NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 25

ตอนที่ 25

บทที่25 ครูใหญ่เจ้าเล่ห์

สามปีมานี้ หลี่ต๋าคางปัญหาเรื่องใหญ่ใดๆ ก็ไม่เคยเจอ เจอสิ่งท้าทายต่อหน้ามานับไม่ถ้วน หลี่ต๋าคางไม่เคยถอย แต่ตอนนี้ ยืนตรงหน้าห้องพักครูเล็กๆ นี้ เขาหยุดลง

คนที่แม้แต่สถานที่อันตรายๆ ยังกล้าเข้าออก แต่กลับไม่กล้าเข้าไปเหยียบในห้องทำงานครูเล็กๆ

“ทำไมไม่เข้าไป คุณคิดมันมาสามปีแล้ว” เมี๋ยวชุ่ยกลอกตาใส่หลี่ต๋าคาง แล้วก้าวเข้าไปก่อน

หลี่ฝางเห็นแม่ตัวเองตอนนั้น ขอบตาที่อัดอั้นน้ำตา ก็พรั่งพรูออกมา

หลี่ฝางร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาอย่างทนไม่ไหว เขาไม่ได้อ่อนแอ และก็ไม่ใช่ว่าไม่เข้มแข็งพอ

กลับกัน เขาเข้มแข็งกว่าใครทั้งนั้น

เขากำมืออยู่นาน แค่ในเวลานี้กำไม่อยู่แล้ว เพราะในที่สุดก็เจอครอบครัว

สามปีนี้หลี่ฝางไม่เคยร้องไห้ ครั้งนี้เขาร้องไห้ เพราะว่าในที่สุดเขาก็ได้เจอครอบครัว อีกอย่างยังเป็นแม่ที่เข้าใจเขาดีพอ และห่วงใยเขา นั่นคือเมี๋ยวชุ่ย

“ลูก น่าน้อยใจลูกเสียจริง” เมี๋ยวชุ่ยเดินเข้ามา กอดหลี่ฝางในอ้อมแขนตัวเอง

ส่วนหลี่ต๋าคางหลังจากที่หยุดอยู่นอกห้องพักครูสักพัก จึงเข้ามา

หลี่ต๋าคางในเวลานี้ สีหน้าไร้การแสดงออกใดๆ มีความเคร่งขรึมและอาฆาตมากขึ้น

“เก็บน้ำตาไปเลย!” หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝาง แล้วพูดเสียงคมกริบ

“ลูกผู้ชาย อย่าเอาแต่ร้องไห้ ทำให้คนตลก!” หลี่ต๋าคางจ้องหลี่ฝาง ประโยคเดียวก็ทำให้น้ำตาของหลี่ฝางตกใจจนหายไป

“ท่านทั้งสองคือพ่อแม่หลี่ฝางสินะ เรื่องเป็นแบบนี้ ลูกคุณขโมยของคนอื่น ดังนั้น……” คำพูดครูประจำชั้นหลี่ฝางยังพูดไม่จบ หลี่ต๋าคางก็ไม่ทน

“เสี่ยวฝาง มานี่!”

หลี่ต๋าคางเรียกหลี่ฝางมาข้างตัวเอง: “พ่อถามลูกนะ ได้ขโมยของคนอื่นไหม?”

“พ่อ ผมไม่ได้……”

หลี่ฝางยังพูดไม่จบ หลี่ต๋าคางก็ตัดบท: “โอเค พ่อรู้แล้ว”

“พวกคุณได้ยินไหม?ลูกชายผมบอกไม่” หลี่ต๋าคางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สงสัยสักนิด: “เทียบกับพวกคุณแล้ว ผมเชื่อลูกผมมากกว่า ดังนั้นลูกผมบอกไม่ งั้นก็ไม่”

“หือ??”

เวลานี้ ไม่ว่าเป็นครูประจำชั้นหลี่ฝาง หรือครูประจำชั้นเซี่ยลู่ ต่างตกตะลึง

พวกเขาเจอผู้ปกครองมามากมาย แต่เป็นครูมาหลายปี ผู้ปกครองที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเจอ

“ลูกชายคุณขโมยของคนอื่นจริงๆ นาฬิกาเรือนนี้ หาเจอจากโต๊ะเขาครับ” ครูประจำชั้นของหลี่ฝางเอาของที่ขโมยวางบนโต๊ะทำงาน

“อีกอย่าง พวกเราแจ้งความแล้ว เดี๋ยวตำรวจก็จะมาแล้ว”

หลี่ต๋าคางขมวดคิ้ว มองลูกชายตัวเองแวบหนึ่ง หลี่ฝางส่ายหน้า: “พ่อครับ นาฬิกาเรือนนั้น ผมไม่ได้แตะต้องสักนิด มีคนฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่อยู่ แอบเอาใส่โต๊ะผม”

“ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ เอารอยนิ้วมือบนนาฬิกามาตรวจ ถ้ามีรอยนิ้วมือผม ผมยอมรับ” หลี่ฝางพูดอย่างไม่กลัว

หลี่ต๋าคางพยักหน้าอย่างพอใจ: “งั้นรอตำรวจมา ตรวจลายนิ้วมือ”

หลี่ต๋าคางลูบหัวลูกตัวเองด้วยความปลาบปลื้ม ถึงขนาดคิดได้ว่าพิสูจน์ลายนิ้วมือมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง หมายความว่าลูกตัวเองไม่โง่

“เรื่องของนาฬิกาพวกเราพักก่อน งั้นโทรศัพท์ล่ะเกิดอะไรขึ้น?”

