NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 120

ตอนที่ 120

บทที่ 120 หลี่ฝางถูกคนรุมทำร้าย

ตู้ต้าไห่ได้อึ้งไปชั่วขณะ เขาคิดในใจ ลูกชายของตัวเองมาได้ยังไง? หรือว่าลูกชายของตัวเองรู้ตั้งนานแล้วเรื่องที่เขาเลี้ยงดูผู้หญิง?

สีหน้าของตู้ต้าไห่ดูอึดอัดเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองนั้นละอายใจที่จะเผชิญหน้ากับลูกชาย แต่เขาก็ได้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กำลังจะขึ้นไปนั่งตรงเบาะหน้าข้างคนขับ

เวลานี้ หลี่ฝางได้เหยียบคันเร่ง แล้วพุ่งชนเข้ามาทันที

หากไม่ใช่หลี่ฝางที่พุ่งชนเข้ามา คิดว่าตอนนี้ตู้ต้าไห่น่าจะขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว

ส้งกงหมิงก็รีบเข้าไปในรถ แล้วเหยียบคันเร่ง มุ่งหน้าไปทางตู้ต้าไห่

“เหล่าส้ง เหล่าส้ง แกจอดๆ!” มองส้งกงหมิงที่ขับรถพุ่งมาข้างหน้าของเขา อีกอย่างไม่มีท่าทีที่จะลดความเร็วลงเลย ตู้ต้าไห่ตกใจจนตะโกนออกมา: “เหล่าส้ง แกจะฆ่าฉันเหรอ!”

“เย็ดแม่ กูจะชนมึงให้ตายเลย!” ส้งกงหมิงท่าทางดูโหดเหี้ยม

ตู้ต้าไห่ครั้งนี้ได้ทำให้ส้งกงหมิงหมดเจ็บหนักมาก เงินยี่สิบกว่าล้านนะ เงินในบัญชีของบริษัท ก็มีแค่นี้ แต่ได้ยืมให้กับตู้ต้าไห่ไปหมด สุดท้ายกลับสูญเปล่า

รถของส้งกงหมิงได้ชนตู้ต้าไห่จนล้ม แล้วรถก็ได้ทับอยู่บนขาสองข้างของตู้ต้าไห่

“อ้า!!”

ปากของตู้ต้าไห่ ได้เปล่งเสียงที่โหยหวนออกมา

ส้งกงหมิงดึงกุญแจออก ดับเครื่อง ถือเหล็กท่อนหนึ่งท่อนหนึ่งขึ้นมา

“เหี้ยเย็ดแม่!”

ส้งกงหมิงลงจากรถ นำท่อนเหล็กนั้นทุบตีลงไปบนร่างกายของตู้ต้าไห่

ขาของตู้ต้าไห่ถูกรถทับไว้ ไม่มีทางที่จะลุกขึ้นมาได้เลย เขาที่ถูกเหล็กทุบ เจ็บจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ตู้เฟยจะลงมาจากรถ แต่ว่าตู้ต้าไห่กลับตะโกนไปว่า: “เสี่ยวเฟย รีบไป ไม่ต้องสนใจพ่อ!”

ตู้ต้าไห่รู้ว่าตัวเองต้องตายอย่างแน่นอน เขาทำให้ส้งกงหมิงต้องสูญเสียเงินไปยี่สิบกว่าล้าน ส้งกงหมิงน่าจะมีความคิดที่อยากจะฆ่าเขาด้วยซ้ำ

คนของส้งกงหมิงได้ไปล้อมรถของตู้เฟยเอาไว้ ตู้เฟยแสยะยิ้ม ตะโกนด่าว่าเหี้ย ก็วิ่งฝ่าออกไปจากฝูงชน

ตู้ต้าไห่เห็นลูกชายตัวเองหนีไปได้ ก็ทรุดตัวเหมือนกับลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออก

“เหล่าส้ง ฉันผิดต่อนาย นายจะฆ่าฉัน ก็ฆ่าเถอะ!” ตู้ต้าไห่ยอมรับชะตากรรมแล้ว

“อยากตาย? เงินที่นายติดหนี้ฉันยังไม่ได้ใช้คืนเลย”

ส้งกงหมิงโยนแท่งเหล็กลงบนพื้น พูดอย่างโมโห

ตู้ต้าไห่กลายเป็นคนพิการแล้ว ตู้เฟยก็หนีไปแล้ว หลี่ฝางก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อแล้ว

“ไปกันเถอะ!”

หลี่ฝางมองไปที่พวกหลี่เสี่ยวเสี่ยวแล้วพูด หญิงสาวเหล่านั้นจึงได้กลับเข้าไปในรถ

หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว หลิวเฉียวเฉียวกับเชี่ยลู่หน้าบึ้งตึง ปากก็เอาแต่ด่าเสี่ยวซานจื่อคนนั้น

เงินก็แย่งไม่ได้ ยังถูกตบอีก เธอว่ามันน่าโมโหมั้ย?

แต่ว่าหลี่เสี่ยวเสี่ยวขึ้นรถแล้ว กลับมีสีหน้าที่ดีใจ

“หลี่เสี่ยวเสี่ยว เธอถูกตบ ทำไมยังดีใจอีก?” หลิวเฉียวเฉียวถามด้วยความสงสัย

หลี่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างมีเลศนัย ยื่นมือเข้าไปในกางเกงของตัวเอง

หลี่เสี่ยวเสี่ยววันนี้สวมใส่กางเกงแบบที่หลวมๆ วินาทีที่เธอยื่นมือเข้าไปในกางเกงนั้น หลิวเฉียวเฉียวกับเชี่ยลู่ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว

หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว นี่เธอกำลังทำอะไร?

ทันใดนั้น หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็ได้หยิบเงินออกมาจากกางเกงของเขา

“แม่ง หลี่เสี่ยวเสี่ยว……..ที่แท้เธอก็ซ่อนมันอยู่ข้างในกางเกง……..ใน!” หลิวเฉียวเฉียวกับเชี่ยลู่เบิกตากว้าง มองหลี่เสี่ยวเสี่ยวอย่างไม่อยากจะเชื่อ

สีหน้าของหลี่เสี่ยวเสี่ยวเต็มไปด้วยความสุข เริ่มนับเงินที่เก็บมา

“สามพันกว่าหยวนแหนะ!” หลี่เสี่ยวเสี่ยวที่ถือเงินไว้ในมือ หัวเราะขึ้นมา

มิน่าล่ะ ตอนที่ขึ้นรถ หลี่ฝางก็รู้สึกแปลกๆ แล้ว

ใครจะไปรู้ ที่แท้ก็คือเงินนี่เอง!

หลี่ฝางจะร้องไห้ก็ไม่ใช่จะหัวเราะก็ไม่เชิง ได้สตาร์ทรถขึ้น

“หลี่เสี่ยวเสี่ยว เธอแย่งเงินมาได้มากขนาดนี้ คืนนี้พาเราไปเลี้ยงหน่อยสิ?” เชี่ยลู่เริ่มออกความเห็น เธอเห็นหลี่เสี่ยวเสี่ยวแย่งเงินมาได้เยอะขนาดนี้ แต่ตัวเองนั้นกลับไม่ได้ซักหยวน เกิดความอิจฉาเล็กน้อย ดังนั้นจึงอยากจะผลาญเงินของเธอให้หมด

หลี่ฝางยังคิดว่าหลี่เสี่ยวเสี่ยวจะปฏิเสธเสียอีก

ไม่คิดว่าหลี่เสี่ยวเสี่ยวจะตกลงง่ายๆ แบบนี้: “ไม่มีปัญหา คืนนี้ไปที่ร้าน Recalling the past ข้าจะเป็นเจ้ามือเอง”

“แล้วตอนนี้พวกเราจะไปไหนละ? ยังเช้าอยู่เลย” เชี่ยลู่ถาม

“เราไปร้องเพลงกันมั้ย ฉันเป็นเจ้ามือเอง” หลิวเฉียวเฉียวกล่าว

“หลี่เสี่ยวเสี่ยวแย่งเงินมามากขนาดนี้ ให้เธอเลี้ยงแหละ” เชี่ยลู่กล่าว

“ฉันเลี้ยงเอง” หลี่ฝางพูดจบ ก็ได้ขับรถไปถึงหน้าร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง

สั่งเหล้ามาหนึ่งโหล และน้ำสองสามขวด ทั้งหมดมาถึงที่ห้องคาราโอเกะ หลี่ฝางไม่ชอบร้องเพลง ก็เล่นโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง

ผู้หญิงสามคนนี้เล่นได้สนุกมาก ร้องเพลงก็เพราะมากด้วย

หลี่ฝางได้ส่งข้อความไปให้ลู่หลุ่ย ถามเธอว่าอยู่ไหน?

ไม่นานลู่หลุ่ยก็ตอบกลับมา: อยู่ที่Blue moon สังสรรค์กับเพื่อน

“Blue moon?” หลี่ฝางเลิกคิ้ว ดีใจจนนั่งลงไป ทำไมบังเอิญจัง: “ฉันก็อยู่ที่Blue moonเหมือนกัน เธออยู่ชั้นไหน ออกมาเจอกันหน่อยสิ!”

หลี่ฝางชวน ลู่หลุ่ยก็ออกมาเลย ทั้งสองต่างก็อยู่ที่ชั้นสาม

“เธอดื่มเหล้าเหรอ” หลี่ฝางได้กลิ่นเหล้าจากตัวของลู่หลุ่ย ไม่พอใจเล็กน้อย

“พวกเขาบังคับให้ฉันดื่ม ฉันก็เลยดื่มไปไม่กี่แก้ว” ลู่หลุ่ยพูดอย่างเบื่อหน่าย

“ใครกัน เธอไปเรียกเขาออกมาเลย เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนเขาเอง” หลี่ฝางพูดอย่างโมโห

“เพื่อนๆ กันทั้งนั้น นายทำอะไรของนาย” ลู่หลุ่ยเหลือบมองหลี่ฝางอย่างโกรธเคือง เห็นหลี่ฝางโกรธแล้ว ก็ได้พูดขึ้นมาอีกประโยค: “คราวหลังฉันจะไม่ดื่มอีก”

เวลานี้ ประตูห้องคาราโอเกะของลู่หลุ่ยถูกผลักออกมา ชายผมหยิกคนหนึ่งเดินออกมา: “ลู่หลุ่ย เธอออกมาทำไม?”

“เขาเป็นใคร?” เมื่อเห็นหลี่ฝาง สายตาของไอ้หัวหยิกก็แสดงออกเหมือนกับเจอศัตรู

“เพื่อนของฉัน……….” ลู่หลุ่ยเพิ่งจะพูดจบ ไอ้หัวหยิกก็เดินเข้ามา มองดูก็รู้ว่าไอ้หัวหยิกคนนี้เมาแล้ว แค่เดินมาถึงเขาก็ได้ชี้ที่หน้าของหลี่ฝาง

“จะบอกนายให้นะ อยู่ห่างๆ จากหลุ่ยหลุ่ยของฉันหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการนาย!” ไอ้หัวหยิกพูดอย่างดุเดือด

“เฉินเสี้ยว นายทำไมพูดแบบนี้ ใครเป็นของนาย” ลู่หลุ่ยขมวดคิ้วพูดกับไอ้หัวหยิก: “นายพูดจาให้เกียรติคนอื่นด้วย”

“หลุ่ยหลุ่ย เธอพูดแล้วไม่ใช่เหรอ หากเราสองคนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน เธอก็จะยอมเป็นแฟนของฉัน” ไอ้หัวหยิกกล่าว

“ฉันแค่บอกว่าจะพิจารณา ยังไม่ได้ตอบตกลง” ลู่หลุ่ยขมวดคิ้วอย่างลึกๆ เธอมองหลี่ฝางอย่างระมัดระวัง กลัวว่าหลี่ฝางจะเข้าใจผิด

เป็นจริงเช่นนั้น หลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เห็นได้ชัดว่าหึงแล้ว

“เอาล่ะ นายรีบเข้าไปเลย” ลู่หลุ่ยพบว่ารอยยิ้มของหลี่ฝางนั้นไม่ค่อยปกติ ก็รีบไล่ให้เฉินเสี้ยวเข้าไปในห้องคาราโอเกะ

“เขาพูดจริงเหรอ?” หลี่ฝางมองลู่หลุ่ยอย่างเคืองๆ

“ตอนนั้นฉันแค่พูดเล่นกับเขา เพราะว่าเขามาตอแยฉันทุกวัน ฉันกลัวจะมีผลต่อการเอ็นทรานซ์ของฉัน ก็เลยพูดไปแบบนั้น หากสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกัน ฉันก็จะคิดดู ก็ให้คำตอบที่สองแง่สองง่ามกับเขา ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าผลการเรียนของเขาจะดีขนาดนั้น สามารถสอบเข้าสุ่ยมู่ได้ด้วย” ลู่หลุ่ยถอนหายใจ

“หลี่ฝาง นายวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางคบกับเขาอย่างแน่นอน” ลู่หลุ่ยยืนยันกับหลี่ฝาง

ได้ยินหลี่ฝางพูดแบบนี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย คำพูดประโยคนี้ของลู่หลุ่ย เห็นได้ชัดว่าเธอเห็นตัวเองเป็นแฟน

หลี่ฝางไม่โกรธแล้ว ก็เริ่มแกล้งลู่หลุ่ยเล่น ทั้งสองคนคุยกันได้อย่างมีความสุขมาก พูดคุยหยอกล้อกัน

ไม่นานนัก ไอ้หัวหยิกก็วิ่งออกมาจากห้องคาราโอเกะ ด้านหลังยังมีชายกลุ่มหนึ่งตามมาด้วย คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของลู่หลุ่ย

“ลู่หลุ่ย เขาเป็นใครกันแน่?” ไอ้หัวหยิกขมวดคิ้วถาม

ไอ้หัวหยิกเมื่อกี้แอบมองจากตรงซอกประตูเห็นได้ชัดเจนมาก หลี่ฝางกับลู่หลุ่ยพูดคุยหยอกล้อกัน ดูแล้วความสัมพันธ์ต้องไม่ธรรมดา

เพราะปกติเวลาเรียน น้อยมากที่ลู่หลุ่ยนั้นจะคลุกคลีกับเพื่อนนักเรียนชาย ยิ่งไม่มีทางที่จะคุยกับผู้ชายอย่างมีความสุขแบบนี้

“ฉันเป็นใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายด้วย!” หลี่ฝางพูดอย่างกวนประสาท

“เหี้ย นายมันอวดดีเหมือนกันนะ!” ไอ้หัวหยิกหัวเราะอย่างเยือกเย็น ชี้ไปที่หลี่ฝางแล้วกล่าว:” “เพื่อน ลุยเลย!”

พูดจบ ไอ้หัวหยิกก็ลงมือโดยตรง

หลี่ฝางตัวคนเดียว แต่พวกไอ้หัวหยิกนั้นมีตั้งห้าหกคน เมื่อต่อสู้กันขึ้นมา หลี่ฝางก็ถูกซ้อมคนเดียว

สุดท้ายหลี่ฝางก็จับไอ้หัวหยิกมาสู้กันตัวต่อตัว และลู่หลุ่ยก็ห้ามทุบอยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร

หลี่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากข้างนอก ก็รีบวิ่งออกมาดู

เมื่อออกมาก็เห็นหลี่ฝางถูกซ้อม เธอตะโกนไปหนึ่งประโยค: “แย่แล้ว หลี่ฝางถูกรุม!”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวกับเชี่ยลู่ แต่ละคนต่างก็คือขวดเบียร์ออกมากันคนละขวด วิ่งเข้ามาโดยไม่ลังเล ผู้หญิงสองคนนี้ช่างกล้านัก ใช้ขวดเบียร์ฟาดลงบนหัวของอีกฝ่ายทันที ไม่กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว

เฉินเสี้ยว นายรีบหยุดได้แล้ว ลู่หลุ่ยที่ร้อนใจได้แต่ตะโกนห้าม พลางใช้มือไปกระชากไอ้หัวหยิก แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ เธอกำหมัดแน่นอย่างกังวล แล้วทุบลงไปที่หัวของไอ้หัวหยิก

“ลู่หลุ่ย เธอทำร้ายฉันเพราะนายคนนี้เหรอ!” ไอ้หัวหยิกหันหน้ามาแล้วตะโกนไปหนึ่งประโยค

หลี่ฝางทำร้ายไอ้หัวหยิกไปตั้งหลายที แต่ไอ้หัวหยิกกลับไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ แค่ลู่หลุ่ยแค่ทุบเขาไปไม่กี่ที เขากลับคลุ้งคลั่งขึ้นมา ดวงตาเปล่งด้วยประกายไฟ

เขาวิ่งเข้าไปในห้องคาราโอเกะ ไปหยิบขวดเหล้ามาสองขวด

“ได้ ลู่หลุ่ย ฉันทำร้ายเขาเธอสงสารเขาใช่มั้ย? ดี วันนี้ฉันจะให้เธอสงสารให้มากพอ!” ไอ้หัวหยิกพูดจบ ก็ยกขวดเหล้าฟาดไปทางหลี่ฝาง

เสียงโครมดังขึ้น ขวดเหล้าแตกกระจาย ก็ไม่รู้ว่าไอ้หัวหยิกทุ่มแรงไปมากแค่ไหน!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท