NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 86

ตอนที่ 86

บทที่86 หลี่ต๋าคางให้ของขวัญลู่หลุ่ย

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ พูดอย่างไม่คิดเช่นนั้น: “พ่อผมก็ข่มขวัญผมเฉยๆ เขาจะทำให้พี่ตกใจได้ไงกัน พี่หมิง เป็นถึงลูกพี่ใหญ่ของเขตเมืองตะวันออก!”

“คุณคิดว่าผมกำลังล้อเล่นกับคุณ?” จางกงหมิงส่ายหน้า

“ไม่งั้นล่ะ?”

จางกงหมิงลังเลสักพัก จึงพูด: “ผมจะบอกความลับของผมให้คุณฟัง คุณฟังความลับผมจบ ก็จะรู้ว่าผมล้อเล่นหรือไม่”

“โอเค พี่พูดมา”

“ผมเคยฆ่าคน มีชีวิตคนอยู่ในกำมือ” สีหน้าของจางกงหมิงเยือกเย็นลง

ทันใดนั้น หลี่ฝางก็กลืนน้ำลาย พูดอย่างหวาดกลัวหน่อยๆ : “พี่หมิง พี่ล้อผมเล่นอีกแล้ว”

“ใครล้อคุณเล่นล่ะ!” จางกงหมิงจ้องหลี่ฝางเขม็ง: “หลังจากเกิดเรื่องลุงของผมก็ตามสะสางให้ผม เขาไปหาผู้ป่วยโรคมะเร็งมาให้ผู้ป่วยคนนั้นไปมอบตัว รับผิดแทนผม”

หลี่ฝางคิดในใจ:ไม่น่าล่ะลุงของคุณถึงได้เป็นลูกพี่ใหญ่ วิธีการย้อมแมวแบบนี้ก็ยังคิดได้

ให้ผู้ป่วยมะเร็งไปมอบตัวแทน แล้วก็ให้เงินก้อนหนึ่งจำนวนมากหน่อย คนเป็นมะเร็งหลายคนต่างยอมทั้งนั้น

ต้องบอกว่า ลูกพี่หลินคนนี้โคตรฉลาดเลย

หลี่ฝางเชื่อคำพูดจางกงหมิง เวลานี้ หลี่ฝางก็ตระหนักได้ว่าจางกงหมิงไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่

ยังไงเรื่องที่เขาฆ่าคนก็พูดไปแล้ว จะล้อเล่นอยู่ได้ไงกัน

“พี่หมิง พี่เลอะเลือนหรือเปล่าเนี่ย แม้แต่เรื่องที่พี่ฆ่าคนก็ยังบอกผม ไม่กลัวผมไปแจ้งความที่โรงพักเหรอ” หลี่ฝางพูดเยาะเย้ย

“ผมรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น อีกอย่าง เรื่องเก่าๆ ไร้สาระแบบนั้น คุณก็แค่เด็กคนหนึ่ง ใครจะไปเชื่อคุณ” จางกงหมิงพูดอย่างร้อนตัว

“โอเค เข้าประเด็นดีกว่า ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้ล้อเล่นน่ะ?”

หลี่ฝางพยักหน้า

“หลังจากผมฆ่าคนไป ความกล้าของผม ก็ยิ่งมากขึ้น ไม่ว่าจะทำร้ายคนหรือถือปืน ผมก็ไม่ใช่มือใหม่อีกต่อไป ที่มือสั่น”

“นอกจากคนอื่นเอามือมาจ่อหัวผม หรือว่ามีกลุ่มคนเอามีดมาแทงผม ขู่ผมไปในซอยเล็กๆ หรืออื่นๆ ผมจางกงหมิงก็ไม่เคยกลัว”

“แต่เมื่อครู่ ผมกลัว”

“เมื่อกี๊พ่อคุณมา ยืนอยู่ข้างเตียงคุณตั้งนาน เขายืนแค่ตรงนั้น ก็ทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลัง ผมกล้ารับรองเลย พ่อคุณตั้งเคยฆ่าคนแน่” จางกงหมิงพูดอย่างมั่นใจ: “ตอนนั้นผมสบตาเขา ผมมองสายตาเขา ก็เหมือนว่าจะมองเห็นกองคนตาย”

“พ่อพี่สิเคยฆ่าคน อย่ามาปรักปรำคนดีสิ พ่อผมแค่ชาวนาธรรมดาๆ” หลี่ฝางพูดอย่างโกรธเล็กน้อย

“ชาวนา ก็มีแค่คุณที่เชื่อ ถ้าเป็นชาวนาหรือคนธรรมดา เห็นลูกตัวเองถูกคนแทง จะไม่พูดอะไรเลย?”

“พ่อคุณดูมีภูมิฐานไม่เกรงกลัวใคร ต่อให้ในใจรู้สึกอย่างไร ใบหน้ากลับนิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ คนแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ยุคไหน ก็ทำได้ออกมาดีทั้งนั้น”

“ดังนั้นผมกล้าตัดสินว่า พ่อคุณจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน”

ฟังจางกงหมิงพูดจบ หลี่ฝางคิดในใจ:แน่นอนว่าพ่อผมไม่ธรรมดาขนาดนั้น เขาเป็นถึงอภิมหึมามหาเศรษฐี

“เอาะเหอะ ผมไม่ฟังที่พี่คุยโม้แล้ว ถ้าพี่พูดถึงพ่อผมอย่างอื่น ผมอาจจะเชื่อนะ แต่พี่บอกว่าพ่อผมฆ่าคน ผมไม่เชื่ออ่ะ เมื่อก่อนแค่ฆ่าไก่ยังให้แม่ผมทำเลย” หลี่ฝางพูด

และตอนนี้ หลี่ต๋าคางเดินเข้ามาจากนอกประตู

“พ่อ พ่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลี่ฝางพูดอย่างดีใจ

“เพิ่งมา เสี่ยวฝาง บาดแผลลูกไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” หลี่ต๋าคางเดินเข้ามา ถามด้วยใบหน้าเป็นห่วง: “เมื่อกี๊เห็นตัวลูกเต็มไปด้วยเลือด ทำพ่อกับแม่ตกใจไปหมด”

“ส่วนนี่ แม่ของลูกต้มซุปไก่มาให้ ให้พ่อเอามาให้ลูก บำรุงร่างกายซะ”

หลังจากหลี่ต๋าคางเข้ามา ก็มองจางกงหมิงแวบหนึ่ง: “คุณคือเพื่อนของเสี่ยวฝางสินะ”

“ใช่ครับ ลุง”

จางกงหมิงพยักหน้า สีหน้าตื่นตระหนกหน่อยๆ : “ลุงครับ ที่บ้านผมยังมีเรื่อง ผมไปก่อนนะครับ”

“งั้นเดี๋ยวลุงไปส่ง” หลี่ต๋าคางวางซุปไก่ลง ลุกขึ้นจะไปส่งเขา

จางกงหมิงตกใจจนขาสั่น เหมือนกับหลี่ต๋าคางจะฆ่าคนอย่างนั้น

“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องหรอก” จางกงหมิงโบกมือไป ก็รีบออกไปจากห้องคนไข้ของหลี่ฝางอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวฝาง ต่อไปก็อย่าไปยุ่งกับคนมีอบายมุขแบบนี้มากนัก” จางกงหมิงออกไป หลี่ต๋าคางก็มีใบหน้าซีเรียสขึ้นมา

“พ่อ พ่อรู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนอบายมุข?” หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ

“มองหลังเขา หน้าอกเขา มีแต่รอยสักไปหมด แค่มองก็รู้ว่าเป็นพวกนักเลง” หลี่ต๋าคางเม้มปากบ่น: “ยุ่งด้วยไม่ได้ ไปยุ่งด้วยไม่ได้นะ”

หลี่ต๋าคางตักซุปไก่ให้หลี่ฝาง ป้อนไปถามไป: “ผู้ชายคนนั้นที่ชื่อมู่เสี่ยวไป๋ ทำไมต้องแทงลูก?”

“เอ่อ……” หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย ตัวเองจะไปบอกพ่อไม่ได้ว่าเพราะผู้หญิงคนหนึ่งสินะ?

หลี่ฝางพูดไม่ค่อยออก

“เป็นศัตรูความรักกันเหรอ?” หลี่ต๋าคางเดา

“ไม่ใช่ คนนั้นป่วยจิต” หลี่ฝางพูด

“พ่อได้ยินว่า มู่เสี่ยวไป๋คนนั้น มาจากเมืองเอก ครั้งนี้เขากลับมา รวมลูกด้วยแล้ว แทงไปทั้งหมดแปดคน แปดคนนี้ ต่างเป็นคนที่มีชื่อเสียงในตงไห่”

“แต่เจ็ดคนนั้น ต่างอดกลั้นไว้”

ทันใดนั้น หลี่ต๋าคางก็เงยหน้าขึ้น ถาม: “เสี่ยวฝาง ลูกว่าพวกเราควรทน หรือว่าไม่ทนดี?”

หลี่ต๋าคางเงยหน้าขึ้นตอนนั้น ร่างของหลี่ฝางก็สั่นเล็กน้อย ซุปไก่ในมือยังกระเพื่อม

หลี่ฝางไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ สายตาพ่อเมื่อกี๊ ทำให้คนที่มองรู้สึกว่าคุณจะฆ่าจริงๆ ถึงแม้สายตานั้นแป๊บเดียวก็หายไป แต่ถูกหลี่ฝางจับได้

หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคาง วางซุปไก่ในมือ: “พ่อ ความหมายของพ่อคือ?”

“พ่อพูดด้วยเหตุผลนะ ถ้าลูกคิดว่าเป็นลูกเองที่สมเหตุสมผล สมควรได้รับมีดเล่มนี้ไป งั้นเรื่องนี้พ่อก็จะไม่ยุ่ง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายรังแกคน นั้นเป็นลูกของหลี่ต๋าคาง ที่ไม่ใช่ว่าจะให้คนมารังแกได้มั่วๆ” หลี่ต๋าคางพูดด้วยใบหน้าโกรธ

หลี่ฝางคิด พูด: “พ่อ ช่างมันเถอะ”

“ทำไมล่ะ เสี่ยวฝาง ลูกไปทำเรื่องไม่ดีใส่มู่เสี่ยวไป๋จริงๆ ?” หลี่ต๋าคางขมวดคิ้วถาม

“เปล่าเลย แค่ผมคิด คนอื่นๆ เจ็ดคนต่างอดกลั้น หมายความว่ามู่เสี่ยวไป๋คนนี้ไม่ธรรมดา ในเมื่อไม่ธรรมดา งั้นพวกเราก็ช่างเถอะครับ” หลี่ฝางมองพ่อตัวเอง ยิ้ม พูด: “ผมไม่อยากสร้างปัญหาให้พ่อ”

“มู่เสี่ยวไป๋คนนั้นกล้าแทงตั้งแปดคน แม้แต่คนของลูกพี่หลินก็ยังถูกแทง ลูกพี่หลินยังไม่กล้าว่าอะไร”

“พ่อ ผมกลัวว่าผู้ชายคนนั้นแม้แต่พ่อก็ยังกล้าแทง”

“ยังไงซะมีดนี้ลูกของพ่อก็ถูกแทงแล้ว ถึงแทงกลับไปก็ไม่มีอะไร สู้เราช่างมันเถอะ” หลี่ฝางไม่อยากเห็นพ่อตัวเองเกิดเรื่อง

สามปีแล้ว ไม่ง่ายเลยที่เขารอพ่อแม่กลับมา พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว

เขาไม่อยากให้ใครก็ตามมาทำลายสถานการณ์ตรงนี้

“ไม่ผิด กตัญญูจริงๆ รู้จักคิดแทนพ่อ ยากที่ลูกจะรู้จักให้อภัย งั้นเรื่องนี้ก็ช่างเถอะ” หลี่ต๋าคางหัวเราะเหอะเหอะ

แล้วเวลานี้ จู่ๆ ลู่หลุ่ยก็ปรากฏตัวที่หน้าห้อง

“สวัสดีค่ะลุง” มองหลี่ต๋าคาง ลู่หลุ่ยพูดอย่างมีมารยาท

“เสี่ยวฝาง แฟนลูกเหรอ?” หลี่ต๋าคางมองสำรวจลู่หลุ่ย บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่พอใจปรากฏ

“ไม่เลวเลย มองดูแล้วไม่เลว”

“พ่อ อย่าพูดจามั่วซั่วน่า พวกเราเป็นเพื่อนธรรมดา” หลี่ฝางพูดอย่างละอายหน่อยๆ

พอถามชื่อของลู่หลุ่ย หลี่ต๋าคางถาม: “หลุ่ยหลุ่ย หลายวันนี้ลุงต้องยุ่งกับธุรกิจหน่อย คุณดูลูกชายลุงหน่อยได้ไหม?”

“ได้สิคะ ยังไงพ่อฉันก็อยู่ห้องข้างๆ เดี๋ยวฉันไปถามหมอ ว่าให้เขาสองคนอยู่ห้องเดียวกันได้หรือไม่ จะได้ดูแลอย่างสะดวกค่ะ”

หลี่ต๋าคางพูดพึมพำ: “ดีจริง ประหยัดเงินที่ลุงต้องจ้างพยาบาลมาดู”

จากนั้น หลี่ต๋าคางหยิบจี้หยกออกมา ส่งให้ลู่หลุ่ย: “มา สาวน้อย สวมซะ”

“ลุงคะ ฉันไม่เอาหรอก”

“ไม่เอาไม่ได้นะ จะให้คุณมาดูแลเสี่ยวฝางของเราฟรีๆ ได้ไงกัน” หลี่ต๋าคางบังคับแขวนไปที่คอของลู่หลุ่ย จากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม: “เหมาะมากๆ”

“ลุง จี้นี้ราคาเท่าไหร่คะ?”

“ไม่กี่สิบหยวนน่า ลุงซื้อมาจากร้านแผงลอย” หลี่ต๋าคางพูด

“งั้นฉันรับไว้นะคะ” ลู่หลุ่ยมองจี้ ด้วยท่าทางหม่นลง คิดในใจ น่าจะไม่กี่สิบหยวนจริงๆ แหละ

แล้วตอนนี้ หลี่ฝางไม่สนใจว่าแผลจะฉีกขาด ดึงหลี่ต๋าคางมาตรงหน้าตัวเอง: “พ่อ ซื้อมาจากแผงลอยจริงๆ เหรอ?”

“ไม่ใช่ ครั้งที่แล้วที่ไปกินข้าวกับดาราซูเปอร์สตาร์ระดับโลก เขาให้พ่อมา ซูเปอร์สตาร์นั่นชื่อหลี่……อะไรๆ เจ๋เนี่ยแหละ พ่อก็ลืมแล้ว” หลี่ต๋าคางคิดอยู่นานก็คิดไม่ออก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท