NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 57

ตอนที่ 57

บทที่ 57 หลินชิงชิงสงสัยหลี่ฝาง

หลี่ฝางรู้สึกรำคาญและโมโห เซี่ยลู่อีเวรนี่ เอาตนเองมาเป็นตัวสำรองเหรอ!

ตู้เฟยนอกใจเธอ ถึงกลับมาหาตนเอง ไปทำอะไรมาตั้งนาน

ตอนนั้นหลี่ฝางคิดว่าจะลากเซี่ยลู่เข้าบัญชีดำแล้ว เมื่อก่อนเธอเคยทำอะไรไว้กับตนขนาดนั้น ในวันนี้กลับมาถามว่าตนยังชอบเธออยู่ไหม ยังหน้าด้านมาถามคำนี้อีกนะ

แต่พอกำลังคิดจะไม่สนใจเธออีกต่อไป ในสมองของหลี่ฝางกลับนึกอะไรได้มาอย่างหนึ่ง ตอบกลับให้เซี่ยลู่คำหนึ่งว่า: ยังชอบอยู่นิดหนึ่ง

คำนี้ทำให้เซี่ยลู่ดีใจมาก เซี่ยลู่บอกว่า: ดีจังเลย ฉันรู้ว่านายยังชอบฉันอยู่

ได้พูดคุยกับเซี่ยลู่อยู่พักหนึ่ง หลี่ฝางรู้สึกง่วงมาก จึงปิดมือถือนอนหลับไป

หลี่ฝางหลอกเซี่ยลู่ว่าตนยังชอบเธออยู่นิดๆ ก็เพราะอยากให้เธอคิดไปเอง

หลี่ฝางคิดว่า รอให้ตอนไหนที่ตนเองไม่ใช่เวอร์จิ้นแล้ว หาโอกาสชวนเซี่ยลู่ออกมา เพราะยังไงเซี่ยลู่เป็นผู้หญิงที่ตนเคยแอบชอบมานานหลายปี ในใจของหลี่ฝางก็ยังค้างคาใจอยู่

เพราะเรื่องของลูกพี่หลี่ หลี่ฝางอยากจะลาหยุดสองสามวัน แต่คิดไปคิดมา ถึงแม้ว่าลูกพี่หลี่จะเก๋งขนาดไหน ก็ไม่กล้าทำอะไรตนเองในโรงเรียนหรอกมั้ง?

อีกอย่าง ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ อย่างมากตนก็แจ้งตำรวจได้ ตอนที่พยายามตีสนิทสวีจื่อโห้เมื่อคืน หลี่ฝางก็ได้รู้จักกับหม่าเทียนแล้ว

หม่าเทียนรู้ว่าฐานะของตนเอง ต้องช่วยตนเองแน่นอน

คิดเช่นนี้แล้ว หลี่ฝางจึงโบกรถไปโรงเรียน

พอไปถึงห้องเรียน เกาเสิ้งมองหน้าหลี่ฝาง หัวเราะเยาะและพูดว่า: “นายถูกไล่ออกแล้วนี่ ยังมาอีกทำไม เก็บข้าวของเหรอ? ”

“กูอยากกลับก็กลับ เกี่ยวอะไรกับมึง” หลี่ฝางจ้องหน้าเกาเสิ้งอย่างไม่พอใจ อ้าปากขึ้นมาก็ด่า: “พูดมากอีกทีเดี๋ยวกูตบปากมึงซะเลยนิ เชื่อไม่เชื่อ? ”

เกาเสิ้งก็ไม่ได้กลัว พูดเสียงดังๆ : “หลี่ฝาง แม่งมึงยังกล้าอวดดีอีกเหรอ ตอนนี้ลูกพี่หลี่กำลังหาตัวมึงอยู่นะเว้ย ถ้าหาเจอต้องเอามึงตายแน่ๆ ”

“นั่นสิ พี่สาวมึงคือหลินชิงชิงแล้วไง โรงเรียนมัธยมตงไห่เป็นเขตของเมืองภาคตะวันออก เป็นพื้นที่ของลูกพี่หลี่เว้ย”

“อยู่ในเขตเมืองภาคตะวันออก ลูกพี่หลี่ก็คือพญายมราช เขาอยากให้ใครตาย คนนั้นต้องตาย” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมาด้วย

พูดจบ ทั้งสองหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกเมามันและมองหน้าหลี่ฝาง

“เมื่อคืนพี่เฟยตามหามึงไปทั่ว มึงหนีไปอยู่ไหน? ได้ยินว่าหามึงเจอแถวๆ เขตไฟแดง มึงกำลังทำอะไรกับสาวๆ อยู่นี่นา ใช่เรื่องจริงไหม? ” จางเสี่ยวเฟิงพูดและยิ้มอย่างดุร้าย

ได้ยินข่าวคราวนี้ ในห้องก็เสียงดังขึ้นมาลั่นห้อง ต่างก็พูดคุยถึงเรื่องที่หลี่ฝางไปเที่ยวหาผู้หญิงโสเภณี

หลี่ฝางหน้าแดงขึ้นมาทันทีทันใด

เพราะเรื่องเที่ยวผู้หญิงมันน่าอับอายมาก

หลี่เสี่ยวเสี่ยวเดินเข้ามาถาม: “หลี่ฝาง ที่จางเสี่ยวเฟิงพูดเป็นเรื่องจริงๆ เหรอ นายคงไม่เหงาจนต้องไปเที่ยวหาสาวขนาดนั้นหรอกมั้ง”

“ถ้านายมีความต้องการก็บอกฉันได้นี่ ทำไมต้องไปหาผู้หญิงโสเภณี พวกเค้าสกปรกขนาดไหน” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูดเสียงเบาๆ และนั่งลงข้างๆ หลี่ฝาง

หลี่ฝางไม่มีคำอธิบายใดๆ ได้แต่อยู่เงียบๆ

ก่อนจะถึงเวลาเข้าเรียน ตู้เฟยมาถึงพอดี เขากลับมาเก็บข้าวของตนเอง จากนั้นเดินออกไปนอกห้อง

“พี่เฟย นี่พี่กำลังทำอะไร? ” จางเสี่ยวเฟิงดึงตัวเขาไว้ ถามด้วยหน้าตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“กูไม่เรียนแล้ว” ตู้เฟยตอบด้วยน้ำเสียงแหบเบาๆ

“ไม่เรียนแล้ว? ผมได้ยินมาว่าช่วงนี้พ่อของพี่มีโครงการใหญ่ พี่จะกลับไปเรียนทำธุรกิจกับพ่อเหรอ” เกาเสิ้งพูดด้วยสีหน้าที่อิจฉา

“ลูกหลานคนรวยนี่ดีจริงเลยนะ แม้แต่เตรียมสอบเข้ามหาลัยก็ไม่ต้องเตรียมอะไร ไปทำงานที่บริษัทของพ่อแม่ก็พอ” ในห้องเรียนมีคนพร่ำบ่นคำนี้ออกมา

ในขณะนั้น อาจารย์หลิวได้พาผู้อำนวยการโรงเรียนมาที่ห้องเรียน

“ตู้เฟย ทำไมนายยังอยู่ที่นี่ ฉันไล่นายออกแล้วไม่ใช่เหรอ? ” ครูใหญ่มองหน้าตู้เฟยและถามเขา

“ผมกำลังจะไปครับ”

“ท่านครูใหญ่ครับ ท่านเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่าครับ คนที่ท่านไล่ออกเมื่อวานคือหลี่ฝางไม่ใช่หรือครับ” จางเสี่ยวเฟิงตะลึงไปสักพักและจ้องมองหน้าผู้อำนวยการโรงเรียน

ท่านครูใหญ่ถูกจางเสี่ยวเฟิงถามเช่นนี้ รู้สึกละอายเล็กน้อย: “นายทำไมพูดมากขนาดนี้ หุบปากของนายซะ!”

“ฉันมาที่ห้องเรียนในครั้งนี้ เพื่อมาขอโทษนายหลี่ฝาง จากที่เราตรวจสอบเรื่องที่มีนักเรียนตีกัน เหตุเกิดเพราะนายตู้เฟยเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ส่วนหลี่ฝางเขาแค่ป้องกันตนเองเท่านั้น”

“แล้วก็ พวกนายสองคนลุกขึ้นยืน” ครูใหญ่ชี้นิ้วไปที่เกาเสิ้งและจางเสี่ยวเฟิง: “นายสองคนกลับไปทบทวนตนเองหนึ่งอาทิตย์ เดี๋ยวโทรศัพท์เรียกผู้ปกครองมารับพวกนายด้วย”

“ท่านครูใหญ่ครับ พวกผมทำอะไรผิดหรือครับ ทำไมต้องให้พวกผมกลับไปทบทวนที่บ้านด้วย? ” เกาเสิ้งลุกขึ้นมาโต้ตอบ

“นายสองคนร่วมมือกับตู้เฟยรังแกนายหลี่ฝาง รวมกลุ่มสร้างพรรคพวกในห้องเรียน ไม่ไล่นายสองคนออกก็ดีแล้ว” ครูใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

พูดจบผู้อำนวยการก็เดินออกจากห้องเรียนไป

ในขณะนั้น ในห้องเสียงดังลั่นแทบแตก

“ครูใหญ่ถึงกับมาขอโทษหลี่ฝางถึงห้องเรียนด้วยตนเอง? ฉันยังไม่ตื่นหรือเปล่าเนี่ย”

“อีกอย่าง ตู้เฟยถูกไล่ออก ครั้งก่อนเขาตีกับคนอื่นจนขาหักยังไม่เห็นเป็นเรื่องเลย ครั้งนี้แค่ชกต่อยกับหลี่ฝาง ก็ถึงกับโดนไล่ออกเลยทีเดียวหรือ”

“พระเจ้า ตกลงเบื้องหลังหลี่ฝางมีใครหนุนหลังกันแน่? ”

แค่ครู่เดียว หลี่ฝางกลายเป็นผู้ที่ถูกเพื่อนๆ พูดคุยกันทั้งห้อง

ตู้เฟยไปแล้ว ก่อนไปยังจ้องมองหน้าหลี่ฝางด้วยสายตาที่แปลกประหลาด

หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้น สายตาที่ตู้เฟยมองตนเองเมื่อสักครู่นี้ ทำไมเต็มไปด้วยความน่ากลัว?

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ถึงเวลาพักเที่ยง หลินชิงชิงมาหาหลี่ฝางที่โรงเรียน

หลินชิงชิงเหมือนสัตว์ประหลาดที่กำลังจ้องมองหลี่ฝางอยู่ ทำให้หลี่ฝางรู้สึกไม่สบายทั้งตัว

หลี่ฝางดูออกเหมือนว่ามีอะไรผิดปกติ จึงถามกลับไปว่า: “พี่ชิงชิง พี่มาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ? ”

หลี่ฝางส่ายหัวแล้วถามใหม่อีกครั้ง: “มีเรื่องใหญ่อะไรหรือเปล่าครับ? ”

“ลูกพี่หลี่ตายแล้ว” หลินชิงชิงถอนหายใจลึกๆ และพูด

หลี่ฝางตกใจจนขนลุกซู่และตัวสั่นไปทั้งตัว: “ไม่ใช่มั้ง? เมื่อคืนลูกพี่หลี่ยังดีๆ อยู่เลยนิ ทำไมแค่คืนเดียว ก็ตายซะแล้วล่ะ”

ในใจของหลี่ฝางตกตะลึงอย่างมาก แต่ก็รู้สึกดีใจนิดๆ

ลูกพี่หลี่ตายแล้ว งั้นตนเองก็ปลอดภัยแล้วสิ?

“นายรู้หรือเปล่าว่าลูกพี่หลี่ตายยังไง? ” หลินชิงชิงจ้องหน้าหลี่ฝางและถาม

หลี่ฝางยิ้มๆ และหัวเราะ: “ผมจะไปรู้ได้ยังไงกัน ถ้าไม่ใช่พี่มาบอก ผมยังไม่รู้เลยว่าลูกพี่หลี่ตายแล้ว”

“หลี่หลงเปิดเผยต่อสาธารณะว่า พ่อของตนเองตายเพราะเกิดอุบัติเหตุ แต่จริงๆ แล้ว ลูกพี่หลี่ถูกคนฆ่าตาย อีกอย่างยังตายในพื้นที่ของตนเองอีกด้วย” หลินชิงชิงพูดและขมวดคิ้วด้วย: “ในพื้นที่นั้น ยังมีลูกน้องของลูกพี่หลี่เป็นร้อย ผู้ร้ายฆ่าลูกพี่หลี่ตายภายในพื้นที่ตนเอง อีกทั้งยังหลบหนีออกไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งร่องรอยของเบาะแสไว้แม้แต่นิดเดียว”

“ไม่มีใครเห็นหน้าตาของผู้ร้าย แม้แต่เงาก็มองไม่เห็น” หลินชิงชิงพูด

“พี่สาว พี่พูดโอเวอร์เกินไปแล้ว คนอะไรเก่งขนาดนี้ ฆ่าคน ยังสามารถไม่ทิ้งร่องรอยไว้สักนิด? ” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ขึ้นมา รู้สึกว่าหลินชิงชิงพูดเกินไป

“พูดจริงๆ ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อนะ นี่คือคนที่เห็นกับตาพูดเองเลยนะ”

หลินชิงๆ หัวเราะและพูดต่อ: “ที่จริงข้างกายของลูกพี่หลี่ ก็มีลูกน้องของพ่อฉันที่ส่งไปเป็นสายสืบอยู่ ในวันนี้ลูกพี่หลี่ตายแล้ว สายสืบก็ต้องกลับมาอยู่ข้างกายพ่อของฉันต่อไป สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อสักครู่นี้ เขาเป็นคนเห็นกับตาตัวเองทั้งหมดเลยนะ”

“ไม่ว่าจะยังไง ลูกพี่หลี่ตายแล้วก็ดี” หลี่ฝางดีใจมาก

“พี่ครับ เรื่องแบบนี้โทรมาบอกผมก็ได้ ไม่ต้องวิ่งมาถึงที่หรอกน่า” หลี่ฝางบอก

หลินชิงชิงส่ายหัวและหัวเราะ: “ที่จริงคือฉันอยากจะมานายว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายหรือเปล่า ตอนนี้ดูๆ แล้ว นายไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย”

“เกี่ยวข้องกับผม? พี่คิดมากไปแล้ว การตายของลูกพี่หลี่ จะเกี่ยวกับผมได้ยังไง? ” หลี่ฝางหัวเราะแล้วก็โต้ตอบกลับไป

“ลูกพี่หลี่ปล่อยข่าวออกมาว่าจะจับตัวนายไปแก้แค้นให้พี่น้องของเขา แต่ปรากฏว่ากลางคืนเขาก็ตายไปพอดี นายว่าเรื่องนี้คนที่น่าสงสัยที่สุดมันน่าจะเป็นนายหรือเปล่า? ” หลินชิงชิงยักคิ้วและกล่าว

“แต่นายไม่ต้องเป็นห่วง คนของลูกพี่หลี่เคยตรวจสอบนายแล้ว พวกเค้าไม่ได้สงสัยในตัวนาย” หลินชิงชิงหัวเราะและพูด: “เสี่ยวโจวเป็นคนพูด ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับนาย ดังนั้นฉันจึงวิ่งมาลองถามนายดู”

“พี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิดเดียว เมื่อคืนผมนอนอยู่ในร้านเหล้าทั้งคืน……เดี๋ยว ร้านเหล้า!” หลี่ฝางพูดถึงร้านเหล้า ก็นึกถึงคนคนหนึ่งทันที!

ส้าวส้วย!

หรือว่า ส้าวส้วยไม่ได้พูดเล่นกับตน ที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง?

ทันใดนั้น บนหน้าของหลี่ฝางมีเหงื่อไหลลงมาเต็มหน้า

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท