บทที่ 56 การเปิดเผยความในใจของเซี่ยลู่
หลี่หลงยืนอยู่กับที่ มีเสียงดังลั่นก้องหูกะทันหัน ทำให้สมองโล่ง เหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างนั้น
จากนั้น ตัวของเขาสั่นไปทั้งตัว แม้แต่เสียงก็สั่นไปด้วย: “ใคร……เป็น……คน…..ฆ่า……พ่อผม”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยหลักฐานอะไรไว้เลย การตายของพ่อนายอาจจะกลายเป็นคดีที่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ” หม่าเทียนพูดด้วยเสียงเบาๆ : “แต่คุณวางใจได้ ทางเราต้องพยายามสืบสวนอย่างเต็มที่ จะพยายามหาคนร้ายให้เจอ คืนความยุติธรรมให้แก่นาย”
“ถึงแม้ว่าพ่อของนายจะเคยมีปัญหากับผู้คนมากมาย แต่คนที่จะมีอำนาจถึงกับฆ่าเขาได้ คนที่กล้าฆ่าเขาได้ ในเมืองตงไห่มีไม่กี่คนหรอก” หม่าเทียนเล่าให้เขาฟัง
“ใช่ลูกพี่หลินหรือเปล่า? ” หลี่หลงเงยหน้าขึ้นมาทันที ถามด้วยสีหน้าที่อาฆาต
“หลี่หลง ไม่มีหลักฐาน อย่าพูดอะไรมั่วๆ ” หม่าเทียนพูด: “นายกลับไปเตรียมงานศพของพ่อนายก่อนเถอะ เรื่องเมื่อกี้นี้ ผมจะไม่ถือสานายหรอก”
“ขอบคุณครับ” หลี่หลงตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง
“ลูกพี่หลี่เคยพูดคุยกับผมมาแล้วหลายครั้ง ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนดีอะไร แต่ก็ไม่เคยทำให้ผมลำบากใจจนเกินไป”
หม่าเทียนตบๆ ที่ไหล่ของหลี่หลงและแนะนำเขาว่า: “กลับไปจัดการงานศพของพ่อนายให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นนายรีบๆ ไปจากเมืองตงไห่เถอะนะ”
“คนคนนั้นฆ่าพ่อนายให้ตายได้ ก็สามารถฆ่านายให้ตายได้เหมือนกัน”
“อย่าคิดแก้แค้นให้พ่อนายเด็ดขาด นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนคนนั้นแน่นอน”
“คุณรู้ว่าเค้าคือใคร? ” หลี่หลงจ้องหน้าหม่าเทียนและซักถาม
หม่าเทียนส่ายหัว: “เมื่อกี้ผมบอกนายแล้ว ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าพ่อของนาย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม คนที่ฆ่าพ่อของนายได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ฝีมือการต่อสู้ของพ่อนายก็รู้ ถึงแม้ไม่มีคนปกป้อง คนธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้ แต่ว่าครั้งนี้ เขากลับถูกปลิดชีพได้อย่างรวดเร็ว”
“ถูกปลิดชีพ?? ” หลี่หลงลืมตาโตๆ จ้องมองหม่าเทียน: “คุณบอกว่าพ่อผมถูกคนปลิดชีพงั้นเหรอครับ? ”
“จะพูดว่าปลิดชีพก็ไม่ใช่ แต่สรุปก็คือใช้เวลาสั้นมาก พ่อของนายตายตอนที่เข้าห้องน้ำ ในขณะนั้น คนของพ่อนายเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่คนที่อยู่ด้านนอกกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย กระทั่งพ่อของนายตายไปในที่สุด ก็ไม่มีเสียงอะไรเลย……”
“พ่อของนายเข้าไปแค่สองนาทีก็ถูกคนร้ายฆ่าตายแล้ว”
“คนคนนั้นสามารถฆ่าพ่อนายให้ตายได้ในสองนาที อีกทั้งยังไม่ทิ้งร่องรอยเบาะแสอะไรให้พวกเราแม้แต่นิดเดียว สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าฝ่ายคนร้ายน่ากลัวมากเพียงใด”
“ดังนั้นผมจึงแนะนำนายอย่าคิดแก้แค้น รีบๆ ออกไปจากเมืองตงไห่ให้เร็วที่สุด”
หม่าเทียนมองดูหลี่หลงและพูดด้วยความปลอบโยน: “นายดูนิ่งกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ ผมนึกว่านายจะบ้าคลั่งเลยล่ะ”
“พ่อผมเคยพูดไว้ ออกมาอยู่วงการนี้ ต้องเอาคืนสักวัน เขารู้ว่าต้องเป็นอย่างวันนี้ตั้งนานแล้ว จึงให้ผมอย่าวู่วามถ้าวันนี้มันมาถึง พ่อบอกผมว่า ถ้าคนเรายิ่งวู่วาม จะยิ่งผิดพลั้งมากกว่า ศัตรูก็จะยิ่งเข้าหาในวันที่เราอ่อนแอ จางกงหมิงคิดอยากจะยึดพื้นที่ของพ่อผมมาโดยตลอด ผมไม่มีทางให้เค้าสมหวังอย่างแน่นอน” หลี่หลงพยายามทำใจให้นิ่งอย่างที่สุด
ก่อนที่ลูกพี่หลี่จะตาย ได้สั่งสอนและฝึกฝนหลี่หลงมาตลอด เพื่อให้เขากลายเป็นผู้สืบทอดของตนเอง
ลูกพี่หลี่นึกไม่ถึงว่าตนเองจะตายเร็วขนาดนี้ แต่ก็ยังดีที่ หลี่หลงเติบโตขึ้นมากในขณะที่ลูกพี่หลี่ตายไป
หลี่หลงขับรถปอร์เช่ออกไป หลังจากที่จางกงหมิงเห็นแล้วไม่พอใจอย่างยิ่ง
“หม่าเทียน คุณหมายความว่ายังไง นายปล่อยตัวหลี่หลง แต่กลับมาจับตัวผม? ” จางกงหมิงลืมตาโตจ้องหน้าหม่าเทียนและพูดอย่างไม่พอใจ
“ในมือของพวกเขาไม่มีอาวุธ แต่ในมือของพวกนายถืออาวุธกันหมด” หม่าเทียนกล่าว
“เห้ย แค่จับไม้เบสบอลก็ผิดกฎหมายเหรอ? ” จางกงหมิงหัวเราะและพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา: “พวกเราเล่นเบสบอลด้วยกันก็ไม่ได้งั้นหรือ? ”
“นี่คุณกำลังคิดจะปกป้องเด็กนั่นชัดๆ ลูกพี่หลี่มีอะไรดีให้คุณหรือเปล่า? ” จางกงหมิงยิ่งไม่พอใจ
หม่าเทียนตอบอย่างอ้อมค้อม: “เดี๋ยวนายก็รู้เหตุผลเองในเร็วๆ นี้แหล่ะ”
ปรากฏว่าพอเข้าไปนั่งในรถคุมขังแล้ว จางกงหมิงก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ใหญ่
“ลุงไม่ได้ล้อเล่นกับผมใช่ไหมครับ พี่แปดตายแล้วจริงๆ เหรอ? ”
“จริงแท้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ คนของผมเห็นศพของเขาแล้ว” พี่ใหญ่พูดในสายโทรศัพท์
“ฮาฮา ดีจริงๆ เลย ลูกพี่หลี่ตายแล้ว เขตเมืองภาคตะวันออกไม่มีใครเป็นใหญ่ ถึงตอนนั้น เขตเมืองภาคตะวันออกก็จะกลายเป็นของผม”
วินาทีนี้จางกงหมิงดีใจอย่างยิ่ง
“หม่าเทียน ผมรู้แล้วว่าคุณทำไมถึงต้องปล่อยเด็กนั่นกลับไป ที่แท้ก็ให้เขากลับไปจัดการงานศพของลูกพี่หลี่นั่นเอง” จางกงหมิงหัวเราะฮาฮาอย่างดัง
หม่าเทียนขมวดคิ้วขึ้นทันที ถึงแม้จะดีใจมากขนาดไหน ก็ควรจะเก็บซ่อนความดีใจนั้นเอาไว้บ้าง
ถึงแม้หลี่หลงอายุยังไม่ถึงยี่สิบ แต่ก็มีความเข้มแข็งมากกว่าจางกงหมิงหลายเท่า
หลังจากที่หลี่หลงไปแล้ว ตู้เฟยไม่มีที่พึ่งพิง ส่วนทางด้านหลี่ฝาง มีหลินชิงชิงคอยหนุนหลังให้เขา
แน่นอน ถึงแม้หลินชิงชิงไม่อยู่ หลี่ฝางก็ไม่กลัวเขาหรอก
หลี่ฝางเดินไปถึงตรงหน้าของตู้เฟย: “ไอ้เหี้ย เล่นแทงข้างหลัง นายนี่มันเลวจริงๆ !”
ตู้เฟยกลืนน้ำลายแล้วพูด: “ใครให้นายมากอดผู้หญิงของกู”
“อ๋อ ยังไม่ตายใจอีกเหรอ” หลี่ฝางถึงกับพูดไม่ออก: “กูก็แค่เห็นเธอเมา เลยอุ้มเธอขึ้นรถแค่นั้น นายคิดอะไร คิดว่ากูจะพาเธอไปเปิดห้องนอนเหรอ!”
ตู้เฟยไม่พูดอะไร แค่จ้องมองหน้าหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น
“กูไม่ได้ต่ำทรามขนาดนั้น จะเอาผู้หญิงที่มึงเคยกินหรอก” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ อย่างเย็นชา: “คิดว่ากูเป็นฮีโร่คอยรับของเก่าจากใครๆ นั้นเหรอ”
เซี่ยลู่ได้ยินคำนี้แล้ว ในใจรู้สึกเจ็บปวด
ถึงแม้เธอจะเมาเหล้า แต่พอถูกโยนเมื่อสักครู่นี้แล้ว สมองตื่นขึ้นมาทันที ที่เธอยังนอนอยู่กับพื้น ก็เพราะอยากจะแกล้งเมาต่อไป เพื่อให้หลี่ฝางอุ้มตัวเธอไป
ถึงแม้ปากของเธอจะพูดกับหลิวเฉียวเฉียวว่าไม่สนใจหลี่ฝาง แต่ในใจลึกๆ กลับมีความรู้สึกดีๆ ต่อหลี่ฝางมากขึ้น
หลังจากที่หลี่หลงและจางกงหมิงไปแล้ว หลิวเฉียวเฉียวที่ขี้กลัวค่อยเข้ามาพยุงตัวเซี่ยลู่ขึ้นมา ไม่พูดไม่ได้ว่าหลิวเฉียวเฉียวเป็นคนขี้ขลาดเกินไป เมื่อกี้เค้าต่อสู้กันที่นี่ เธอรีบหนีออกไปไกลหลายร้อยเมตร ตอนนี้เพิ่งจะกลับมา
“ลู่ลู่ เธอเป็นไรมากเปล่า” หลิวเฉียวเฉียวพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
เซี่ยลู่ส่ายหัว ลุกขึ้นมายืน: “ฉันไม่เป็นไร”
“พวกเราไปกันเถอะ” เซี่ยลู่ก็ไม่รู้ตนเองเป็นอะไรไป ได้ยินคำพูดของหลี่ฝางแล้ว ในใจเหมือนถูกเข็มทิ่มเข้าไปอย่างนั้น
โบกมือเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง และไปโดยไม่ทักทายบอกลาหลี่ฝางสักคำ
แต่หลิวเฉียวเฉียวยังบอกลาหลี่ฝางคำนึง
“มึงยังไม่กลิ้งกลับไปอีกเหรอ? ” หลี่ฝางหัวเราะและมองหน้าตู้เฟย
“หลี่ฝาง เราได้เห็นดีกันแน่” ตู้เฟยพูดจบและหันหลังไป
“เมื่อกี้นายไม่ได้ยินที่กูพูดเหรอ? ” หลี่ฝางหัวเราะ
“กูบอกให้มึงกลิ้งกลับไป ไม่ได้ให้มึงเดิน” หลี่ฝางยืนพูดอยู่ด้านข้างของตู้เฟย
ตู้เฟยขมวดคิ้วขึ้นและด่าด้วยความโมโห: “หลี่ฝาง มึงอย่ารังแกคนให้มากเกินไป”
“ถ้าไม่ใช่เพราะหลี่หลงไปแล้ว กูเอามึงตายตั้งนานแล้ว” ตู้เฟยพูด
“แต่เสียดาย หลี่หลงไม่ได้อยู่ที่นี่” หลี่ฝางเดินเข้าไป ถีบที่ก้นของตู้เฟยเต็มๆ : “ตีนนี้กูคืนให้มึง” ตู้เฟยล้มลงกับพื้น เขายังไม่ได้ลุกขึ้นยืนก็ถูกหลี่ฝางเหยียบไว้: “คลานไป ถ้ายืนขึ้นมาอีกครั้งกูจะเตะมึงอีก”
อะไรคือการเหยียดหยามคน นี่แหละคือการเหยียดหยามคน
เมื่อก่อนหลี่ฝางเคยถูกตู้เฟยเหยียดหยามไม่น้อย ตอนนี้ลมเปลี่ยนทิศแล้ว หลี่ฝางเริ่มแก้แค้นทีละนิดทีละนิด
โจวเจ๋กับส้งเสียงทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นอย่างนั้น เดินไปขึ้นรถของตนเอง แล้วรีบขับออกจากร้านเหล้าอย่างไม่สนใจ
“ไอ้เหี้ย พวกมึงรอกูด้วยดิ!”
ตู้เฟยโมโหจนกัดฟันไว้แน่นๆ รถของเขาถูกหลี่หลงขับออกไปแล้ว โจวเจ๋กับส้งเสียงก็ไปอย่างไม่ไยดี เขาจะทำยังไง โบกรถ?
โบกรถกลับเองก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือทิ้งตู้เฟยไว้คนเดียว ทำให้ตู้เฟยกลัวมากยิ่งขึ้น
ตู้เฟยเงยหน้าขึ้นมามองรอบๆ เหมือนรู้สึกโดดเดี่ยวไม่มีใครไยดี โดยเฉพาะหลี่ฝางยังยืนอยู่บนหัวของเขา จ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น ทำให้เขารู้สึกหมดหวัง
“หลีกไป กูคลานก็ได้”
ตู้เฟยรู้จักหลี่ฝางดี ตอนกลางวันที่ตบหน้าเขา อีกทั้งยังบีบบังคับให้เรียกคุณปู่ครั้งนั้น ภาพนั้นยังติดตาและฝังแน่นในใจของเขาตลอด
ดังนั้นตู้เฟยจึงยอมแพ้ หลี่ฝางพูดอะไรก็ยอมทำหมด
อย่างน้อย ทำเช่นนี้ก็ทำให้เขาเจ็บตัวน้อยลงบ้าง
“ไอ้เหี้ย กูเป็นถึงลูกหลานมหาเศรษฐี แต่กลับถูกรังแกแบบนี้? ” ตู้เฟยกัดฟันอดทนและพูดอย่างไม่พอใจ คลานไปไกลๆ แล้ว เขามุดขึ้นรถแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วรีบหนีไป
หลี่ฝางเห็นท่าทางของเขาที่ซมซานเช่นนี้ มุมปากยิ้มขึ้นมาอย่างสะใจ
หลี่ฝางยังไม่รู้ข่าวเกี่ยวกับการตายของลูกพี่หลี่ คืนนั้น เขานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ร้านบาร์ทั้งคืนจนถึงเช้า
ตอนดึกๆ เลยเที่ยงคืนแล้ว เสียงโทรศัพท์ของมือถือหลี่ฝางดังขึ้น เซี่ยลู่ส่งข้อความหนึ่งมาให้เขา: “หลี่ฝาง นายยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า? ”
หลี่ฝางด่าอยู่ในใจหนึ่งคำ ชอบแม่มึงสิ