NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 64

ตอนที่ 64

บทที่ 64 เซี่ยลู่ส่งจูบด้วยตัวเอง

“พี่ชายสุดหล่อ คุณไม่ลองคิดอีกสักหน่อยหรือ?”

พี่สาวที่ขายเครื่องประดับมองไปที่หลี่ฝาง ในใจเต็มไปด้วยความตกใจ เธอทำธุรกิจมาหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับลูกค้าที่ใจกว้างเช่นนี้

“นี่เป็นเงินถึง36000 ไม่ใช่เงินเล็กๆ น้อยๆ” หัวใจของพนักงานสาวกำลังเต้นรัว

“หลี่ฝาง อย่ามาทำตัวขี้โม้ที่นี่ เงินครึ่งล้านนายใช้ไปหมดนานแล้วไม่ใช่หรือไง” จางเชี่ยนแค่นเสียงและเอ่ย

“ตอนนี้นายจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อสร้อยเส้นนี้?” จางเชี่ยนพูดอย่างไม่เชื่อ

“ถ้าฉันมีเงินจะซื้อล่ะ?”

จางเชี่ยนหัวเราะ และเอ่ยอย่างประชดประชัน “ถ้านายมีเงินซื้อ ฉันจะเรียกว่าพ่อตรงนี้ครั้งหนึ่ง”

“งั้นเธอก็เรียกฉันว่าพ่อเถอะ ฉันจ่ายเงินแล้ว เด็กดี” หลี่ฝางกล่าวเรียบๆ

“มาโม้อะไรกัน นายจ่ายเงินตอนไหน ทำไมฉันไม่เห็น?” จางเชี่ยนไม่เชื่อ นั่นเพราะตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในร้านหลี่ฝางยังอยู่ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ

แค่สองนาทีก็ตัดสินใจซื้อสร้อยคอราคากว่า36000หยวนได้ อีกทั้งยังจ่ายเงินไปแล้ว นี่มันจะเปย์อะไรขนาดนั้น”

แม้แต่โจวเจ๋เองก็ยังไม่เชื่อ

โจวเจ๋เอ่ยขึ้นมาในตอนนั้นเอง “เธอดูลักษณะของพวกเขาสิ ดูเหมือนคนที่ซื้อสร้อยเส้นนี้ไหวหรือไง?”

พี่สาวที่ขายเครื่องประดับมองไปที่หลี่ฝาง บอกตามตรง เขาดูไม่เหมือนพวกลูกคนรวยจริงๆ นั่นแหละ

หรือว่าภาพการชำระเงินเมื่อกี้จะเป็นของปลอม?

“พวกคุณรอฉันสักครู่ ฉันขอโทรศัพท์” พี่สาวร้านเครื่องประดับหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและไปโทรหาเจ้านาย

“เชี่ยนเชี่ยน เธอเลือกสร้อยคอต่อไปเถอะ อย่ามัวแต่ไร้สาระไปกับสองคนนี้เลย พวกเขานอกจากขี้โม้แล้วยังจะทำอะไรได้อีก?” โจวเจ๋แค่นเสียงหัวเราะ

หลี่ฝางเองก็ไม่รีบร้อน รอให้พี่สาวร้านเครื่องประดับโทรเสร็จ เธอก็จะเก็บสร้อยนั่นมาให้ตนเอง ถึงตอนนั้น ลองดูเถอะว่าโจวเจ๋กับจางเชี่ยนหัวเราะตัวเองอย่างไร

เมื่อพี่สาวร้านเครื่องประดับโทรคุย จางเชี่ยนก็เลือกสร้อยคอได้แล้ว เธอเอ่ยถาม “พี่เจ๋ สวยไหม? ”

โจวเจ๋ดูราคาและพยักหน้า “ดูดี”

“งั้นเอาอันนี้ ฉันไปจ่ายเงิน”

โจวเจ๋เรียกหาพี่สาวร้านขายเครื่องประดับ “ยังโทรไม่เสร็จหรือไง รีบมาที่นี่ ฉันจะจ่ายเงิน”

“เห็นรึเปล่า นี่ถึงเรียกว่าคนมีเงิน พูดว่าซื้อก็ซื้อ ไหนจะเหมือนพวกเธอ เอาแต่คุยโว”

“ให้พวกเขาโม้ไปเถอะ ยังไงการขี้โม้คุยโวก็ไม่เสียภาษี” โจวเจ๋หัวเราะ จนกระทั่งพี่สาวร้านเครื่องประดับเข้ามา เขาก็เริ่มจ่ายเงิน

“แค่สแกนก็ได้แล้วงั้นหรือ? งั้นฉันสแกนแล้ว”

โจวเจ๋สแกนเบาๆ การชำระเงินสามพันแปดก็สำเร็จ จากนั้นเขาก็มองไปที่พี่สาวร้านเครื่องประดับ

“เงินก็ให้เธอแล้ว ยังไม่รีบไปหากล่องมาใส่ให้ฉันอีก” โจวเจ๋กล่าว

“คุณผู้ชาย โปรดรอสักครู่”

“รออะไร”

“ฉันต้องบรรจุกล่องให้พี่ชายท่านนี้เสร็จก่อน จากนั้นจึงเป็นคุณ” พี่สาวร้านเครื่องประดับมองไปที่หลี่ฝางมากขึ้น

ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ของหลี่ฝางจะไม่น่าทึ่ง แต่ตอนนี้พี่สาวร้านเครื่องประดับนั้นกลับแน่ใจมากกว่า เขาต้องเป็นลูกเศรษฐีนี่!

อีกทั้งยังเป็นลูกเศรษฐีที่เป็นผู้ใหญ่ หนักแน่น แล้วก็ถ่อมตัว!

“เธอบรรจุอะไรให้เขา? เธอโง่หรือเปล่า เธอลองดูสภาพของเขา เหมือนคนที่ซื้อสร้อยคอนั่นไหวหรือไง? อย่าว่าแต่สร้อยราคาสามหมื่นหกพันเส้นนั้นเลย แม้กระทั่งสร้อยคอราคาสามพันแปดนี้ เขาก็ซื้อไม่ไหว” โจวเจ๋กล่าว

“ใช่ พวกเราจ่ายเงินไปแล้ว เธอไม่รีบบรรจุของให้พวกเรา แต่กลับบรรจุให้พวกเขาก่อน เธอคิดว่าพวกเขาซื้อมันจริงหรือไง” จางเชี่ยนตะคอกออกมาและแสดงความไม่พอใจ

“ขออภัยด้วยจริงๆ ท่านทั้งสอง พี่ชายคนนี้จ่ายเงินไปแล้ว”

“ผายลม! ทำไมฉันไม่เห็นเขาจ่าย นี่เธอกำลังเล่นบ้าอะไร” โจวเจ๋พูดอย่างเย็นชา

ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางวาง Apple XS ของเขาลงบนเคาน์เตอร์ “ดูเอง”

“หลี่ฝาง นายซื้อสร้อยเส้นนี้จริงๆ เหรอ?” เซี่ยลู่หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

“นาย….นายยังมีเงินอยู่? ทำไมนายยังมีเงินอยู่ เงินนั่นไม่ได้ถูกใช้ไปหมดแล้วหรือไง” จางเชี่ยนมองไปที่หลี่ฝางอย่างงุนงง

“อ้อใช่ จางเชี่ยน เมื่อกี้เธอไม่ได้บอกว่าถ้าหลี่ฝางซื้อสร้อยเส้นนี้ได้ เธอจะเรียกเขาว่าพ่อไม่ใช่หรือ

เซี่ยลู่มองไปที่จางเชี่ยนและพูดอย่างสะใจ “ตอนนี้เรียกได้แล้ว”

“ฉัน…ทำไมฉันจำไม่ได้ว่าพูดแบบนั้นไป หูของเธอต้องเพี้ยนไปเองแน่” จางเชี่ยนขมวดคิ้วและสีหน้าย่ำแย่สุดขีด

ส่วนสีหน้าของโจวเจ๋ก็เป็นสีเขียวม่วง

ในตอนแรกพวกเขาพยายามเต็มที่ที่จะทำให้หลี่ฝางอับอาย คิดว่าหลี่ฝางไม่มีเงินซื้อสร้อยคอนั่น แต่ใครจะรู้ว่า หลี่ฝางได้ซื้อมันไปนานแล้วอย่างเงียบๆ

ในฐานะที่เป็นลูกเศรษฐีผู้เป็นที่รู้จักของตงไห่ โจวเจ๋ไม่เคยถูกใครหักหน้าแบบนี้มาก่อน

“หลี่ฝาง จำไว้!”

โจวเจ๋หันหลังกลับและออกจากร้านขายเครื่องประดับไป ทิ้งจางเชี่ยนไว้คนเดียว

จางเชี่ยนเองก็ไม่อยากรั้งอยู่ต่อ แต่โจวเจ๋จ่ายเงินไปแล้ว แธอต้องรอให้พนักงานแพ็คของและออกใบเสร็จ

“อ้อใช่ คนสวย นี่เป็นของขวัญวันเกิดของเพื่อนนักเรียนผม รบกวนคุณช่วยเลือกกระดาษห่อที่มีสีสันให้หน่อย” หลี่ฝางกล่าว

“แต่ร้านเราไม่มีกระดาษสี”

“งั้นรบกวนคุณช่วยไปซื้อให้ผมหน่อย” หลี่ฝางหยิบเงิน 200 หยวนออกมาแล้ววางไว้บนตู้กระจก

หลังจากพี่สาวร้านเครื่องประดับจากไป จางเชี่ยนก็ถามขึ้น “หลี่ฝาง นี่เป็นของขวัญวันเกิดที่นายซื้อให้หลิวเฉียวเฉียว? ”

“ใช่ ทำไม?”

“พวกเธอสองคนคบกันแล้วเหรอ?”

“ไม่นี่” หลี่ฝางส่ายหัว

“ไม่แล้วนายส่งของขวัญแพงขนาดนี้ให้เธอ นายบ้ารึเปล่า” จางเชี่ยนตาค้าง และจ้องมองหลี่ฝางด้วยความโกรธ

เธอต้องเอาใจโจวเจ๋ ให้เขาซื้อสร้อยคอให้ตน แต่หลิวเฉียวเฉียวกลับไม่ต้องทำอะไรเลยและได้สร้อยคอที่มีมูลค่ามากกว่า 30000นี่ไป

ในเวลานี้เอง จางเชี่ยนรู้สึกอิจฉาหลิวเฉียวเฉียวจนแทบกระอักเลือดออกมา

เมื่อพี่สาวร้านเครื่องประดับกลับมา หลี่ฝางก็ถามว่า “มีสร้อยเส้นนี้อีกไหม? ”

“มีอีกเส้นหนึ่ง”

หลี่ฝางพยักหน้า “งั้นบรรจุให้ผมด้วย ผมซื้อ”

พูดจบ หลี่ฝางก็สแกนรหัส หัวใจของเซี่ยลู่เต้นระรัวขึ้นมาทันที “หลี่ฝาง นี่นายซื้อมันให้ฉันหรือ? ”

“รักนาย รักนายจะตายแล้ว” เซี่ยลู่วิ่งเข้ามาและจูบหลี่ฝางต่อหน้าคนอื่น

หลี่ฝางพูดไม่ออกอยู่บ้าง อีกสองวันก็จะเป็นวันหยุดแล้ว เขาเตรียมกลับบ้านไปเจอพ่อและแม่ ดังนั้นสร้อยเส้นนี้ เขาตั้งใจจะให้กับแม่ของเขา

แต่ใครจะรู้ว่าเซี่ยลู่หลงตัวเองขนาดนั้น ถึงกับคิดว่ามันเป็นของเธอ

สีหน้าของหลี่ฝางประดักประเดิดเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าเซี่ยลู่เกือบถูกพวกอันธพาลตัวน้อยดูถูกเพื่อที่จะช่วยตัวเอง เขาก็เอ่ยขึ้น “ก็แค่สร้อยเส้นเดียว ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น”

ดวงตาของจางเชี่ยนกำลังลุกเป็นไฟ เพื่อนสนิทของตัวเองในตอนแรก ได้สร้อยไปคนละ 36,000 หยวน แต่ตัวเธอเองกลับได้แต่ 3000 กว่าเท่านั้น

ในใจของเธอไม่ยินยอมอย่างยิ่ง

“พี่ชาย คุณช่างใจกว้างจริงๆ เป็นแฟนคงมีความสุขมาก” แม้กระทั่งพี่สาวร้านขายเครื่องประดับเองก็มองไปที่เซี่ยลู่ด้วยความอิจฉาและเอ่ยขึ้น

“เข้าใจผิดแล้ว เธอไม่ใช่แฟนผม”

หลี่ฝางส่ายหัวและหัวเราะ “พูดให้ถูกก็คือ ผมยังไม่มีแฟน”

พี่สาวร้านขายเครื่องประดับตะลึงไป จากนั้นจึงรีบเก็บสายตาของตัวเองกลับมา

หลังจากหลี่ฝางและเซี่ยลู่ออกจากร้านขายเครื่องประดับ จางเชี่ยนก็พูดว่า “สร้อยนี่ฉันไม่เอาแล้ว คุณคืนเงินให้ฉันได้ไหม?”

น้องสาวที่ขายจิวเวลรี่หน้าตาขี้เหร่หน่อย ๆ “คิดถึงสร้อยมันดูไม่ดีเหรอ”

“ไม่ใช่” จางเชี่ยนส่ายหัว “มันถูกเกินไป อีกไม่กี่วันฉันจะพาแฟนมาซื้ออันที่แพงๆ”

“งั้นก็ได้ แต่ว่าการคืน จะต้องหักค่าดำเนินการไป 5‰”

หลังจากจางเชี่ยนได้เงินแล้ว เธอก็wechat ของหลี่ฝางจากเพื่อนนักเรียนคนอื่น

ตอนนี้เธอถึงค่อยเข้าใจชัดเจนว่า ที่แท้หลี่ฝางต่างหากที่เป็นลูกเศรษฐี เมื่อเทียบกับโจวเจ๋แล้ว โจวเจ๋ก็กลายเป็นแค่เศษเงินเล็กน้อยเท่านั้น

“หลี่ฝาง นายรวยเสียจริง สร้อยสองเส้นนี่รวมกันก็มากกว่าเจ็ดหมื่นแล้ว นายบอกว่าจะให้ฉันกับเฉียวเฉียว ไม่เสียดายหรือไง?” เซี่ยลู่ถาม

“ทำไมจะไม่เสียดายล่ะ แต่เมื่อวานเธอสองคนช่วยฉันเอาไว้ ยังไงฉันก็ต้องตอบแทนสักหน่อย” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เวลานี้เซี่ยลู่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เธอขมวดคิ้วและหยุดฝีเท้าลง “ไม่ถูกสิ ฉันจำได้ว่านายถูกลอตเตอรี่แค่ 500000 แต่ตอนนี้นายใช้จ่ายมากกว่านั้นไปนานแล้ว”

“หลี่ฝาง นี่นายกำลังโกหกเราหรือเปล่า” เซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางและถาม

หลี่ฝางรู้ดีว่าเขาไม่สามารถปกปิดได้อีก เขาเอ่ยขึ้น “อันที่จริงฉันไม่ได้ถูกลอตเตอรี่”

“ไม่ได้ถูกลอตเตอรี่”

“ใช่ ฉันขายที่ดินในบ้านเกิดของฉันไปในราคา 3.5 ล้านหยวน” หลี่ฝางเอ่ยเรียบๆ

หลังจากได้ยินแบบนั้น เซี่ยลู่ก็แทบจะเป็นลม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท