NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

บทที่ 2 เลี้ยงข้าว

อย่าว่าแต่มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของดูไบเลย แค่เศรษฐีในอำเภอหนึ่ง หลี่ฝางยังยากที่จะยอมรับได้

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตูๆ สายหลุดไป หลี่ฝางโทรกลับไปอีกครั้ง แต่โทรศัพท์ทางโน่นก็ปิดเครื่องแล้ว

จากนั้นกดเงินออกมาสองหมื่น หลี่ฝางมองเงินแล้ว อดใจไม่ไหวจนร้องไห้

นึกถึงสิ่งที่เจอมาสามปีนี้ ก็เพราะตนเองจน ในวันนี้รวยแล้ว ความลำบากก็ควรจะจบสิ้นและได้อยู่อย่างสบายสักที

หลี่ฝางยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มตั้งนาน นานมาก……

มีเงินเยอะแยะมากมายขนาดนี้อย่างกะทันหัน หลี่ฝางกำลังคิดว่าตนเองควรทำอะไรสักหน่อย?

ถ้าไม่มีเรื่องเมื่อคืน หลี่ฝางต้องวิ่งไปหาเซี่ยลู่เป็นคนแรก แล้วบอกเซี่ยลู่ว่าตนเองชอบเธอและบอกกับเธอว่าตนเองเป็นหลานของมหาเศรษฐี แต่มาวันนี้คงทำได้แค่เพียงช่างมันเถอะ

หรือว่าจะหาที่ไหนสักแห่ง แล้วสละบริสุทธให้ตัวเองก่อนดี?

ไม่ได้ ตนเองรวยขนาดนี้แล้ว จะไปหาหญิงโสเภณีได้ไง ไม่มีรสนิยมสักเลย

คิดไปคิดมา ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว หลี่ฝางกลับไปถึงห้องเรียน

“หลี่ฝาง เมื่อกี้นายเป็นอะไร เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ” เห็นตาของหลี่ฝางแดงๆ โจวหยางถามด้วยความเป็นห่วง

“ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรอก ก็แค่ซื้อลอตเตอรี่มาหนึ่งใบ ถูกรางวัล” หลี่ฝางยิ้มๆ และพูด

ตอนที่เดินกลับเข้าไปในโรงเรียน หลี่ฝางได้คิดแผนการไว้แล้ว ตนเองรวยขึ้นมาอย่างกะทันหัน คนอื่นต้องถามแน่นอน ตอนนี้พ่อแม่ก็ยังไม่กลับมา หลี่ฝางไม่อยากเปิดเผยว่าตนเองเป็นหลานมหาเศรษฐี ดังนั้นจึงคิดแนวทางไว้ บอกว่าตนเองถูกรางวัลลอตเตอรี่

เสียงของหลี่ฝางดังมาก หลายๆ คนในห้องเรียนต่างก็ได้ยิน

“หลี่ฝาง นายถูกลอตเตอรี่จริงๆ เหรอ? ”

“รีบบอกมาซิ ถูกเท่าไหร่? ”

เพื่อนๆ คนอื่นๆ ล้อมเข้ามา ส่วนเกาเสิ้งทำเสียงฮึ่ม พูดอย่างไม่แคร์: “หน้าซวยๆ อย่างเขาเนี่ยนะ อย่างมากก็ถูกแค่ไม่กี่ร้อย”

เพื่อนนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา: “มันก็ไม่แน่ บางทีหลี่ฝางโชคดีขึ้นมา อาจจะถูกเป็นล้านก็ได้”

เกาเสิ้งหัวเราะฮ่าๆ : “ไม่เคยได้ยินนิทานเรื่องฟ่านจิ้นจ้งจู่(ในสมัยเก่ามีผู้ชายคนจนคนหนึ่งไปสอบเข้าเป็นผู้รัฐบาล หลังจากนั้นกลายเป็นบ้าเพราะดีใจเกินไป)เหรอ? คนจนๆ อย่างหลี่ฝาง อย่าว่าแต่หลายล้าน แม้แต่ถูกสักสองสามหมื่น ก็เป็นบ้าได้ทันที”

“แล้วถ้าหลี่ฝางถูกหลายหมื่นจริงๆ ล่ะ? ” มีคนถามขึ้นมาอีก

“งั้นฉันยกกะละมังใส่น้ำล้างเท้าให้เลย” เกาเสิ้งพูดด้วยสีหน้าที่มั่นใจ แน่ใจว่าหลี่ฝางไม่ถูกรางวัลใหญ่

ในเวลานี้อาจารย์ก็เดินเข้ามาในห้องเรียนพอดี ทุกคนต่างวิ่งกลับไปนั่งที่ของตนเอง นักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ชอบเม้าท์มอย ยังกำลังคุยกันอยู่ว่าหลี่ฝางถูกรางวัลเท่าไหร่กันแน่

ส่วนหลี่ฝางนั้น ทั้งหัวคิดแต่ว่า รวยแล้วควรทำอะไรดี กระทั่งอาจารย์สอนอะไร เขาฟังไม่เข้าหูเลยสักคำ

“ดูแล้วหลี่ฝางไม่น่าจะถูกรางวัลใหญ่จริงๆ ถ้าถูกรางวัลใหญ่จริง เขาคงลุกขึ้นมาชกหน้าเกาเสิ้งตั้งนานแล้ว”

“ใช่สิ ถ้าเขาถูกรางวัลใหญ่จริงๆ ทำไมยังนิ่งเฉยขนาดนี้”

“ถูกรางวัลใหญ่ยังไม่ยอมซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ ให้ตนเองสักชุด? ”

“ดูๆ กางเกงเขาสิ ซักจนสีซีดหมดแล้ว” จางเสี่ยวเฟิงหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“ไม่แน่ไอ้ยาจกนี่คงจะถูกแค่ไม่กี่สิบหยวน”

“กี่สิบหยวนเขาก็ดีใจแย่แล้ว ได้เงินค่าซักเสื้อให้พวกเราได้หลายวันแล้ว”

หลังจากนั้นสักพัก เพื่อนนักเรียนในห้องก็ไม่ได้พูดคุยเรื่องที่หลี่ฝางถูกรางวัลอีก

ทั้งวัน หลี่ฝางแสดงอาการเงียบสงบเกินไป มองไม่ออกว่าเขาเหมือนถูกรางวัล

จนถึงเวลาเลิกเรียน หลี่ฝางเพิ่งจะเอ่ยปาก: “หัวหน้าครับ คืนนี้ให้ผมเลี้ยงข้าวนายนะ”

ตั้งแต่เปิดเทอมมา โจวหยางจะคอยช่วยเหลือหลี่ฝางตลอด ดังนั้นรวยแล้ว หลี่ฝางอยากจะตอบแทนเขาบ้าง

โจวหยางยังไม่ทันตอบ เกาเสิ้งก็ยืนขึ้นมา: “หลี่ฝาง นายถูกรางวัลจริงๆ ดิ”

“นายจะลำเอียงแบบนี้ไม่ได้นะ เราพักหอห้องเดียวกัน ไหนๆ นายก็จะเลี้ยงข้าวหัวหน้าแล้ว ก็เลี้ยงผมกับจางเสี่ยวเฟิงด้วยสิ” เกาเสิ้งยิ้มด้วยหน้าตาร้ายๆ

“ใช่ๆ ปกติผมกับเกาเสิ้งก็ดูแลนายไม่น้อย” จางเสี่ยวเฟิงรีบช่วยกันพูดขึ้นมา

ในใจของหลี่ฝางแอบหัวเราะ สิ่งที่จางเสี่ยวเฟิงและเกาเสิ้งทำกับตนเอง นั่นมันไม่เรียกว่าดูแล แต่มันคือการดูถูก

แต่ถ้าปฏิเสธ ก็จะถูกพวกเขารังแก

ก็แค่เลี้ยงข้าวมื้อหนึ่ง หลี่ฝางไม่แคร์หรอก: “งั้นไปด้วยกันก็ได้”

เกาเสิ้งพูด: “คงไม่ใช่กินที่โรงอาหารนะ? ”

“ไม่ใช่แน่นอน Lotusเป็นไง? ” หลี่ฝางลองถามดู

“อะไรนะ? Lotus นั่นมันเป็นโรงแรมระดับห้าดาวเลยนะ” เกาเสิ้งตกตะลึง

“หลี่ฝาง ตกลงนายถูกรางวัลเท่าไหร่กันแน่? ” หลี่เสี่ยวเสี่ยวเดินมาใกล้ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในห้อง แต่ก็เป็นคนที่ชอบเงินมากที่สุด

เมื่อก่อนหลี่เสี่ยวเสี่ยววันๆ คอยตามตูดตู้เฟย แต่ในตอนนี้ตู้เฟยมีเซี่ยลู่เป็นแฟนแล้ว ดังนั้นหลี่เสี่ยวเสี่ยวเตรียมตัวจะหาแฟนใหม่สักคน

เห็นหลี่ฝางถูกรางวัลลอตเตอรี่ หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับหลี่ฝางมากยิ่งขึ้น

“ไม่เยอะ แค่ไม่กี่หมื่นหยวน” หลี่ฝางหยิบเงินที่กดออกมาจากตู้เอทีเอ็มเมื่อเช้าออกมาให้ดู

“เห็นแบงค์ใหญ่สีแดงๆ แล้ว ทุกคนในห้องเรียนก็ตื่นเต้นนั่งไม่อยู่กับที่

“ว้าว!” ในห้องมีเสียงว้าวดังออกมาหลายครั้ง

“หลี่ฝาง นายถูกรางวัลจริงๆ ดิ!”

“เกาเสิ้ง นายยังจำคำพูดที่นายพูดได้ไหม? ” หลี่ฝางจ้องหน้าเกาเสิ้ง

สีหน้าของเกาเสิ้งน่าเกลียดไม่น่าดูมาก เขากัดฟัน: “ฉันพูดว่าอะไรเหรอ? ”

“นายบอกว่าถ้าผมถูกรางวัลเป็นหมื่น นายจะยกกะละมังใส่น้ำล้างเท้าให้ผมไง” หลี่ฝางตอบ

“ตอนที่นายพูด ทุกคนก็ได้ยิน นายคงไม่คิดจะล้อเล่นกันหรอกนะ? ”

“แก!” เกาเสิ้งจ้องหน้าหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น พูดอะไรไม่ออก

เกาเสิ้งไม่อยากจะเชื่อ หลี่ฝางคนที่ตนเคยสั่งให้ทำโน่นทำนี่ กล้าท้าทายกับตนเองซะแล้ว?

ในเวลานี้ จางเสี่ยวเฟิงที่ชอบเล่นด้วยกันกับเกาเสิ้งมาตลอด ก็รีบเข้ามาช่วยและเปลี่ยนเรื่องพูดไปเป็นเรื่องอื่น: “พวกเรามาคุยเรื่องเลี้ยงข้าวกันต่อดีกว่า”

“หลี่ฝาง นายถูกรางวัลตั้งเยอะขนาดนั้น งั้นก็เลี้ยงข้าวเพื่อนๆ ในห้องด้วยเลยสิ” จางเสี่ยวเฟิงยิ้มอย่างมีเล่ห์นัย

“ก็ดี” หลี่ฝางไม่คิดอะไร ตอบรับทันที

ทุกคนในห้องต่างโห่เสียงร้องดีใจและยังตะโกนต่อหน้าหลี่ฝางว่า พี่ฝางใจดี พี่ฝางหล่อเท่……

ทันใดนั้น โจวหยางก็รีบร้อนพูดตักเตือน: “หลี่ฝาง นายบ้าไปแล้วเหรอ ห้องเรามีคนเยอะขนาดนี้ นายจะเลี้ยงทั้งหมด มันต้องใช้เงินมากขนาดไหน? ”

“โจวหยาง แค่ทานข้าวมื้อเดียวเอง จะใช้เงินมากแค่ไหน? อีกอย่าง ไม่ได้ใช้เงินนายสักหน่อย นายจะกลัวอะไร” มีคนรีบพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ

หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกเสียดาย ตอนที่เธอเห็นเงินสองหมื่นนั้น ในใจรู้สึกตื่นตาตื่นใจมาก แม้กระทั่งคิดอะไรบางอย่างที่กล้าหาญ นั่นก็คือเป็นแฟนกับหลี่ฝางสองสามวัน รอเงินใช้จนหมดก็รีบเลิกกันทันที

แต่มาวันนี้ หลี่ฝางกลับจะเลี้ยงข้าวทุกคนทั้งห้องเรียน ยังจะไปโรงแรมห้าดาวอีก แค่ข้าวมื้อนี้ เงินสองหมื่นนั่นคงไม่เหลือเท่าไหร่แล้ว

ถ้าเป็นอย่างนั้น ยังจะไปตามจีบทำไมล่ะ

“ฮาๆ ในเมื่อหลี่ฝางตกลงแล้ว งั้นพวกเราไปกันเถอะ” จางเสี่ยวเฟิงรีบยุ่งๆ ขึ้นมาทันที เริ่มช่วยหลี่ฝางชักชวนคน มีหลายคนคิดว่าจะไม่ไป ก็ถูกจางเสี่ยวเฟิงชักชวนให้ไปจนได้

ตู้เฟยเห็นแล้ว ส่ายหัวและทำหน้าดูถูก: “คนจนแกล้งทำเป็นรวยจริงๆ ”

ตู้เฟยจ้องมองหลี่ฝางที่ทำหน้าท่าทางได้ใจ รู้สึกโมโห แล้วก็ลุกขึ้นมาเดินออกไปนอกห้อง แต่ว่าถูกจางเสี่ยวเฟิงขวางไว้: “พี่เฟย จะไปไหนครับ หลี่ฝางเลี้ยงข้าว ไปด้วยกันสิ”

“ไม่ไป ผมนัดกับเซี่ยลู่ไว้” ตู้เฟยเพิ่งจะพูดจบ เซี่ยลู่ก็เดินมา

“ไม่เห็นเป็นไร ไปด้วยกันเลยสิ” จางเสี่ยวเฟิงพูดจบ หันไปเชิญชวนเซี่ยลู่ที่กำลังเดินมา: “ซ้อ คืนนี้ห้องเราจะไปงานเลี้ยงที่Lotus ไปด้วยกันไหม? ”

“ไปสิ ทำไมไม่ไป” เซี่ยลู่ตอบตกลงด้วยความดีใจ

เซี่ยลู่นึกว่าจางเสี่ยวเฟิงเลี้ยง จึงถามกลับไปว่า: “ฉันพาเพื่อนสนิทไปด้วยสองสามคนได้ไหม? ”

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว” จางเสี่ยวเฟิงไม่ถามหลี่ฝางเลยสักคำ ก็ตอบปากรับคำแล้ว

“เดี๋ยวจะกินให้เต็มที่ เอาให้เงินสองหมื่นนั้นหมดไปเลย” เกาเสิ้งนึกถึงหลี่ฝางทำให้เขาเสียหน้าเมื่อสักครู่นี้ ในใจรู้สึกโมโหอย่างมาก

“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว จุดมุ่งหมายของเราคือเอาให้เกินที่เขาจะจ่ายได้ ทำให้เขาจ่ายไม่ไหวในที่สุด ถึงตอนนั้น ฉันจะดูว่าไอ้ยาจกจนๆ นั่นจะหาใครมาช่วย” จางเสี่ยวเฟิงพูดอย่างเยือกเย็น

หลี่ฝางไม่เคยทำอะไรให้จางเสี่ยวเฟิง ที่ถูกจางเสี่ยวเฟิงทำตัวเป็นศัตรู ก็เพราะว่าอิจฉา

ก็เหมือนปกติคุณดูถูกขอทาน แล้วจู่ๆ ขอทานนั่นก็รวยขึ้นมากะทันหัน ในใจต้องรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว

“ใช่ ไปถึงภัตตาคารแล้ว เรากินให้อิ่มหนำสำราญ กินให้มันล่มจมไปเลย” เกาเสิ้งพูด

ตู้เฟยเหลือบไปมองเกาเสิ้ง: “นายจะกินได้เยอะแค่ไหน? ”

“กินไม่ได้เยอะ แต่เราดื่มได้นิ Lotusเป็นโรงแรมระดับห้าดาวนะ ที่นั่นมีแต่เหล้าดีๆ ทั้งนั้น แค่เหล้าเหมาไถขวดเดียว ก็ราคาเป็นพันแล้วไม่ใช่เหรอ? ” สายตาของตู้เฟยเต็มไปด้วยความโหดร้าย: “คืนนี้ พวกเราต้องให้หลี่ฝางเดินยิ้มเข้าไป ร้องไห้ออกมา”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท