NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 56

ตอนที่ 56

บทที่ 56 การเปิดเผยความในใจของเซี่ยลู่

หลี่หลงยืนอยู่กับที่ มีเสียงดังลั่นก้องหูกะทันหัน ทำให้สมองโล่ง เหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น

จากนั้น ตัวของเขาสั่นไปทั้งตัว แม้แต่เสียงก็สั่นไปด้วย: “ใคร……เป็น……คน…..ฆ่า……พ่อผม”

“ตอนนี้ยังไม่ทราบ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานอะไรไว้เลย การตายของพ่อนายอาจจะกลายเป็นคดีที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ” หม่าเทียนพูดด้วยเสียงเบาๆ : “แต่คุณวางใจได้ ทางเราต้องพยายามสืบสวนอย่างเต็มที่ จะพยายามหาคนร้ายให้เจอ คืนความยุติธรรมให้แก่นาย”

“ถึงแม้ว่าพ่อของนายจะเคยมีปัญหากับผู้คนมากมาย แต่คนที่จะมีอำนาจถึงกับฆ่าเขาได้ คนที่กล้าฆ่าเขาได้ ในเมืองตงไห่มีไม่กี่คนหรอก” หม่าเทียนเล่าให้เขาฟัง

“ใช่ลูกพี่หลินหรือเปล่า? ” หลี่หลงเงยหน้าขึ้นมาทันที ถามด้วยสีหน้าที่อาฆาต

“หลี่หลง ไม่มีหลักฐาน อย่าพูดอะไรมั่วๆ ” หม่าเทียนพูด: “นายกลับไปเตรียมงานศพของพ่อนายก่อนเถอะ เรื่องเมื่อกี้นี้ ผมจะไม่ถือสานายหรอก”

“ขอบคุณครับ” หลี่หลงตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง

“ลูกพี่หลี่เคยพูดคุยกับผมมาแล้วหลายครั้ง ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมลำบากใจจนเกินไป”

หม่าเทียนตบๆ ที่ไหล่ของหลี่หลงและแนะนำเขาว่า: “กลับไปจัดการงานศพของพ่อนายให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นนายรีบๆ ไปจากเมืองตงไห่เถอะนะ”

“คนคนนั้นฆ่าพ่อนายให้ตายได้ ก็สามารถฆ่านายให้ตายได้เหมือนกัน”

“อย่าคิดแก้แค้นให้พ่อนายเด็ดขาด นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนคนนั้นแน่นอน”

“คุณรู้ว่าเค้าคือใคร? ” หลี่หลงจ้องหน้าหม่าเทียนและซักถาม

หม่าเทียนส่ายหัว: “เมื่อกี้ผมบอกนายแล้ว ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของนาย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม คนที่ฆ่าพ่อของนายได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ฝีมือการต่อสู้ของพ่อนายก็รู้ ถึงแม้ไม่มีคนปกป้อง คนธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ แต่ว่าครั้งนี้ เขากลับถูกปลิดชีพได้อย่างรวดเร็ว”

“ถูกปลิดชีพ?? ” หลี่หลงลืมตาโตๆ จ้องมองหม่าเทียน: “คุณบอกว่าพ่อผมถูกคนปลิดชีพงั้นเหรอครับ? ”

“จะพูดว่าปลิดชีพก็ไม่ใช่ แต่สรุปก็คือใช้เวลาสั้นมาก พ่อของนายตายตอนที่เข้าห้องน้ำ ในขณะนั้น คนของพ่อนายเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่คนที่อยู่ด้านนอกกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย กระทั่งพ่อของนายตายไปในที่สุด ก็ไม่มีเสียงอะไรเลย……”

“พ่อของนายเข้าไปแค่สองนาทีก็ถูกคนร้ายฆ่าตายแล้ว”

“คนคนนั้นสามารถฆ่าพ่อนายให้ตายได้ในสองนาที อีกทั้งยังไม่ทิ้งร่องรอยเบาะแสอะไรให้พวกเราแม้แต่นิดเดียว สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าฝ่ายคนร้ายน่ากลัวมากเพียงใด”

“ดังนั้นผมจึงแนะนำนายอย่าคิดแก้แค้น รีบๆ ออกไปจากเมืองตงไห่ให้เร็วที่สุด”

หม่าเทียนมองดูหลี่หลงและพูดด้วยความปลอบโยน: “นายดูนิ่งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมนึกว่านายจะบ้าคลั่งเลยล่ะ”

“พ่อผมเคยพูดไว้ ออกมาอยู่วงการนี้ ต้องเอาคืนสักวัน เขารู้ว่าต้องเป็นอย่างวันนี้ตั้งนานแล้ว จึงให้ผมอย่าวู่วามถ้าวันนี้มันมาถึง พ่อบอกผมว่า ถ้าคนเรายิ่งวู่วาม จะยิ่งผิดพลั้งมากกว่า ศัตรูก็จะยิ่งเข้าหาในวันที่เราอ่อนแอ จางกงหมิงคิดอยากจะยึดพื้นที่ของพ่อผมมาโดยตลอด ผมไม่มีทางให้เค้าสมหวังอย่างแน่นอน” หลี่หลงพยายามทำใจให้นิ่งอย่างที่สุด

ก่อนที่ลูกพี่หลี่จะตาย ได้สั่งสอนและฝึกฝนหลี่หลงมาตลอด เพื่อให้เขากลายเป็นผู้สืบทอดของตนเอง

ลูกพี่หลี่นึกไม่ถึงว่าตนเองจะตายเร็วขนาดนี้ แต่ก็ยังดีที่ หลี่หลงเติบโตขึ้นมากในขณะที่ลูกพี่หลี่ตายไป

หลี่หลงขับรถปอร์เช่ออกไป หลังจากที่จางกงหมิงเห็นแล้วไม่พอใจอย่างยิ่ง

“หม่าเทียน คุณหมายความว่ายังไง นายปล่อยตัวหลี่หลง แต่กลับมาจับตัวผม? ” จางกงหมิงลืมตาโตจ้องหน้าหม่าเทียนและพูดอย่างไม่พอใจ

“ในมือของพวกเขาไม่มีอาวุธ แต่ในมือของพวกนายถืออาวุธกันหมด” หม่าเทียนกล่าว

“เห้ย แค่จับไม้เบสบอลก็ผิดกฎหมายเหรอ? ” จางกงหมิงหัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “พวกเราเล่นเบสบอลด้วยกันก็ไม่ได้งั้นหรือ? ”

“นี่คุณกำลังคิดจะปกป้องเด็กนั่นชัดๆ ลูกพี่หลี่มีอะไรดีให้คุณหรือเปล่า? ” จางกงหมิงยิ่งไม่พอใจ

หม่าเทียนตอบอย่างอ้อมค้อม: “เดี๋ยวนายก็รู้เหตุผลเองในเร็วๆ นี้แหล่ะ”

ปรากฏว่าพอเข้าไปนั่งในรถคุมขังแล้ว จางกงหมิงก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ใหญ่

“ลุงไม่ได้ล้อเล่นกับผมใช่ไหมครับ พี่แปดตายแล้วจริงๆ เหรอ? ”

“จริงแท้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ คนของผมเห็นศพของเขาแล้ว” พี่ใหญ่พูดในสายโทรศัพท์

“ฮาฮา ดีจริงๆ เลย ลูกพี่หลี่ตายแล้ว เขตเมืองภาคตะวันออกไม่มีใครเป็นใหญ่ ถึงตอนนั้น เขตเมืองภาคตะวันออกก็จะกลายเป็นของผม”

วินาทีนี้จางกงหมิงดีใจอย่างยิ่ง

“หม่าเทียน ผมรู้แล้วว่าคุณทำไมถึงต้องปล่อยเด็กนั่นกลับไป ที่แท้ก็ให้เขากลับไปจัดการงานศพของลูกพี่หลี่นั่นเอง” จางกงหมิงหัวเราะฮาฮาอย่างดัง

