NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 132

ตอนที่ 132

บทที่ 132 จะต้องโหดสักหน่อย คนอื่นถึงค่อยกลัวพวกเรา

หลี่ฝางกลับไปที่บาร์ เมื่อเห็นถังหยู่ซวนกับจางปิงปิงกำลังทะเลาะกัน เขาก็เดินเข้าไป

ตอนนั้นจางปิงปิงถามอย่างโกรธๆ “ถังหยู่ซวน นายเห็นฉันเป็นอะไรไป กะหรี่หรือไง? หมดสนุกแล้วก็ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ต่อให้เป็นกะหรี่ นายก็ยังต้องให้เงินสักหน่อยนี่”

ถังหยู่ซวนขมวดคิ้ว “เธอหมายถึงอะไร ต้องการเงิน?”

อันที่จริงถังหยู่ซวนก็ไม่ได้มีเงินติดตัวอะไร ถ้าจางปิงปิงต้องการเงิน แต่ก็ได้แต่หาคนยืมแล้ว

“ไม่คิดจะชดใช้เงินก็ได้ อย่างนั้นนายต้องรับผิดชอบฉัน เป็นแฟนกับฉัน” จางปิงปิงพูดกอดอก

ถังหยู่ซวนเอ่ย “คิดจะปอกลอกฉันใช่ไหม?”

“ใช่ ฉันปอกลอกนาย นายต้องให้สถานะกับฉัน ไม่งั้นก็ให้เงินชดเชยฉันมา ไม่อย่างนั้น ฉันจะไปฟ้องว่านาย นายข่มขืนฉัน” จางปิงปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ให้ตาย เห็นชัดๆ ว่าคืนนั้นเธอสมยอมเอง? ตอนนั้นเธอกระตือรือร้นมากกว่าฉันอีก!” ถังหยู่ซวนพูดไม่ออก

“ช่างเถอะ เธออยากฟ้องก็ฟ้องไป ยังไงฉันก็ไม่มีเงินอยู่ดี”

“พล่ามอะไร บาร์นี้เป็นของนาย นายกับบอกฉันว่าไม่มีเงิน ใครจะเชื่อ?”

ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางก็เดินเข้ามา

หลี่ฝางหัวเราะ และพูดขึ้น “ถังหยู่ซวน ยังไงนายก็ยังโสดอยู่ ในเมื่อเธอเต็มใจจะเป็นแฟนของนาย นายก็ให้เธอเป็นไปสิ นายไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย”

ถังหยู่ซวนดึงหลี่ฝางมาข้างๆ “หลี่ฝาง นายดูไม่ออกหรือไง จางปิงปิงคิดว่าฉันเป็นนายไปแล้ว”

“อย่างนั้นนายก็ทำทุกอย่างที่ต้องการไปสิ” หลี่ฝางยิ้มอย่างไร้ท่าทีใดๆ “ยังไงนายก็ไม่ได้เสียอะไรนี่”

“เธออยากเป็นแฟนนาย ก็ให้เธอเป็นสิ ยังไงนายก็เล่นฟรีๆ เธออยากได้เงิน นายไม่มีก็จบแล้ว” หลี่ฝางหัวเราะหึหึ “นายลองดูว่าเธอจะอยู่ได้นานแค่ไหน”

“ก็จริง” ถังหยู่ซวนคิดในใจ นี่ถือว่ามีเหตุผล

ถังหยู่ซวนกลับมา และพูดกับจางปิงปิง “ได้ ฉันตอบรับเธอ”

“จริงหรือ?” จางปิงปิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“จริง” ถังหยู่ซวนพยักหน้า

“เยี่ยม อย่างนั้นนายช่วยพาฉันไปนั่งรับลมได้ไหม ขับปอร์เช่ 918คันนั้นของนายไป?” จางปิงปิงเอ่ยถามด้วยความคาดหวัง

นั่นเป็นรถสปอร์ตที่มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้าน

นั่งถ่ายรูปในรถสปอร์ตราคากว่า 20 ล้านแล้วลงใน wechat moment พี่น้องของตัวเองจะต้องอิจฉาจนคลั่งแน่?

“ฉันดื่มไปแล้ว วันอื่นแล้วกัน” ถังหยู่ซวนปฏิเสธอย่างสุภาพ

“งั้นนายก็ให้กุญแจรถฉัน ฉันไม่ได้ดื่ม อีกทั้งฉันก็มีใบขับขี่ ฉันแค่ขับออกไปเล่นๆ” จางปิงปิงเอื้อมมือออกไปและพูด

ถังหยู่ซวนมองไปที่หลี่ฝาง หลี่ฝางพยักหน้า ในใจคิด นี่ไม่สำคัญอะไร

จางปิงปิงรับกุญแจ แล้ววิ่งออกจากบาร์ไป

และโจวเจ๋ ได้เห็นฉากนี้ มุมปากของเขาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จ

นี่คือสิ่งที่โจวเจ๋วางแผนไว้ ขั้นตอนแรกคือให้ถังหยู่ซวนมีความสัมพันธ์กับจางปิงปิง ขั้นตอนที่สองคือให้ถังหยู่ซวนประนีประนอม ไม่ว่าจะให้เงินหรือให้สถานะ

จากนั้นโจวเจ๋ก็จะเริ่มหลอกให้ถังหยู่ซวน มาลงทุนกับตัวเอง

ถังหยู่ซวนแทบจะอยากหัวเราะในใจ เขามีเงินฝากไม่กี่พันหยวน จะมีเงินไปลงทุนได้อย่างไร

ในเวลานี้ มีคนคุ้นเคยหลายคนเดินเข้ามาในบาร์

พวกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นลูกน้องของพี่หมาจื่อ พวกพี่เหมิ่ง

พี่เหมิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือ และโทรหาไอ้ผมเหลือง เขาถาม “ฉันมาแล้ว นายอยู่ที่ไหน?”

“พี่เหมิ่ง ผมอยู่ชั้นสอง” ไอ้ผมเหลืองบอกตำแหน่งและหัวเราะในใจ รอให้พี่เหมิ่งขึ้นมา คอยดูเถอะว่าฉันจะจัดการพวกแกยังไง

หลี่ฝางเดินอย่างรวดเร็วตามติดพี่เหมิ่งไป แล้วตบไหล่เขาจากด้านหลัง

พี่เหมิ่งหันกลับมาและมองไปที่หลี่ฝาง “หลี่ฝาง ทำไมถึงเป็นนายไปได้?”

หลี่ฝางหัวเราะ “พี่เหมิ่ง พี่หมาจื่อไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม”

“พี่หมาจื่อไม่มีเรื่องอะไร พวกเราคลุกคลีอยู่แบบนี้มานาน ใครบ้างไม่เคยโดนคมดาบ!” พี่เหมิ่งเอ่ยด้วยท่าทีไม่ยี่หระ

“อย่างนั้นก็ดี” หลี่ฝางพยักหน้าและถาม” พี่เหมิ่ง พี่จะไปชั้นสองเพื่อหาไอ้ผมเหลืองใช่ไหม?”

พี่เหมิ่งประหลาดใจเล็กน้อย “เสี่ยวฝาง นายรู้ได้ยังไง?”

หลี่ฝางเล่าเรื่องทั้งหมดที่เจอ ให้พี่เหมิ่งฟังอย่างหมดจดอีกรอบ

หลังจากฟังจบ พี่เหมิ่งก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่กล้าจะมาสร้างปัญหาที่บาร์แน่ เบื้องหลังบาร์นี้ใหญ่มาก”

“ฉันมาที่นี่เพื่อสอนบทเรียนให้ไอ้ผมเหลือง!”

พี่เหมิ่งพูดจบ เขาก็ขึ้นไปชั้นสอง

พี่เหมิ่งและหลี่ฝางเข้ามาในห้องด้วยกัน

ไอ้ผมเหลืองเห็นพี่เหมิ่ง มันก็รีบลุกขึ้น “พี่เหมิ่ง ในที่สุดพี่ก็มา ผมถูกพวกมันรังแกจนจะแย่แล้ว”

“พี่ดูรอยเท้าบนตัวผม ยังมีรอยฝ่ามือบนหน้า เป็นพวกมันที่จัดการผม”

ทันทีที่ไอ้ผมเหลืองพูดจบ จู่ๆ พี่เหมิ่งก็ง้างแขนขึ้น และตบเขาที่ใบหน้าของไอ้ผมเหลือง

ฝ่ามือนั้นของพี่เหมิ่ง โหดร้ายกว่าของเซี่ยลู่มากนัก

แค่ฝ่ามือเดียว ก็ทำเอามุมปากของไอ้ผมเหลืองมีเลือดไหลออกมา และล้มลงกับพื้น

“พี่เหมิ่ง….นี่พี่ตีผิดคนรึเปล่า?” ฝ่ามือนี้ ทำให้ไอ้ผมเหลืองสับสนไปทันที

พี่เหมิ่งไม่พูดจา เขาคว้าคอเสื้อไอ้ผมเหลืองแล้วดึงเขาขึ้นมา

“ที่ฉันตีคือแก!”

พี่เหมิ่งกำหมัดแน่น จากนั้นจึงชกเข้าให้ที่ดั้งจมูกของไอ้ผมเหลือง ทันใดนั้น เลือดก็พุ่งออกมาจากจมูก และกระเซ็นไปทั่วใบหน้าของพี่เหมิ่ง

ไอ้ผมเหลืองไม่มีโอกาสแม้แต่ขอความเมตตา พี่เหมิ่งเพียงชั่วครู่ก็ทุบตีเขาแทบตาย

โหจื่อมองดูทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าสงบนิ่งอย่างยิ่ง

หลังจัดการเสร็จ พี่เหมิ่งก็หันไปพูดกับโหจื่อ “ขออภัย เป็นพวกเราที่สั่งสอนไม่เข้มงวด”

“พวกคุณคงเป็นคนของลูกพี่หลินใช่ไหม?” โหจื่อมองพี่เหมิ่งแล้วถาม

“ใช่ แต่ลูกพี่หลินได้กำชับพวกเราเอาไว้แล้ว ไม่ให้มาก่อเรื่องที่Recalling the past” พี่เหมิ่งพูดด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

“ดูท่าลูกพี่หลินที่พวกคุณเอ่ย คงจะไม่ค่อยเท่าไหร่ เขากำชับพวกนายขนาดนั้น ยังมีคนไม่ยอมฟัง” โหจื่อส่ายหัวและพูดด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง

“ลูกพี่คนนี้ ช่างไม่มีความน่าเกรงขามเอาซะเลย” โหจื่อแค่นเสียง

สีหน้าของพี่เหมิ่งดูไม่ได้อยู่บ้าง

หลี่ฝางกำลังจะเอ่ยขึ้นสักสองสามประโยค ในเมื่อลูกพี่หลินยอมลงให้แล้ว ก็ยอมไปเถอะ ทำไมถึงต้องไปงัดข้ออยู่ตลอดด้วยคำ!

สุดท้ายแล้วในตงไห่ ก็ยังเป็นดินแดนของลูกพี่หลิน

ในตอนนั้นเอง พี่เหมิ่งก็หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากอกของตนเอง

ทันทีที่เห็นมีด หลี่ฝางและเซี่ยลู่ก็ตกใจขึ้นมา

แต่เวลานี้สีหน้าของโหจื่อกลับยังคงสงบนิ่ง

“คุณเอามีดออกมาทำอะไร ขู่ฉันหรือ?” โหจื่อพูดด้วยท่าทีไร้การคุกคาม “ฉันไม่เชื่อว่านายกล้าแทงฉัน!”

พี่เหมิ่งหันศีรษะและเดินไปทางไอ้ผมเหลือง

ไอ้ผมเหลืองมองไปที่ท่าทางดุดันและโหดเหี้ยมของพี่เหมิ่ง ก็ตกใจกลัวขึ้นมาทันที

“พี่เหมิ่ง…..พี่…..พี่จะทำอะไร…ผมคือไอ้ผมเหลือง…พี่ไม่รู้จักผมเหรอ?” ไอ้ผมเหลืองตกใจกลัว เขาพูดเสียงสั่นขณะก้าวถอยหลังหนี

พี่เหมิ่งเร่งฝีเท้า พริบตาเขาก็มาถึงตรงหน้าไอ้ผมเหลือง

“ไอ้ผมเหลือง ขอโทษด้วย!” พี่เหมิ่งจับแขนของไอ้ผมเหลืองและกดเขาลงบนกำแพง

“อย่าขยับ!”

พี่เหมิ่งกดไอ้ผมเหลืองด้วยมือข้างหนึ่งชี้ จากนั้นจึงเอามีดบั่นไปที่หูข้างหนึ่งของไอ้ผมเหลือง

ไอ้ผมเหลืองส่งเสียงกรีดร้องลั่น และรีบยกมือปิดมันไว้

“พี่โหจื่อ แบบนี้พอใจมั้ย?” พี่เหมิ่งเอ่ยถาม

หลี่ฝางตะลึงไป พี่เหมิ่งตัดหูไอ้ผมเหลือง เพื่อให้โหจื่อพอใจงั้นหรือ?

“แบบนี้สิถึงถูกต้อง แก๊งควรมีกฎของตัวเอง เด็กนี่ไม่รู้จักเชื่อฟัง มีหูไปก็ไร้ประโยชน์” โหจื่อผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ

พี่เหมิ่งกำลังจะปล่อยไอ้ผมเหลืองไป แต่โหจื่อกลับก็พูดขึ้นอย่างเอื่อยๆ ก่อนว่า “ยังมีอีกข้างหนึ่งนี่”

พี่เหมิ่งลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ขยับมือและตัดหูอีกข้างของไอ้ผมเหลือง

จากนั้นโหจื่อจึงค่อยเดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม แต่พอถึงที่ประตู โหจื่อก็พูดขึ้น “อย่าลืมช่วยฉันทำความสะอาดห้องด้วย คุณไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย ทำเอาห้องฉันเต็มไปด้วยเลือด”

เซี่ยลู่และหลี่เสี่ยวเสี่ยวเมื่อเห็นฉากนองเลือดตรงหน้า ก็ตกใจกลัวจนพูดไม่ออก

พี่เหมิ่งถอนหายใจ ก่อนจะพูดอย่างอ่อนใจ “ไอ้ผมเหลือง อย่าโทษฉันล่ะ คนในบาร์นี้ พวกเราล้วนไม่สามารถไปยุแหย่ได้”

ไอ้ผมเหลืองมองไปที่พี่เหมิ่งด้วยความสิ้นหวัง ในมือถือหูที่ถูกตัดไว้

หลี่ฝางวิ่งออกจากห้องไปและตามโหจื่อไป เขารู้สึกโหดร้ายอยู่บ้าง

หลี่ฝางหยุดขวางทางโหจื่อและพูดว่า “โหจื่อ คุณทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”

“ไอ้ผมเหลืองนั่นไม่ได้ทำให้บาร์ของเราเสียหายอะไร ทำไมนายต้องยืนกรานให้พี่เหมิ่งตัดหูเขาทั้งสองข้างด้วย!” หลี่ฝางกล่าวอย่างโกรธเคือง

“บอส ผมรู้ว่าคุณเป็นคนใจดี แต่คุณต้องจำไว้ว่า ในสังคมนี้ ห่างไกลจากความสวยงามอย่างที่คุณคิดไว้โข”

โหจื่อกล่าว “ก็เหมือนไอ้ผมเหลืองนั่น แต่เดิมเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไร ถูกตัดหูสองข้างไปก็สมควรแล้ว”

“พวกเราต้องโหดร้ายสักหน่อย แบบนี้ลูกพี่หลินถึงไม่กล้ามายั่วโมโหพวกเราง่ายๆ”

โหจื่อพูดจบ ก็เดินจากไปทันที

ในตอนนั้นเอง เซี่ยลู่ที่เพิ่งออกมาก็เห็นฉากนี้เข้าพอดี

“บอส?” เซี่ยลู่สงสัยว่าตนเองได้ยินผิดไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท