NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 91

ตอนที่ 91

บทที่91 หลี่ต๋าคางโกรธจัด

ก่อนช่วงเวลานี้ หลี่ฝางยังมีท่าทีนิ่งเฉยกับการสอบเอ็นทรานซ์ แต่ในเวลานี้ หลี่ฝางกลับพบว่าสอบเอ็นทรานซ์สำคัญกว่าทุกอย่าง ถึงต้องเสี่ยงกับชีวิต ตัวเองก็อยากสอบครั้งนี้ให้เสร็จ

“สนามไหน?” จางกงหมิงถามอย่างร้อนใจ

“ข้างหน้า ห้องที่สอง” หลี่ฝางพูด

จางกงหมิงวิ่งเข้าไปทันที แล้วตอนนี้ อาจารย์คุมสอบก็ห้ามเขาไว้: “อะไรกันเนี่ยพวกคุณ?”

จางกงหมิงกลอกตาใส่อาจารย์คุมสอบ: “ตาบอดเหรอครับ มองไม่ออกเหรอว่าน้องชายผมจะเข้าร่วมสอบเอ็นทรานซ์?”

มองไปมีที่ว่างหนึ่งที่ จางกงหมิงรู้ นี่จะต้องเป็นที่นั่งของหลี่ฝางแน่

จางกงหมิงอุ้มหลี่ฝางเข้าไป ประคองเขานั่งลง พูด: “เดี๋ยวผมไปเอาข้อสอบให้”

“ข้อสอบล่ะครับ?” จางกงหมิงมาตรงหน้าอาจารย์คุมสอบ

“น้องชายคุณสาย เลยเวลาที่กำหนด ดังนั้นพวกเราจะให้ข้อสอบเขาไม่ได้” อาจารย์คุมสอบส่ายหน้า พูด: “ไม่เป็นไปตามกฎ”

“หมายความว่าไง?” จางกงหมิงขมวดคิ้ว

“ความหมายก็คือ น้องชายคุณหมดสิทธิ์สอบครั้งนี้แล้ว” อาจารย์คุมสอบมองจางกงหมิง พูดเสียงคมกริบ: “เชิญคุณพาน้องชายคุณออกไปด้วย อย่าทำให้การสอบเอ็นทรานซ์ของนักเรียนคนอื่นๆ เสียเวลา”

“ห่า!” จางกงหมิงยกเท้าถีบออกไป เตะอาจารย์คุมสอบไปที่พื้น

“ผมไม่สนกฎบ้าๆ บอๆ ผมรู้แค่ว่า น้องชายผมต้องสอบ คุณรีบเอาข้อสอบมาให้ผม” จางกงหมิงยื่นมือออกไป: “ถ้าแม่งไม่ให้ล่ะก็ ผมเอาคุณตายแน่เชื่อไหมล่ะ?”

“อาจารย์ครับ รีบเอาข้อสอบให้เขาเถอะ นี่เป็นถึงพี่หมิง ลูกพี่ใหญ่เขตเมืองตะวันออกคนใหม่ของพวกเรา” นักเรียนที่เป็นหัวโจกคนหนึ่งยืนขึ้นพูด

สีหน้าอาจารย์คุมสอบแย่มาก เขาในฐานะครู ยังไม่เคยถูกทำร้ายในห้องเรียน

เขากำลังจะพูดอะไร หัวโจกคนนั้นก็พูด: “อาจารย์ ถ้าคุณทำให้พี่หมิงโมโห พี่หมิงทำคุณตายได้จริงๆ นะ”

อาจารย์คุมสอบมองจางกงหมิงแวบหนึ่ง ตอนนี้มีความโหดร้ายบนใบหน้าจางกงหมิง

“ข้อสอบอยู่บนโต๊ะ” สุดท้ายอาจารย์คุมสอบก็โล่งอก

จางกงหมิงเอาข้อสอบไปให้หลี่ฝาง จากนั้นก็มาตรงหน้าอาจารย์คุมสอบ: “รบกวนคุณไปห้องพยาบาลแล้วเรียกครูพยาบาลมาหน่อยครับ แผลของน้องชายผมฉีกขาด ต้องพันแผล”

ครั้งนี้ท่าทีของจางกงหมิงใจเย็นขึ้นเยอะ

“ผมยังต้องคุมสอบนะ”

เดิมทีห้องสอบหนึ่งห้องจะมีอาจารย์คุมสอบสองคน แต่อีกคนท้องเสีย จนตอนนี้ยังอยู่ในห้องน้ำ

ดังนั้น เขาไปไม่ได้

ส่วนจางกงหมิงกลับตบอกพูด: “ที่นี่มีผมเฝ้าอยู่ วางใจเถอะครับ”

“ถ้ามีคนกล้าตุกติกกับผมล่ะก็ ผมจะหั่นมือเขาแทนคุณเอง!” จางกงหมิงพูดรับประกันกับอาจารย์คุมสอบ

“แต่……”

“แต่อะไรอีกล่ะ ไม่ได้ยินไอ้หนุ่มนั่นพูดเหรอ ผมเป็นถึงลูกพี่ของเขตเมืองตะวันออก ทำไม คุณไม่เชื่อแม้แต่ลูกพี่ของเขตเมืองตะวันออก?” จางกงหมิงถามอย่างเย็นชา

“โอเค” อาจารย์คุมสอบวิ่งไปเรียกครูพยาบาลที่ห้องพยาบาลไป ก็โทรหาครูใหญ่ไป

อาจารย์คุมสอบไม่กล้าขัดจางกงหมิง แต่ก็ละเมิดกฎไม่ได้

อาจารย์คุมสอบไป จางกงหมิงก็ตะโกน: “ผมถามพวกคุณ พวกคุณในห้องนี้ ใครคะแนนดีสุด”

“พี่หมิง ที่หนึ่งในโรงเรียนอยู่ในห้องสอบเรา” หัวโจกคนนั้นพูด แล้วยังชี้ไปด้วย

จางกงหมิงเดินไปทางที่หนึ่งในโรงเรียนโดยตรง เอากระดาษคำตอบของเขากับข้อสอบมา: “ยืมหน่อย”

“พี่ชาย ผมยังทำข้อสอบไม่เสร็จเลย” ที่หนึ่งในโรงเรียนเกือบจะร้องไห้

“ไม่งั้นคุณก็เอากระดาษคำตอบไปก่อนสิ”

“ก็ได้ งั้นคุณก็รีบทำ” จางกงหมิงหยิบกระดาษคำตอบ ให้หลี่ฝาง

หลี่ฝางส่ายหน้า พูดอย่างเด็ดเดี่ยว: “พี่หมิง ผมเอง”

“โง่เหรอ คุณสายไปตั้งนาน เวลาพอหรือไง” จางกงหมิงกลอกตาใส่หลี่ฝาง: “นี่เป็นข้อสอบเลือก ก็แค่ลอกคำตอบไหมล่ะ”

“ไม่ต้อง ผมว่าทันอยู่” หลี่ฝางกัดฟัน ทนความเจ็บที่ท้องน้อย

เสียงหยดติ๋งๆ ไม่หยุดเข้าหูจางกงหมิง

บาดแผลของหลี่ฝางฉีกขาดโดยสิ้นเชิง เลือดไหลไม่หยุด

“แม่งเอ๊ย ครูพยาบาลทำไมยังไม่มา?” จางกงหมิงพูดอย่างร้อนใจ

“พี่หมิง ในเมื่อน้องชายคุณไม่ลอก ก็ให้ผมลอกหน่อยสิ” หัวโจกคนนั้นหัวเราะมองจางกงหมิง

“หยิบไปสิ”

หัวโจกคนนั้นรับไป ใช้ความเร็วเหมือนกระแสไฟเอาคำตอบบนกระดาษคำตอบลอกลงไป

“ห่า คุณทำได้เร็วขนาดนี้ได้ไงเนี่ย?” จางกงหมิงถามอย่างแปลกใจ

“โสดมาสิบแปดปี ช่วยตัวเองบ่อยมือเลยไว” หัวโจกคนนั้นยิ้ม

ส่วนตอนนี้ ครูพยาบาลก็มาแล้ว เขาถือกล่องยาเอนกประสงค์มาตรงหน้าหลี่ฝาง: “เด็กคนนี้ดื้อจริงๆ เลือดไหลมากขนาดนั้น ยังจะยืนหยัดสอบอีก ไม่ห่วงชีวิตเลย”

“พอเถอะ พูดเหลวไหลให้มันน้อยๆ หน่อย รีบพันผ้าก็อซให้น้องชายผมใหม่ที” จางกงหมิงพูดอย่างเซ็งๆ

ครูพยาบาลมองจางกงหมิงแวบหนึ่ง: “คุณคือใครน่ะ ทำไมพูดกับผมแบบนี้”

“ผมบอกคุณให้นะ ผมคือลูกพี่ใหญ่ของที่นี่ ทางที่ดีคุณรีบพันแผลให้น้องชายผมซะ พันให้เสร็จในสามนาที ผมจะให้คุณห้าพัน ถ้าพันไม่ดี คุณก็อย่าอยู่ที่ตงไห่อีกเลย” จางกงหมิงพูดอย่างเย็นชา

“ให้ห้าพันจริงๆ ?” ครูพยาบาลได้ยิน ‘เงินก้อนใหญ่’ ตาก็เป็นประกาย

“คุณยังมีเวลาอีกสองนาทีห้าสิบวินาที อย่ามัวแต่พูดเหลวไหลอีกโอเคไหม?” จางกงหมิงมองนาฬิกาตัวเอง

ครูพยาบาลรีบพันผ้าก็อซทันที ความไวนั้นเร็วมาก แค่สองนาทีก็พันแผลของหลี่ฝางเสร็จ

“ผมทำได้แค่ห้ามเลือดเขา พอสอบเสร็จ น้องชายคุณต้องรีบไปโรงพยาบาล” ครูพยาบาลเช็ดเหงื่อที่หน้าแล้วพูด

“แผลของน้องคุณลึกมาก ใครแทงกันเนี่ย ถ้าลึกกว่านี้ น้องชายคุณลำบากแน่” ครูพยาบาลพูด

“ใครแทงแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

“งั้นคุณจะให้เงินผมยังไง”

“ให้ทางวีแชทได้ไหม?” จางกงหมิงเลิกคิ้ว ถาม

“ได้สิ คุณจะสแกนผมหรือว่าให้ผมสแกนคุณ”

จางกงหมิงขมวดคิ้ว: “แม่งเอ๊ยจะเอาจริงเหรอ?”

“ถ้าคุณให้ ผมก็เอา” ครูพยาบาลคนนั้นพูด

“ช่างเถอะ ผมเป็นถึงลูกพี่ของเขตเมืองตะวันออก พูดไปแล้วต้องทำให้ได้” ถึงจางกงหมิงจะเสียใจหน่อยๆ แต่ก็โอนให้เขาไปห้าพัน

ไม่นานนักครูใหญ่ก็มา เดิมทีเขาจะมาไล่นักเรียนคนนี้ แต่พอเห็นเป็นหลี่ฝาง เขาก็หยุดความคิดทันที

“เห้อ เสี่ยงชีวิตเพื่อมาร่วมสอบเอ็นทรานซ์ ดีเยี่ยมแบบนี้ น่าชื่นชมจริงๆ” ครูใหญ่ฉางพูดอย่างปกติ: “เรื่องวันนี้ ทุกคนอย่าเผลอพูดออกไป”

“ถ้าใครพูดมั่วซั่ว ผมจะไล่ออกให้หมด” ครูใหญ่ฉางพูดเสียงคมกริบ

ปฏิบัติต่อหลี่ฝางด้วยความเมตตา มันคือการละเมิดกฎ เรื่องราวใหญ่โต กลัวว่าตัวเองจะลำบากอีก ดังนั้นเดิมทีครูใหญ่ก็กลัวมาก แต่เขารู้คนที่คอยอยู่เบื้องหลังของหลี่ฝาง คนที่อยู่เบื้องหลังหลี่ฝางคือสวีจื่อโห้ เขาทำอะไรไม่ได้

เลยได้แต่ทำแบบนี้

“ครูใหญ่ รอสอบเอ็นทรานซ์เสร็จ พวกเราก็ไม่ใช่นักเรียนของคุณอีกแล้ว คุณจะไล่เราออกยังไง?” มีนักเรียนคนหนึ่งพูดอย่างน่าสนุก

จางกงหมิงขมวดคิ้ว เวลานี้ก็พูด: “เรื่องวันนี้ถ้าใครกล้าพูดออกไป ต่อไปก็อย่าอยู่ที่ตงไห่อีกเลย”

“ไม่อย่างนั้น ผมเจอคุณอีก ก็จะเอาคุณแย่แน่!” จางกงหมิงพูดอย่างเย็นชา

คำขู่ของครูใหญ่พวกเขาไม่กลัว แต่คำขู่ของจางกงหมิง สำหรับพวกเขาแล้วคือการทำลายล้าง

พวกเขาต่างเป็นคนตงไห่ ถ้าทำให้พี่ชายของตงไห่ไม่พอใจ จะกลับบ้านได้อีกหรือไง?

“พี่หมิง วางใจเถอะ พวกเราไม่มีใครพูดออกไปแน่” หัวโจกคนนั้นประจบอีกครั้ง

“งั้นก็ดี” จางกงหมิงพยักหน้าอย่างพอใจ: “อีกเดี๋ยวพวกเราทิ้งเบอร์โทรกันไว้ ถ้าพวกคุณมีปัญหาอะไรที่ตงไห่หรือใครรังแก ก็มาหาผมได้”

“แต่ผมช่วยพวกคุณแค่ครั้งเดียว” จางกงหมิงพูด

พูดจบ จางกงหมิงก็หันไปมองอาจารย์คุมสอบ: “คุณไม่เหมือนกัน คุณมีโอกาสสามครั้งมาหาให้ผมช่วยได้”

ตอนนี้ในใจของอาจารย์คุมสอบก็มีความสุขสุดๆ ยังไงแบบนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวใครจะมาก่อกวนอีก

รอสอบเอ็นทรานซ์จบ จางกงหมิงก็อุ้มหลี่ฝางออกไปจากโรงเรียน

ออกจากประตูโรงเรียนไป จางกงหมิงก็เจอหลี่ต๋าคางกับรถพยาบาล

“ส่งเขามาให้ผมเถอะ” หลี่ต๋าคางเดินเข้ามา รับหลี่ฝางจากมือของจางกงหมิง

เวลานี้สายตาของหลี่ต๋าคาง มีความพร้อมจะฆ่าฟันแฝงขึ้นมาอีกครั้ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท