บทที่ 583 การรุกรานของสํานักสุวรรณสิงห์ 3
หลังจากถูกโจมตีด้วยลมหายของเซี่ยวหลงแล้ว ซีหวังก็ร่อนลงที่ห่างไปสองสามกิโลเมตรห่าง จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยกับกระดูกที่แตกหักสองสามชิ้นในร่าง
เขานอนเหยียดอยู่บนพื้นด้วยสีหน้างงงัน ดูเหมือนจะพูดไม่ออกกับสิ่งที่เขาเพิ่งประสบการณ์
“คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางล้วนแข็งแกร่งเช่นนี้รี” เขาครุ่นคิดอยู่ในใจ
ถ้าเขาเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง เขาจะสามารถฝึกฝนจนถึงระดับสุดยอดเช่นนี้เช่ นกันหรือไม่
“อึก… ข้ามิได้ประสบกับการบาดเจ็บเช่นนี้มานานกว่าร้อยปีแล้ว” ซีหวัง ดิ้นรนลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเหาะกลับไปยังนิกายกุสุมาลย์พนพิสัย
“ปู ท่านสบายดีหรือไม่” ซีซิงฟางแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเธอเห็นสภาพยับเยินของเขา ดูเหมือนกับเขาเพิ่งตกหน้าผา
“ข้ามีกระดูกหักสองสามแห่ง แต่ไม่ถึงกับคุกคามชีวิต..” เขาถอนใจ
ในเมื่อซีหวังกลับมาแล้ว ซูหยางก็ยื่นมือของเขาออกส่งเม็ดยาให้กับเขา
“รับเม็ดยานี้ไว้ มันจักช่วยอาการบาดเจ็บภายในของท่าน”
ซีหวังพยักหน้า
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กลืนเม็ดยาในทันที แต่ชื่นชมเม็ดยาที่ดูไร้ตําหนิในมือของเขาเป็นเวลาสองสามอึดใจในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเม็ดยาที่มีสิ่งไม่บริสุทธ์เจือปนอยู่ภายในเพียงเล็กน้อยจนเกือบไม่มี
“ใครที่ผลิตเม็ดยานี้ต้องเป็นนักปรุงยาระดับสุดยอด…” ซีหวังให้ความเคารพผู้ปรุงยาเม็ดนี้อย่างเงียบๆ ก่อนที่จะกลืนมันลงไป
“ช่างมีประสิทธิภาพนัก” เขาอุทานออกมาด้วยเสียงแตกตื่นเมื่ออาการบาดเจ็บภายในของ เขาหายไปภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหลังจากกลืนเม็ดยานี้
“เจ้าได้เม็ดยานี้มาจากไหน” เขาถามซูหยางหลังจากนั้น
“มิมั่นใจนัก ข้าคิดว่าข้าเก็บมันมาจากข้างถนนก่อนหน้านั้น” ซูหยางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ก็เพียงแค่พูดว่าเจ้ามิต้องการที่จะบอกข้า” ซีหวังส่ายหน้า
“อย่างไรก็ตามข้ายอมแพ้ และข้าก็ต้องการที่จะขอโทษสําหรับการดูถูกท่านเพราะว่าหน้าตาอ่อนเยาว์ของท่าน ข้าขออภัย ท่านผู้อาวุโส” ซีหวังคํานับเซี่ยวหรงซึ่งยังคงเรียบเฉย
“ตอนนี้เมื่อท่านรู้ถึงความสามารถของเธอแล้ว เราก็ไปที่แห่งนั้นกันเถอะ” ซูหยางกล่าว จากนั้นเขาก็หันไปมองดูเซี่ยวหรง “พวกนั้นมาจากทิศทางไหนกัน”
เซี่ยวหรงชี้ไปยังทิศใต้อย่างรวดเร็ว
“นั่นจักต้องใช้เวลาอย่างน้อยทั้งเดือนเพื่อที่จักไปถึงทะเลใต้จากที่นี่แม้ว่าพวกเราจักเหาะไปโดยมิหยุดชะงัก” ซีหวังกล่าว
“ชิวเยว่ พวกเราใช้ยานบินของเจ้ากันเถอะ” ซูหยางกล่าวกับเธอ
เธอพยักหน้าแล้วนําเอายานบินขนาดยักษ์ออกมา
จากนั้นเธอก็โยนยานบินขึ้นไปในอากาศ และมันก็ขยายออกจนกระทั่งมันมีขนาดเท่ากับยานจริง
ในขณะที่ซีหวังและซีซิงฟางกําลังชื่นชมยานบิน ซูหยางและคนอื่นๆก็ขึ้นไปในยานแล้ว
ในเวลาต่อมา เมื่อทุกคนอยู่บนยานหมดแล้ว ชิวเยว่ก็ใช้พลังวิญญาณขับเคลื่อนยานไปยังด้านทิศใต้
ในเวลานี้ เหล่าศิษย์ภายในนิกายกุสุมาลย์พันพิสัยต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก เมื่อยานขนาดยักษ์พลันปรากฏตัวขึ้นเหนือนิกาย และเมื่อเพียงโหลวหลานจีอธิบายให้กับพวกเขา สถานการณ์จึงค่อยซาลงในที่สุด
“ช่างเป็นสมบัติในตํานาน”
เมื่อซูหยางกับกลุ่มไปถึงที่ทะเลใต้ในเวลาไม่กี่วินาที ซีหวังก็มีสีหน้าชื่นชมต่อยานบิน ในเมื่อเขานั้นไม่เคยได้ประสบกับการเคลื่อนที่ที่รวดเร็วปานนี้มาก่อน ทั้งไม่เคยจินตนาการว่ามันจะเป็นไปได้
และในขณะที่ซีหวังกําลังให้ความสนใจต่อยานบิน ซีซิงฟางก็ชี้ไปยังพื้นทรายที่อยู่ตรงหน้า ก่อนถึงทะเลหยก แล้วเธอก็พูดว่า “ดูผู้คนที่รวมตัวคนที่นั่นสิ พวกนั้นเป็นพวกดาบเสี้ยวจันทร์”
“อะไรนะ ให้ข้าดู” ซีหวังรีบเดินไปข้างตัวเธอและมองไปยังที่ซึ่งเธอได้ชี้ไป และเขาก็ได้เห็นจากเพียงแค่มองผ่านว่ามีคนนับร้อยสวมชุดของดาบเสียวจันทร์ตั้งค่ายอยู่ใกล้ทะเลหยก
“เจ้าพวกเลวนี้ต้องรอคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางแน่ ดูเหมือนพวกเราจะมาถูกที่ข้าควรที่จะลงไปที่นั่นแล้วฆ่าพวกนั้นให้เหี้ยน”
“รอสักครู่” ซูหยางพลันยับยั้งเขาไว้ แล้วพูดว่า “พวกเราสามารถฆ่าพวกนั้นได้หลังจากพวกเราได้ข้อมูลบางอย่างแล้ว”
“ซูหยาง ข้าไปกับท่านได้ไหม ข้าก็ต้องการที่จะกล่าวคําพูดกับพวกเขาเช่นกัน” ซีซิงฟางพลันกล่าวขึ้น
“แน่นอน” เขาพยักหน้า
ในเวลานั้นที่บริเวณค่ายของดาบเสี้ยวจันทร์ พวกเขาสังเกตเห็นได้ในทันทีว่ามียานบินขนาดยักษ์ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่าโดยไม่มีเสียงอันใด ราวกับว่ามันเป็นยานปีศาจ
“น-นั่นคือของบ้าอะไรกัน”
“มันไปอยู่ที่นั่นโดยมิมีเสียงอันใดเลยได้ยังไง”
พวกเขาต่างพากันงุนงงกับปรากฏการณ์นี้
สองสามอึดใจให้หลังพวกเขาก็สังเกตเห็นคนสามคนกระโดดออกมาจากยานบินและร่อนมาทางพวกเขาอย่างช้าๆ
และเมื่อพวกเขาเห็นใบหน้าของซีซิงฟางในหมู่คนทั้งสาม เหล่าดาบเสี้ยวจันทร์ก็พากันตื่นตัวในทันที
“ธ-เธอมาทําอะไรที่นี่”
“มองดูข้างกายเธอ นั่นคือซีหวัง บรรพบุรุษของตระกูลซี”
เป็นไปไม่ได้ ตระกูลชีพบตัวพวกเราได้อย่างไร”
“บัดซบ จบกัน พวกเราตายแน่”
เหล่าดาบเสี้ยวจันทร์พากันตื่นตระหนกโดยมีบางคนถึงกับวิ่งหนีไป
อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้หนีไปไกล ซูหยางก็โบกชายเสื้อ สร้างค่ายกลกีดขวางรอบตัวพวกเขา ดักพวกเขาอยู่ในเกราะที่โปร่งใส
“นี่เป็นของบ้าอะไรกัน”
“ปล่อยพวกเราออกไป เจ้าพวกชั่ว”
“น-นั่นเป็นซูหยาง เขามาทําอะไรที่นี่กับตระกูลซี”
คนสองสามคนในดาบเสี้ยวจันทร์จดจําใบหน้าหล่อเหลาของซูหยางได้ในทันที
“ยอมแพ้ซะ เจ้ามิสามารถทําลายค่ายกลนี้ได้ถึงแม้ว่าพวกเจ้าทั้งหมดโจมตีมันตลอดทั้งปี” ซูหยางกล่าวกับพวกเขาขณะที่เขาตรงเข้าไปหาพวกเขา
“เจ้าต้องการอะไรจากพวกเรา” หนึ่งในนั้นถามเขา
“ข้ามีเพียงคําถามไม่กี่คําถามสําหรับเจ้า” เขาตอบอย่างใจเย็น
“ถ้าพวกเราตอบคําถามของเจ้าแล้ว เจ้าจักปล่อยพวกเราไปงั้นรี”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “แน่นอน ถ้าเจ้าตอบคําถามของข้า ข้าก็จักสลายค่าย กลและปลดปล่อยพวกเจ้าไป แต่ทว่าหากเจ้าโกหกแม้เพียงครั้งเดียว ข้าก็จักเข่นฆ่าพวกเจ้าทุกคน”