่อทำให้สมความปรารถนาของตนเอง…” วูจินจิงกล่าวด้วยเสียงประหลาด
“จ-เจ้าคงมิได้หมายความว่า…” ซูเมิ่งอี้จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความแตกตื่น
วูจินจิงมองดูเธอและหน้าแดง “ถ-ถ้าเจ้ามิถือ เราสามารถลองดู…”
ซูเมิ่งอี้กรามร่วงลงไปถึงพื้นจากคำตอบที่ไม่คาดคิดต่อปัญหาของตัวเอง