บทที่ 580 ข้ามิใช่ซูหยาง
“ซ-ซูหยิน ทําไมเจ้าจึงพูดเช่นนั้นกับอาจารย์ของข้า ขอโทษเดี๋ยวนี้” ไปลี่ฮัวกล่าวกับ เธอพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แต่มันเป็นความจริง ข้าสามารถได้กลิ่นของพี่ชายของข้าจากตัวเขา…” เธอกล่าว
“เจ้า”
“ไม่เป็นไร” ซูหยางโบกมือผ่านๆและกล่าวขึ้น “เจ้าคงรักพี่ชายของเจ้าซูหยาง ริงๆสิใช่ ไหม”
“ข้ารักเขามากยิ่งนัก” ซูหยินพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
“ดี พอดีว่าข้าเป็นเพื่อนที่ดีกับซูหยาง และในเมื่อเจ้าเป็นน้องสาวของเขาถ้าเขามิสา มารถแก้ไขอะไรให้กับเจ้าได้ เจ้ามาขอความช่วยเหลือจากข้าได้” ซูหยางกล่าว
“มิมีอะไรในโลกนี้ที่พี่ชายของข้าแก้ไขไม่ได้” ซูหยินกล่าวด้วยรอยยิ้มเปี่ยมความมั่นใจ
“ตามใจเจ้า” ซูหยางยิ้มอยู่เบื้องหลังหน้ากาก
“ยังไงก็ตาม พวกเราไปคุยกันเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ ดีไหม” เขาหันไปมองดูไปลี่ฮัวซึ่งพยักหน้ารับ
ในเวลาต่อมา ซูหยางก็เข้าไปในห้องของไปลี่ฮัว
“แม้ว่าจะมิมีอะไรที่หรูหรา ก็ขอให้ท่านได้ดื่มชา” ไปลี่ฮัวกล่าวขณะที่เธอเทชาให้กับเขา
อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้ดื่มชาในทันทีเพียงแค่จ้องมองดูมันอย่างเงียบๆ
ไปลี่ฮัวคิดสงสัยว่าชามีอะไรผิดปกติไปหรือไม่ แต่เมื่อเธอตระหนักว่าเขายังคงสวมหน้ากากอยู่ เธอก็รีบขอโทษ “ข-ข้าขออภัยท่านอาจารย์ ข้าลืมไปว่าท่านมิสามารถดื่มชาในขณะที่สวมหน้ากากอยู่”
“ไม่มิได้มีปัญหาใด ข้าสามารถถอดหน้ากากของข้าออกได้” ซูหยางพลันพูดขึ้น
“เอ๋ จริง” ไปลี่ฮัวมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างในเมื่อเธอไม่คาดคิดว่าเขาจะเปิดเผยหน้าตาของเขาเร็วเช่นนี้
“ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ของข้าแล้ว ดังนั้นจึงมิได้มีเหตุผลอะไรอีกต่อไปสําหรับข้าที่จะซ่อนใบหน้าข้าอีก” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเอื้อมมือไปยังหน้ากาก
ไปลี่ฮัวกลืนน้ําลายอย่างประหม่าขณะที่เธอมองดูนิ้วของซูหยางมุ่งไปหาหน้ากากหัว ใจของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ไม่นานหลังจากนั้น ซูหยางก็นําหน้ากากออกเผยให้เธอเห็นใบหน้าของเขา
“ท-ท่านคือ ซ-ซูหยางรี” ไปลี่ฮัวอุทานออกมาด้วยเสียงตกใจหลังจากที่เห็นใบหน้าของเขา
แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าใบหน้าของเขานั้นจะละม้ายคล้ายคลึงกับองคาพยบของซูหยางแต่ก็ยังมีความแตกต่างในเวลาเดียวกันเช่นเดียวกัน ในเมื่อใบหน้าของเขานั้นดูยิ่งเป็นผู้ใหญ่และหล่อเหลากว่าซูหยาง
“ข้ารู้ว่าเจ้ากําลังคิดอะไร แต่ข้านั้นมิใช่ซูหยาง” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เราเผอิญดูเหมือนกัน แต่ข้าสามารถยืนยันเจ้าได้ว่าพวกเรานั้นเป็นคนละคนกัน”
“สิ่งแบบนี้ก็เป็นไปได้ด้วยเช่นกัน…” ไปลี่ฮัวจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างต่อไป “ข้าพบว่ามันเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าที่จะเชื่อว่าท่านมิใช่ซูหยางมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ท่านได้แสดงให้ข้าเห็นมาก่อนหน้านี้”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เชื่อข้า ข้าเองก็ประหลาดใจเช่นเดียวกับเจ้าในตอนนี้เมื่อตอนที่ข้าเห็นซูหยางครั้งแรก และพบว่าเรามีความคล้ายคลึงกัน” ซูหยางแสดงละครต่อไปราวกับว่าเขานั้นเป็นคนละคนกันแม้ว่าจะมีใบหน้าที่เกือบจะเหมือนกัน
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นที่ตกอยู่ในฐานะของซูหยางในตอนนี้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องไม่สามารถที่จะโน้มน้าวแม้กระทั่งคนโง่ได้ว่าเขานั้นไม่ใช่ซูหยาง
“ท่านพูดความจริงกับข้างั้นรี” ไปลี่ฮัวหรี่ตามองไปที่เขา เห็นได้ชัดว่ายังคงสงสัยเขา
“แน่นอน ข้าจักได้อะไรจากการโกหกเจ้า” เขาจิบชาอย่างเยือกเย็น
“ข้าเข้าใจแล้ว…” ไปลี่ฮัวพยักหน้าในเวลาถัดไป และเธอก็พูดต่อไปว่า “ข้าต้องขอโทษในการที่สงสัยท่าน ท่านอาจารย์ แต่นี่เป็นธรรมดาที่จะเชื่อได้ยากในเหตุบังเอิญเช่นนี้”
“ข้าเข้าใจในฐานะของเจ้า ดังนั้นจึงมิจําเป็นที่จะต้องรู้สึกผิด”
ไปลี่ฮัวจ้องมองใบหน้าของซูหยางต่อไปเป็นเวลาหลายอึดใจหลังจากนั้น ดูเหมือนว่ายังตกอยู่ในความสับสน
“ว่าแต่ว่า ทําไมเจ้าจึงต้องการที่จะพูดกับข้า” ซูหยางถามเธอหลังจากที่เงียบไปเป็นเวลานาน
“โอ ใช่แล้ว” ไปลี่ฮัวสะดุ้งตื่นออกมาจากความงงงันของตัวเธอเองอย่างรวดเร็วพร้อมกับกล่าวว่า“คือว่า เดิมที่ข้านั้นต้องการที่จะพูดกับท่านเรื่องการซื้อโอสถสู่ปฐพี่สักส่วนหนึ่งแต่ตอนนี้เมื่อข้าได้เป็นศิษย์ของท่านแล้ว นั่นหมายความว่าข้าสามารถปรุงพวกมันได้ด้วยตัวของข้าเองใช่หรือไม่”
ซูหยางพยักหน้า “เป็นเช่นนั้นจริง ข้าวางแผนที่จะแบ่งปันสูตรโอสถสู่ปฐพีให้กับพวกเจ้าทั้งสามคนแต่นั่นจักต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีในการฝึกฝนก่อนที่เจ้าจักสามารถปรุงมันออกมาได้จริงๆ”
“ข-ข้าเข้าใจ…” ไปลี่ฮัวแสดงสีหน้าไม่พึงพอใจหลังจากที่ได้ยินคําพูดของเขา
“อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าต้องการโอสถสู่ปฐพี ข้าก็มีพวกมันติดตัวข้าอยู่ในตอนนี้บ้าง เจ้าสามารถเอามันไปได้ในเมื่อข้าก็มิได้ใช้มัน” จากนั้นซูหยางก็นําเอาขวดโอสถสู่ปฐพีสองสามขวดออกมาวางบนโต๊ะ
“ข-ขอบคุณ ท่านอาจารย์” ไปลี่ฮัวดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นหลังจากที่เห็นเม็ดยาประมาณสามสิบในขวด ทั้งหมดนี้เป็นโอสถสู่ปฐพีที่เธอเคยเห็นครั้งหนึ่งมาจนถึงวันนี้
“มิจําเป็นต้องขอบคุณข้า นี่ก็เป็นความรับผิดชอบของอาจารย์ที่จะช่วยศิษย์ของตนเองเช่นกันหากว่าสามารถทําได้” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม จนทําให้ไปลี่ฮัวหน้าแดง
“แย่ล่ะ แม้ว่าเขาจะดูคล้ายกับซูหยาง แต่เขาก็หล่อเหลาเหลือเกินและเป็นประเภทที่ข้าชอบอีกด้วย ซูหยางจะดูเหมือนเช่นนี้เช่นเดียวกันหรือไม่หากผ่านกาลเวลาไปอีกสักสิบหรือยี่สิบปีนับจากนี้ นั่นต้องเป็นปัญหาสําหรับข้าด้วยเหตุผลมากมายแน่” ไปลี่ฮัวครุ่นคิดกับตัวเอง รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอเต้นรุนแรงจนทะลุอก
“เอาล่ะ ถ้าเจ้ามิได้มีอะไรกับข้าแล้ว ข้าก็ควรจะถือโอกาสจากไป” ซูหยางกล่าวขณะที่เขายืนขึ้นและปกปิดใบหน้าเขาด้วยหน้ากากอีกครั้ง
“ท่านจักไปแล้ว ท่านอาจารย์ ท่านเพิ่งจะเข้ามาที่นี่…” ไปลี่ฮัวกล่าว ดูเหมือนว่าจะไม่เต็มใจที่จะให้เขาจากไป
“ข้าจักอยู่ที่นี่นานกว่านี้ถ้าข้าสามารถทําได้ แต่โชคร้าย ยังมีเรื่องที่ข้าต้องไปจัดการ ข้าจักอยู่ที่นี่ให้นานกว่านี้สําหรับการมาเยี่ยมในคราหน้าเมื่อข้าเริ่มอบรมเจ้า ดังนั้นเจ้าควรจะศึกษาวิชาทั้งสามที่ข้าให้เจ้า”
“ข้าเข้าใจ… เช่นนั้นอย่างน้อยก็ขอให้ข้าได้พาท่านไปยังทางออก”
ซูหยางพยักหน้า เขาติดตามเธอไปจนกระทั่งพวกเขาอยู่ด้านนอกของสํานัก
“ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย ท่านอาจารย์” ไปลี่ฮัวคํานับเขา
“ข้าจักมาหาเจ้าอีกครั้งในเดือนหน้า” ซูหยางพยักหน้าและเห็นร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนที่จะหายไปในเส้นทางหลังจากนั้นไม่นาน
ไปลี่ฮัวยังคงยืนอยู่ด้านนอกสํานักเป็นเวลาหลายนาทีหลังจากที่ซูหยางได้จากไปแล้ว ดูเหมือนว่าตกอยู่ในความสับสน
“อ้าาา…ข้าควรจะทําอย่างไรดี ข้ามิเคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน…” ไปลี่ฮัวถอนหายใจ เธอยกมือขึ้นทาบอก รู้สึกถึงการเต้นอย่างรุนแรงของหัวใจ
“แต่ข้านั้นเป็นศิษย์ของเขา และข้าก็สงสัยว่าเขาจักมีความสนใจในผู้หญิงเช่นข้าบ้างหรือ ไม่…”
สามารถพูดได้ว่าไปลี่ฮัวนั้นตกหลุมรักซูหยางที่เติบโตเต็มวัยทันทีที่แรกเห็น แต่เพราะว่าความสัมพันธ์ฉันศิษย์อาจารย์ของพวกเขา ความรู้สึกเช่นนั้นสามารถบอกได้เพียงว่าเป็นภาระสําหรับเธอ
ในเวลาเดียวกัน หลังจากที่กลับคืนสู่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแล้ว ซูหยางก็เคาะประตูห้องซีชิงฟาง
“สวัสดี ซูหยาง ข้าพอที่จะช่วยอะไรท่านได้บ้าง” ซีซิงฟางทักทายเขาที่ประตู
“ พวกเขาจักมาถึงที่นี่ในอีกไม่กี่วัน” เขากล่าว
“พวกเขารี… ใครกัน” ซีชิงฟางเอียงหน้าด้วยท่าทางสงสัย
“จะเป็นใครอีกนอกจากคนที่มาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง”
“!”
ซีซิงฟางตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“อะไรนะ ดาบเสี้ยวจันทร์ถึงกับสามารถไปถึงทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางได้จริงๆ ทั้งยังสามารถทําให้คนที่นั่นช่วยเหลือพวกเขาได้ด้วย เป็นไปไม่ได้” ซีหวังปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าพร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดัง
“ท่านมั่นใจกับข่าวนี้หรือไม่ ซูหยาง” ซีซิงฟางถามเขา
เขาพยักหน้าและกล่าวว่า “ข้ามีเพื่อนที่สามารถรับรู้ถึงผู้คนจากระยะทางแสนไกลได้ และเธอก็บอกข้าเมื่อสองสามวันก่อนว่าพวกนั้นมุ่งตรงมายังที่แห่งนี้”
“เมื่อสองสามวันก่อนรี ทําไมเจ้าจึงรอจนถึงปานนี้จึงค่อยบอกพวกเราในสิ่งที่สําคัญเช่นนี้” ซีหวังอุทานออกมาด้วยเสียงที่ค่อนข้างโกรธ
ซูหยางส่ายหน้าก่อนที่จะมองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านกลัวรี ผู้เฒ่า”
“อ-อะไรนะ…”
ซีหวังพูดไม่ออก
“ในกรณีที่ท่านลืมไปแล้วว่าตอนนี้พวกเราอยู่ที่ไหน ก็จงมองดูไปรอบๆ” ซูหยางชี้ไปที่ท้องฟ้าและเขาก็กล่าวต่อว่า “ตราบเท่าที่พวกท่านอยู่ภายในค่ายกลแห่งนี้ ก็จักมิมีอันตรายอะไรมากรายใกล้ท่านหรือชิงเอ๋อร์”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซีซิงฟางก็พูดขึ้นว่า “ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นความจริง แล้วคนที่อยู่ด้านนอกค่ายกลนี้ล่ะ ในฐานะของสมาชิกของตระกูลซี ข้าต้องรับผิดชอบในการปกป้องคนของเราจะเกิดอะไรขี้ถ้าจอมยุทธที่มานั้นเริ่มเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์และสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในทวีปตะวันออกนี้ในขณะที่ข้าซ่อนตัวอยู่ภายในค่ายกลนี้เหมือนเต่า ข้ายินดีที่จะเสียสละตัวของข้ามากกว่าที่จะปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์ต้องประสบเคราะห์กรรมเพราะข้า”
“ซิงเอ๋อร์” ซีหวังมองเธอด้วยสีหน้าเจ็บปวด
ในเวลานั้นซูหยางก็แสดงรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า
“เจ้าเป็นผู้หญิงที่ใจดีอย่างแท้จริง ตามจริงแล้ว ซิงเอ๋อร์ เจ้าใจดีเกินไป อย่างไรก็ตามถ้าเจ้ามิได้เป็นเช่นนี้ ข้าก็อาจจะมทําอะไรมากมายให้กับเจ้า” เขากล่าวกับเธอและเขาก็พูดต่อไปอีกว่า “เจ้าสามารถปล่อยเรื่องจอมยุทธนั้นไว้ให้ข้าได้ ข้ามปล่อยให้เจ้านั่นทําอันตรายแม้กระทั่งต้นไม้แม้ สักต้นบนแผ่นดินนี้อย่าว่าแต่ผู้บริสุทธิ์”
“ซูหยาง… ท่านกําลังจะทําอะไร” ซีซิงฟางถามเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ยังมีเวลาอีกสองสามวันก่อนที่พวกเขาจะมาถึงทวีปแห่งนี้ และข้าก็จักไปรอพวกนั้นอยู่ที่นั่นเมื่อพวกเขามาถึง” เขาตอบอย่างใจเย็น