หม่าเทียนขมวดคิ้วขึ้นทันที ถึงแม้จะดีใจมากขนาดไหน ก็ควรจะเก็บซ่อนความดีใจนั้นเอาไว้บ้าง

ถึงแม้หลี่หลงอายุยังไม่ถึงยี่สิบ แต่ก็มีความเข้มแข็งมากกว่าจางกงหมิงหลายเท่า

หลังจากที่หลี่หลงไปแล้ว ตู้เฟยไม่มีที่พึ่งพิง ส่วนทางด้านหลี่ฝาง มีหลินชิงชิงคอยหนุนหลังให้เขา

แน่นอน ถึงแม้หลินชิงชิงไม่อยู่ หลี่ฝางก็ไม่กลัวเขาหรอก

หลี่ฝางเดินไปถึงตรงหน้าของตู้เฟย: “ไอ้เหี้ย เล่นแทงข้างหลัง นายนี่มันเลวจริงๆ !”

ตู้เฟยกลืนน้ำลายแล้วพูด: “ใครให้นายมากอดผู้หญิงของกู”

“อ๋อ ยังไม่ตายใจอีกเหรอ” หลี่ฝางถึงกับพูดไม่ออก: “กูก็แค่เห็นเธอเมา เลยอุ้มเธอขึ้นรถแค่นั้น นายคิดอะไร คิดว่ากูจะพาเธอไปเปิดห้องนอนเหรอ!”

ตู้เฟยไม่พูดอะไร แค่จ้องมองหน้าหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น

“กูไม่ได้ต่ำทรามขนาดนั้น จะเอาผู้หญิงที่มึงเคยกินหรอก” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ อย่างเย็นชา: “คิดว่ากูเป็นฮีโร่คอยรับของเก่าจากใครๆ นั้นเหรอ”

เซี่ยลู่ได้ยินคำนี้แล้ว ในใจรู้สึกเจ็บปวด

ถึงแม้เธอจะเมาเหล้า แต่พอถูกโยนเมื่อสักครู่นี้แล้ว สมองตื่นขึ้นมาทันที ที่เธอยังนอนอยู่กับพื้น ก็เพราะอยากจะแกล้งเมาต่อไป เพื่อให้หลี่ฝางอุ้มตัวเธอไป

ถึงแม้ปากของเธอจะพูดกับหลิวเฉียวเฉียวว่าไม่สนใจหลี่ฝาง แต่ในใจลึกๆ กลับมีความรู้สึกดีๆ ต่อหลี่ฝางมากขึ้น

หลังจากที่หลี่หลงและจางกงหมิงไปแล้ว หลิวเฉียวเฉียวที่ขี้กลัวค่อยเข้ามาพยุงตัวเซี่ยลู่ขึ้นมา ไม่พูดไม่ได้ว่าหลิวเฉียวเฉียวเป็นคนขี้ขลาดเกินไป เมื่อกี้เค้าต่อสู้กันที่นี่ เธอรีบหนีออกไปไกลหลายร้อยเมตร ตอนนี้เพิ่งจะกลับมา

“ลู่ลู่ เธอเป็นไรมากเปล่า” หลิวเฉียวเฉียวพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เซี่ยลู่ส่ายหัว ลุกขึ้นมายืน: “ฉันไม่เป็นไร”

“พวกเราไปกันเถอะ” เซี่ยลู่ก็ไม่รู้ตนเองเป็นอะไรไป ได้ยินคำพูดของหลี่ฝางแล้ว ในใจเหมือนถูกเข็มทิ่มเข้าไปอย่างนั้น

โบกมือเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง และไปโดยไม่ทักทายบอกลาหลี่ฝางสักคำ

แต่หลิวเฉียวเฉียวยังบอกลาหลี่ฝางคำนึง

“มึงยังไม่กลิ้งกลับไปอีกเหรอ? ” หลี่ฝางหัวเราะและมองหน้าตู้เฟย

“หลี่ฝาง เราได้เห็นดีกันแน่” ตู้เฟยพูดจบและหันหลังไป

“เมื่อกี้นายไม่ได้ยินที่กูพูดเหรอ? ” หลี่ฝางหัวเราะ

“กูบอกให้มึงกลิ้งกลับไป ไม่ได้ให้มึงเดิน” หลี่ฝางยืนพูดอยู่ด้านข้างของตู้เฟย

ตู้เฟยขมวดคิ้วขึ้นและด่าด้วยความโมโห: “หลี่ฝาง มึงอย่ารังแกคนให้มากเกินไป”

“ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่หลงไปแล้ว กูเอามึงตายตั้งนานแล้ว” ตู้เฟยพูด

“แต่เสียดาย หลี่หลงไม่ได้อยู่ที่นี่” หลี่ฝางเดินเข้าไป ถีบที่ก้นของตู้เฟยเต็มๆ : “ตีนนี้กูคืนให้มึง” ตู้เฟยล้มลงกับพื้น เขายังไม่ได้ลุกขึ้นยืนก็ถูกหลี่ฝางเหยียบไว้: “คลานไป ถ้ายืนขึ้นมาอีกครั้งกูจะเตะมึงอีก”

อะไรคือการเหยียดหยามคน นี่แหละคือการเหยียดหยามคน

เมื่อก่อนหลี่ฝางเคยถูกตู้เฟยเหยียดหยามไม่น้อย ตอนนี้ลมเปลี่ยนทิศแล้ว หลี่ฝางเริ่มแก้แค้นทีละนิดทีละนิด

โจวเจ๋กับส้งเสียงทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นอย่างนั้น เดินไปขึ้นรถของตนเอง แล้วรีบขับออกจากร้านเหล้าอย่างไม่สนใจ

“ไอ้เหี้ย พวกมึงรอกูด้วยดิ!”

ตู้เฟยโมโหจนกัดฟันไว้แน่นๆ รถของเขาถูกหลี่หลงขับออกไปแล้ว โจวเจ๋กับส้งเสียงก็ไปอย่างไม่ไยดี เขาจะทำยังไง โบกรถ?

โบกรถกลับเองก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือทิ้งตู้เฟยไว้คนเดียว ทำให้ตู้เฟยกลัวมากยิ่งขึ้น

ตู้เฟยเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆ เหมือนรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใครไยดี โดยเฉพาะหลี่ฝางยังยืนอยู่บนหัวของเขา จ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น ทำให้เขารู้สึกหมดหวัง

“หลีกไป กูคลานก็ได้”

ตู้เฟยรู้จักหลี่ฝางดี ตอนกลางวันที่ตบหน้าเขา อีกทั้งยังบีบบังคับให้เรียกคุณปู่ครั้งนั้น ภาพนั้นยังติดตาและฝังแน่นในใจของเขาตลอด

ดังนั้นตู้เฟยจึงยอมแพ้ หลี่ฝางพูดอะไรก็ยอมทำหมด

อย่างน้อย ทำเช่นนี้ก็ทำให้เขาเจ็บตัวน้อยลงบ้าง

“ไอ้เหี้ย กูเป็นถึงลูกหลานมหาเศรษฐี แต่กลับถูกรังแกแบบนี้? ” ตู้เฟยกัดฟันอดทนและพูดอย่างไม่พอใจ คลานไปไกลๆ แล้ว เขามุดขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วรีบหนีไป

หลี่ฝางเห็นท่าทางของเขาที่ซมซานเช่นนี้ มุมปากยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ

หลี่ฝางยังไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับการตายของลูกพี่หลี่ คืนนั้น เขานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านบาร์ทั้งคืนจนถึงเช้า

ตอนดึกๆ เลยเที่ยงคืนแล้ว เสียงโทรศัพท์ของมือถือหลี่ฝางดังขึ้น เซี่ยลู่ส่งข้อความหนึ่งมาให้เขา: “หลี่ฝาง นายยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า? ”

หลี่ฝางด่าอยู่ในใจหนึ่งคำ ชอบแม่มึงสิ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท