บทที่ 573: การทดสอบหัวข้อที่สอง
เมื่อเห็นความสงสัยบนใบหน้าของทุกคน ซูหยางก็แอบถอนใจก่อนที่จะพูดออกมาดังๆว่า “ใครมียาติดตัวบ้างในตอนนี้ จะเป็นยาแบบไหนก็ได้”
เหล่านักปรุงยาต่างพากันตระหนักว่าเขากําลังจะทําอะไรกับเม็ดยา
“ข้ามีอยู่เม็ดหนึ่ง ท่านผู้อาวุโส” ผู้อาวุโสเจิ้งพลันยกมือขึ้นและกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม มันมิได้เป็นยาเม็ดปกติทั่วไป ในเมื่อมันถูกสร้างขึ้นเมื่อตอนที่ข้ากําลังทําการทดลองกับตํารับยาใหม่ และมันก็ยังมิได้สมบูรณ์แบบนัก ดังนั้นจึงมิมีใครในโลกนี้นอกจากตัวข้าที่จะรู้ส่วนผสมของมัน”
“นั่นยอดเยี่ยมมาก ให้ข้าดูมันชั่วขณะ” ซูหยางพูดแบบไม่ใส่ใจนัก
ผู้อาวุโสเจิ้งพยักหน้าและยื่นส่งเม็ดยาให้กับเขาโดยไม่ลังเล เพราะว่าเมื่อนักปรุงยาผู้หนึ่งพยายามคิดค้นตํารับยาใหม่ ปกติแล้วพวกเขาก็มักจะเก็บมันไว้เป็นความลับจนกว่าเม็ดยานั้นจะสมบูรณ์ ไม่แม้แต่จะแลกเปลี่ยนยานั้นกับใครสักคน ในเมื่อนั่นก็เหมือนกับการปล่อยให้คนอื่นนั้นทานอาหารที่ยังปรุงไม่เสร็จ
ครั้นเมื่อเม็ดยานั้นเข้าสู่มือของเขา ซูหยางก็ถือมันไว้ตรงบริเวณจมูกของเขาและค่อยสูดดมอย่างลึกๆช้าๆ
“อืมม…”
ซูหยางหลับตาลงครุ่นคิด
สองสามอึดใจให้หลัง เขาก็เริ่มพูดถึงรายการวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างเม็ดยาที่ไม่รู้จักนี้ออกมา “สามกรัมของหญ้าวิญญาณ สี่กรัมของแป้งแข็งแกร่ง ใบดนตรีหนึ่งใบ…”
เมื่อครั้งที่ซูหยางพูดถึงรายการส่วนผสมทั้งหมดออกมาแล้ว ผู้อาวุโสเจิ้งก็มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตระหนกและไม่อยากเชื่อ
“ม-มหัศจรรย์ ข้ามเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ในตอนแรก แต่หลังจากที่เห็นด้วยตาขอข้าเองแล้ว ข้าก็มิอาจที่จะทําอะไรได้นอกจากจะเชื่อ ท่านสามารถแจกแจงรายการของส่วนผสมทุกอย่างออกมาได้อย่างสมบูรณ์ได้จริงๆ” ผู้อาวุโสเจิ้งอุทานออกมาหลังจากนั้น จนทําให้นักปรุงยาคนอื่นต่างพากันสูดลมหายใจลึก
จากนั้นซูหยางก็กล่าวขึ้นว่า “ใจเย็นๆ ข้ายังมิได้พูดจบ…”
หลังจากพูดคําเหล่านั้นจบลงแล้ว ซูหยางก็ทําการดมกลิ่นเม็ดยานั้นอีกครั้ง ก่อนที่จะพูดว่า “เม็ดยานี้สร้างขึ้นมาเมื่อสามสิบสามวันก่อน และมันออกมาจากเตาในช่วงบ่ายๆเย็นๆ”
ผู้อาวุโสเจิ้งถึงกับอ้าปากกรามค้างหลังจากที่ได้ยินคําพูดของเขา แต่ซูหยางยังพูดไม่จบแค่นั้น เขาพูดต่อว่า “ตัดสินจากวัตถุดิบที่เจ้าใช้ในการปรุงยานี้ ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้ากําลังพยายามที่จะสร้างอะไรบางอย่างที่จักช่วย “ความเจ็บป่วย” ของเจ้าด้านล่างตรงนั้น ข้าขอแนะนําให้เพิ่มเลือดของเต่าดินสี่หยด และแป้งแข็งแกร่งอีกสองกรัม ซึ่งนั่นควรจะแก้ขัด “อาวุธประจํากาย” ของเจ้าได้ชั่วคราว
“?!?!?!”
ผู้อาวุโสเจิ้งเกือบจะตกจากเก้าอี้ของตนเองหลังจากที่ได้ยินคําพูดของซูหยาง สีหน้าของเขาดูเหมือนกับว่าเขานั้นมองเห็นผีบรรพบุรุษของตนเอง
ในเวลานั้นคนอื่นๆภายในห้องต่างพากันมองไปยังผู้อาวุโสเจิ้งในขณะที่พยายามอย่างหนักที่จะต้านความรู้สึกอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ
แม้กระทั่งศิษย์ของเขาเอง โหลวอี้เชียวก็ได้พยายามที่จะซ่อนสีแดงบนใบหน้าของเธอด้วยการมองไปยังทางอื่น
ผู้อาวุโสเจิ้งนั้นใบหน้าระบายไปด้วยสีแดง สิ่งที่เขาทํานั้นควรจะได้รับการตอบแทนเช่นนี้หรือ เขาไม่เคยเสียหน้าที่เดียวมากขนาดนี้มาก่อน และถ้าไม่ใช่สถานะของซูหยาง เขาก็คงไล่กระทืบซูหยางไปนานแล้วเนื่องจากความคิดเห็นที่ไม่จําเป็นของอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะโกรธอย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเจิ้งก็ได้แต่ควบคุมอารมณ์ของตนเอง และคํานับซูหยางก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ขอบคุณท่านผู้อาวุโสสําหรับคําชี้แนะของท่าน”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวขณะที่เขากวาดสายตาไปยังผู้คนที่อยู่ที่นั่น “ยังมีใครอีกที่ ยังคงสงสัยในคําพูดของข้าอีก”
ผู้คนที่อยู่ที่นั่นต่างพากันส่ายหน้า
“ดี เช่นนั้นพวกเรามาเริ่มการทดสอบหัวข้อที่สองกัน”
ซูหยางโบกชายเสื้อ จนทําให้มีถุงมิติมากมายหลายถุงปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็ยื่นส่งถุงแต่ละถุงให้แต่ละคนในห้องนั้น
“ภายในถุงแต่ละถุงจะมีถุงใส่กลิ่นอยู่หนึ่งร้อยชนิด แต่ละถุงจะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สําหรับในการทดสอบที่สองนี้ พวกเจ้าทุกคนมีเวลาสี่ชั่วโมงในการดมกลิ่นถุงเหล่านี้และจดจํามันไว้ ครั้นเมื่อเวลาสี่ชั่วโมงได้ผ่านพ้นไปแล้ว ข้าก็จักอธิบายส่วนที่สองของการทดสอบนี้ให้ พวกเจ้าเริ่มได้เลยในตอนนี้”
ผู้คนที่นั่นต่างพากันเปิดถุงของตนเองในทันทีและก็ได้พบกับถุงน้ําหอมเล็กๆหนึ่งร้อยถุงอยู่ภายในนั้น แต่ละถุงก็จะมีกลิ่นหอมพิเศษเฉพาะตัวและหมายเลขที่เขียนติดอยู่บนถุง
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มแยกย้ายกันดมกลิ่นของถุงแต่ละถุง ต่างก็ใช้เวลาหลายนาที ในการจดจํากลิ่นและหมายเลขที่กํากับมันก่อนที่จะย้ายไปยังถุงน้ําหอมถุงถัดไป
สี่ชั่วโมงให้หลัง ซูหยางก็ปรบมือและกล่าวว่า “วางทุกสิ่งลงไปในถุงมิติและโยนมันมาไว้ที่กึ่งกลางห้อง”
ในเวลาถัดไป กองถุงมิติกวางซ้อนกันอยู่บนพื้นข้างซูหยาง
“ตอนนี้ข้าจักให้ขวดบรรจุน้ําหอมแก่เจ้าคนละขวด”
จากนั้นซูหยางก็ยื่นส่งขวดแก้วเล็กๆให้พวกเขาคนละหนึ่งขวด ซึ่งมีหยดของเหลวอยู่ภายในนั้นไม่กี่หยด
“ข้าได้ใช้กลิ่นที่แตกต่างกันห้าชนิดจากถุงทั้งหนึ่งร้อยกลิ่นเพื่อสร้างสสารภายในขวด ซึ่งทุกขวดในห้องนี้จะมีกลิ่นที่แตกต่างกัน และพวกเจ้าทั้งหมดมีเวลาสิบนาที่เพื่อที่จะดมกลิ่นสารที่อยู่ ภายในขวดเพื่อหาว่ากลิ่นทั้งห้าชนิดที่ข้าได้ใช้สร้างส่วนผสมนี้มีอะไรบ้าง ครั้นเมื่อเจ้ามีคําตอบแล้ว ก็ให้เจ้าปิดขวดนั้นเป็นการประกาศถึงความพร้อมของเจ้า พวกเจ้าสามารถเริ่มต้นได้ในตอนนี้”
ผู้คนต่างพากันมองไปยังขวดแก้วในมือของตนเองด้วยสีหน้างงงัน
เมื่อพวกเขาเปิดขวดและดมกลิ่น พวกเขาต่างพากันร่ําร้องในใจ “นี่มันโครตจะเป็นไปไม่ได้ ข้ามิใช่หมู อีกทั้งข้าก็มิได้มีจมูกหมา บ้าแล้วข้าจะแยกแยะออกมาได้อย่างไรว่ามีกลิ่นอะไรบ้างที่ เขาผสมอยู่ในนั้น”
เมื่อเห็นสีหน้างงงวยมีปัญหาบนหน้าตาของพวกเขา ซูหยางก็ยิ้มอยู่เบื้องหลังหน้ากากของตนเอง “ถ้ามันง่ายดายเกินไป ข้าก็คิงมิจําเป็นต้องใช้การทดสอบนี้เพื่อหาศิษย์”
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ในห้องนั้นมีปัญหากับการดมกลิ่นที่ถูกต้องออกมา ถังหลิงชีก็ทําการดมกลิ่นขวดนั้นหนึ่งครั้งก่อนที่จะปิดฝาขวดและวางมันลง
สามนาทีให้หลัง หวังชูเหรินก็ปิดฝาขวดด้วยสีหน้ามั่นใจบนใบหน้า
เมื่อเวลาสี่นาที หญิงสาวสวยที่ไม่ใช่โหลวอี้เชียวก็ปิดขวด
ห้านาทีในการทดสอบ ผู้อาวุโสเจิ้งกับไปลี่ฮัวก็ปิดขวดห่างกันไม่กี่วินาที
เมื่อเวลาการทดสอบผ่านไปหกนาที สุดท้ายโหลวอี้เชียวก็ปิดฝาขวดของเธอเช่นกัน
และเมื่อเวลาผ่านไปถึงนาทีที่เจ็ด ซูซุนและอีกสองสามคนก็ปิดขวดของตนเอง
ในระหว่างช่วงเวลาสามนาทีสุดท้ายนั้น คนอีกประมาณสิบคนก็ปิดขวดของตนเอง ในขณะที่คนอื่นๆที่เหลือต่างพากันแสดงสีหน้ายอมแพ้
เมื่อตอนจบการทดสอบครั้งนี้ มีคนไม่ถึงยี่สิบคนที่ได้ทําการปิดฝาขวดของตนเอง