“โทรศัพท์ครูเอามาจากกระเป๋าคุณเองกับมือ คุณจะอธิบายอย่างไร?” ครูประจำชั้นมองไปที่หลี่ฝางอย่างเฉียบคม อยากดูว่าครั้งนี้เขาจะเถียงอย่างไร

หลี่ฝางเงียบอยู่นาน: “ผมว่าคุณถามเซี่ยลู่กับตู้เฟยเถอะ ผมว่าพวกเขาบอกคำตอบคุณได้”

“พวกเขาล่ะ?” ครูประจำชั้นหลี่ฝางมองไปรอบห้อง เห็นว่าตู้เฟยกับเซี่ยลู่จู่ๆ ก็หายไป เมื่อกี๊ยังอยู่ที่นี่อยู่เลย

“พวกเขาน่าจะกลับไปเข้าเรียนแล้ว” ครูประจำชั้นเซี่ยลู่ตอบ

เวลานี้ ตู้เฟยกำลังทักทายกับเพื่อนในโรงพักที่นอกห้อง พอวางสาย เซี่ยลู่ก็ถามอย่างกังวล: “พี่เฟย เรียบร้อยยัง?”

“วางใจเถอะ เรียบร้อยแล้ว เพื่อนผมออกจากโรงพักพอดี เขาอยู่บนถนนแล้ว เดี๋ยวก็ถึง” ตู้เฟยหัวเราะ: “รอหลี่ฝางไม่มีเครื่องบันทึกเสียง ดูสิจะจัดการเขาได้ไหม”

“ครูใหญ่ คุณมาแล้ว!” เวลานี้ ครูใหญ่เดินขึ้นตึกไป

“ที่แท้ก็ตู้เฟย ช่วงนี้พ่อคุณคงสบายดีนะ ไม่เจอพ่อคุณนานแล้ว คิดถึงเขามาก” ครูใหญ่ยิ้ม ตบไหล่ตู้เฟย

ตู้เฟยก็ไม่โง่ เข้าใจได้เองว่าครูใหญ่หมายความว่าอย่างไร

“ฮ่าฮ่า ครูใหญ่ เสาร์อาทิตย์นี้พ่อผมว่างพอดี ไม่รู้ว่าคุณมีธุระอะไรไหม ถ้าคุณไม่มีอะไร ผมกับพ่อจะไปนั่งที่บ้านคุณ” ตู้เฟยพูด

ที่เรียกว่าแขก ก็คือมอบของขวัญให้ ครูใหญ่ไม่มีทางปฏิเสธ: “โอเค ครูว่างพอดี เรียกพ่อคุณมาสิ ครูจะได้เล่นไพ่กับเขาสักสองเกม”

ครั้งที่แล้วครูใหญ่กับพ่อของตู้เฟยเล่นไพ่นกกระจอก แต่ชนะเขาบ่อยมาก ครูใหญ่คนนี้ก็ไม่โง่ รู้ว่าพ่อของตู้เฟย จงใจแพ้

“ครูใหญ่ วันนี้ผมมีเรื่องอยากให้ครูช่วย” ตู้เฟยไปที่ข้างหูครูใหญ่ พูดเบาๆ

เดิมทีตู้เฟยคิดว่าครูใหญ่จะตอบรับไว แต่คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ครูใหญ่จะขมวดคิ้ว สีหน้าหม่นลงเล็กน้อย

“ตู้เฟย ดูเหมือนสัปดาห์นี้ผมจะไม่ว่างเล่นไพ่นกกระจอกกับพ่อคุณแล้วล่ะ” ครูใหญ่ถอนหายใจ พูดอย่างหดหู่

“ครูใหญ่ หมายความว่าไง เมื่อกี๊ไม่ใช่ว่าเพิ่งบอกว่าว่างเหรอครับ?ทำไมจู่ๆ ก็ไม่ว่างล่ะ?ไม่เป็นไร ถ้าวันหยุดนี้คุณไม่ว่าง ก็นัดวันหยุดหน้า” ตู้เฟยพูด

“ตู้เฟยนะ คุณไม่เข้าใจความหมายของผมเหรอ ผมอยากบอกคุณเป็นนัย เรื่องที่คุณขอร้องผมเมื่อกี๊ ผมกลัวว่าจะช่วยคุณไม่ได้ คุณมาครั้งนี้ ไม่ใช่ว่าจับหลี่ฝาง”

ครูใหญ่ขมวดคิ้ว: “กลับกัน ครั้งนี้ที่ผมมา คือมาช่วยเขาล้างข้อกล่าวหา”

“อะไรนะ?ครูใหญ่ คุณมั่วหรือเปล่า แม้แต่ความสัมพันธ์พ่อผมกับคุณ คุณก็ไม่ช่วย แต่ไปช่วยคนนอกเนี่ยนะ?” ตู้เฟยร้อนใจ: “อย่าลืมล่ะ ปีที่แล้วพ่อผมบริจาคคอมให้มัธยมตงไห่ของพวกเราสิบกว่าเครื่อง”

“ถึงพ่อคุณให้มัธยมตงไห่คอมอีกมากแค่ไหน เรื่องนี้ผมก็ช่วยคุณไม่ได้ ผมคือครูใหญ่ ทำอะไรต้องยุติธรรม นี่มันเรื่องสาธารณะ จะคุยปนกับเรื่องส่วนตัวได้ไง พอแล้ว คุณรีบกลับไปเข้าเรียนเถอะ ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเข้าเรียนแล้ว?”

พูดจบ ครูใหญ่ก็เข้าไปในห้องพักครู

พอครูใหญ่เข้ามา ก็นั่งลง ครูประจำชั้นของหลี่ฝางเอาเรื่องนี้เล่าให้ครูใหญ่ฟัง พอพูดจบ ครูประจำชั้นหลี่ฝางก็ถาม: “ครูใหญ่ ไม่งั้นพวกเราไล่หลี่ฝางออกเถอะ”

“ไม่งั้นตำรวจมา ก็ไม่ทันนะ”

“ถ้าตอนนี้คุณไล่หลี่ฝางออก งั้นหลี่ฝางก็ไม่ใช่นักเรียนของมัธยมตงไห่แล้ว ถึงตอนนั้นเขาถูกตำรวจจับไป ฝ่ายสำนักงานการศึกษาโทษขึ้นมา พวกเราก็สามารถบอกได้ว่าเขาไม่ใช่นักเรียนของมัธยมตงไห่ คุณว่าไหมล่ะ?” ครูประจำชั้นของหลี่ฝางคิดแต่จะเอาตัวเองออกมาจากเรื่องนี้ จึงแนะนำครูใหญ่

ครูใหญ่ฟังจบ ก็ขมวดคิ้ว

“ผมกลับคิดว่าควรไล่คุณออก มีครูที่ไม่มีความรับผิดชอบแบบคุณเนี่ยนะ?เรื่องยังไม่ทันตรวจสอบจริงจังก็ตัดสินมั่วๆ” ครูใหญ่มองหลี่ฝาง ครูประจำชั้น พูดเสียงเยือกเย็น

“ครูใหญ่ ผม……”

“คุณ คุณอะไรล่ะ คุณปรักปรำคนนี้รู้ไหม?หลี่ฝางคะแนนดีมาก นิสัยดีมีคุณธรรม จะขโมยของคนอื่นได้ไง ชัดเจนว่านักเรียนคนอื่นริษยาเขา จงใจใส่ร้ายเขา” ครูใหญ่หยิบโทรศัพท์ตัวเอง เปิดคลิป: “คุณดูเอง นี่ใช่จงใจใส่ร้ายไหม?”

“ครูใหญ่ ที่แท้จางเสี่ยวเฟิงขโมยนาฬิกาของตู้เฟย โยนความผิดให้หลี่ฝาง” ครูประจำชั้นของหลี่ฝางดูคลิปจบ ก็เข้าใจว่าเรื่องเป็นไง

ทุกห้องสอนมีกล้องวงจรปิด แต่กล้องวงจรปิดนี้ ไม่ค่อยมีคนมาดู จนทุกคนต่างลืม

“นาฬิกานี้คือจางเสี่ยวเฟิงใส่ร้ายหลี่ฝาง แล้วโทรศัพท์ล่ะ โทรศัพท์ผมเจอจากตัวหลี่ฝางเอง นี่คงสลัดไม่ออกนะครับ?” ครูประจำชั้นของหลี่ฝางขมวดคิ้ว เขาทำเป็นฟังไม่ออก นี่คือจุดประสงค์ที่ครูใหญ่มา ชัดเจนว่ามาช่วยหลี่ฝาง

สีหน้าครูใหญ่หม่นลง กลอกตาใส่ครูประจำชั้นหลี่ฝาง พูดเสียงทุ้ม: “คุณก็ฟังผมเข้าใจแล้วนี่ โทรศัพท์สองเครื่องคือหลังจากที่หลี่ฝางเก็บได้ที่ลานกีฬา ก็จงใจเอาให้คุณ ไม่ใช่ว่าคุณเจอจากตัวเขา เข้าใจไหม?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท