NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 136

ตอนที่ 136

บทที่ 136 เศรษฐีลึกลับคือพ่อของฉัน

หัวใจของหลี่ฝางเยียบเย็นลงอย่างกะทันหัน

“เสี่ยวชี ออกไปหากิ่งไม้แห้งมา แล้วเผามันทั้งเป็น” ชายสกินเฮด กล่าวอย่างเย็นชา “แบบนี้ ก็จะไม่มีหลักฐานเหลืออยู่แล้ว”

เสี่ยวชี ก็คือชายกักขฬะนั่น

เสี่ยวชีมองที่ชายสกินเฮด และถามขึ้น “ลูกพี่ ก่อนจะเผาพวกมัน ให้ผมได้สบายก่อนสักครั้งได้ไหม!”

พูดไป เสี่ยวชีก็หันไปมองเซี่ยลู่ตาเป็นประกาย ดูท่าจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องเซี่ยลู่

“ตามใจ แต่อย่าใช้เวลานานเกินไป ฉันให้เวลาแกครึ่งชั่วโมง” ชายสกินเฮด กล่าว

ชายสกินเฮดพูดจบก็จากไป

แต่ทันทีที่เดินออกจากประตูไป เขากลับเห็นเงาร่างคนคนหนึ่ง

“โหจื่อ?” หลี่ฝางเมื่อเห็นโหจื่อ ก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น

ชายสกินเฮด รีบหยิบปืนออกมาทันทีและชี้ไปที่หัวของโหจื่อ “อย่าขยับ ไม่งั้นฉันจะระเบิดหัวแกแน่”

โหจื่อก้าวไปข้างหน้าและเข้าไปในห้อง

เขาขยับตัว แต่ชายสกินเฮดกลับไม่ยอมยิง

“มาสิ แกไม่ได้อยากจะระเบิดหัวฉันเหรอ” โหจื่อเอ่ยอย่างดูถูก

“ยิงสิ”

หลี่ฝางสูดลมหายใจ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ โหจื่อยังมีแก่ใจไปยุแหย่ชายสกินเฮด นั่นไม่ใช่การรนหาที่ตายหรือไง?

ชายสกินเฮด คำราม “แกคิดว่าฉันไม่กล้า?”

“แน่นอนว่าแกกล้า แกเตรียมจะฆ่าคนปิดปากแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้าอีก” โหจื่อหัวเราะ และเอ่ยหยอก “แต่น่าเสียดาย ที่ปืนในมือแกก็เป็นแค่ปืนปลอม ฆ่าใครไม่ได้”

เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น สีหน้าของชายสกินเฮดก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที

“แก..แกรู้ได้อย่างไรว่าปืนของฉันเป็นของปลอม?” ชายสกินเฮดไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง

โหจื่อส่ายหัว ไม่ตอบคำถามเขา

“พวกแกยังมัวแต่ตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่รีบเข้ามาอีก!” ชายสกินเฮด ยืนอยู่ต่อหน้าโหจื่อ และรับรู้ได้ถึงความกดดัน

แม้ว่าโหจื่อจะไม่ถือว่าสง่างาม แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็น

ชายสกินเฮดรู้สึกว่าตนเองเอาโหจื่อไม่อยู่ ดังนั้นจึงเรียกพวกพ้องของตนมาข้างๆ และเตรียมลงมือ

แต่ในเวลานั้นเอง ทันใดนั้นมุมปากของโหจื่อก็มีรอยยิ้มผุดขึ้น จากนั้น ในมือของเขาก็ปรากฏใบมีดส่องสว่างขึ้นมา

ก่อนที่ชายสกินเฮดจะได้ตอบสนอง มีดเล่มนั้นเสียบเข้าไปในท้องของเขาก่อนแล้ว

หลังจากนั้น เลือดสดๆ ก็ไหลรินออกมา

อีกสองคนก็จบลงไม่ต่างกัน ล้วนถูกแทงโดยโหจื่อ

มีดในมือของโหจื่อ มีเชิงมุมที่ดูแล้วเหมือนของที่ถูกสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ

“พวกคุณไปเถอะ ที่นี่ปล่อยมันให้ผมจัดการ”

โหจื่อเดินเข้าไปแก้เชือกให้หลี่ฝางแล้วโบกมือเอ่ย “กลับไปตามทางเดิน รถของคุณจอดอยู่ข้างทาง”

“นายขับรถของฉันมา?” หลี่ฝางถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช่”

“นายมีกุญแจที่ไหนกัน?” หลี่ฝางถามอีกครั้ง

“ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นโจร ขโมยมันทุกอย่าง เงิน โทรศัพท์มือถือ รถ และคน” โหจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าของชายสกินเฮด และพาเซี่ยลู่จากไป

เมื่อกลับไปที่รถของตน หลี่ฝางก็พบกุญแจอยู่ในนั้น

นี่ไม่ใช่กุญแจสำรองของตนหรอกหรือ? โหจื่อพบมันได้ยังไง?

ไม่มีเวลาคิดมากมายขนาดนั้นแล้ว ออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน

ทันทีที่เขาสตาร์ทรถ หลี่ฝางก็เห็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ในป่า

เดิมที่นี่เป็นจุดจบของหลี่ฝางและเซี่ยลู่ แต่ผลคือพอโหจื่อมาถึง เรื่องราวก็เปลี่ยนไปเป็นของพวกชายสกินเฮดแทน

หลี่ฝางสตาร์ทรถและตรงไปที่บาร์

เมื่อไปถึงบาร์ หลี่ฝางก็พูดกับเซี่ยลู่ในรถ “เธอรอฉันอยู่ในรถสักพัก เดี๋ยวฉันมา”

เมื่อหาลุงเฉียนเจอ หลี่ฝางก็ถามด้วยความโมโหอยู่บ้าง “ลุงเฉียน คุณรู้อยู่นานแล้วใช่ไหม?”

“รู้อะไรนานแล้ว?” ลุงเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “เรื่องนายถูกลักพาตัวไป?”

“ใช่” หลี่ฝางนึกขึ้นได้ว่า เมื่อเขาออกจากบาร์ ลุงเฉียนได้โชว์ภาพของชายสกินเฮดกับชายกักขฬะให้หลี่ฝางดู

“ตอนนั้นฉันเพิ่งพบว่าสามคนนั้นกำลังติดตามนายอย่างลับๆ แต่ฉันไม่รู้เจตนาของพวกมัน ดังนั้นหลังจากที่นายจากไป ฉันก็ขอให้โหจื่อตามไปอย่างเงียบๆ ให้เขาปกป้องนาย”

“ผลคือโหจื่อส่งข้อความมาหาฉัน บอกว่านายถูกคนทั้งสามลักพาตัวไปแล้ว” ลุงเฉียนกล่าว

“ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” หลี่ฝางโกรธอยู่บ้าง “ถ้าคุณบอกผมก่อนหน้านี้ บางทีผมอาจจะไม่ถูกลักพาตัว”

“เสี่ยวฝาง พวกเราไม่สามารถอยู่เคียงข้างนายเพื่อเตือนนายได้ตลอดเวลา นายจะต้องล้มลงเจ็บตัวเสียบ้าง แบบนี้ถึงค่อยมีความจำเกี่ยวกับมัน”

“คนเราน่ะ นายใช้ปากย้ำเตือนให้เขาระวังเป็นร้อยเป็นพันรอบ แต่เขากลับไม่ฟังเข้าไปสักนิด แต่เมื่อเจ็บตัวเข้าสักครั้ง กลับจำได้แล้ว” ลุงเฉียนพูดอย่างมีความหมาย “ตอนที่นายกำลังจากไป ฉันเตือนให้นายระหว่างทางรู้จักระมัดระวัง”

“แต่ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังติดตามนายไปอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น นายกลับไม่ค้นพบมัน” ลุงเฉียนถอนหายใจและเอ่ยด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง

“เมื่อไปถึงเมืองหลวง ฉันกับพ่อของนายล้วนไม่ได้อยู่กับนาย นายควรปรับปรุงสัญชาตญาณในการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น ฉันหวังว่าครั้งนี้ นายจะจำมันเอาไว้ให้ดี” ลุงเฉียนมีท่าทีเหมือนผู้อาวุโสที่กำลังสอนบทเรียนให้หลี่ฝาง

“คุณไม่กลัวว่าผมจะเกิดอะไรขึ้นจริงหรือไง?”

ลุงเฉียนส่ายหัว “อันที่จริง ทันทีที่นายลงจากรถ โหจื่อก็อยู่ข้างหลังนายแล้ว เป็นฉันที่ไม่ให้เขาช่วยนายทันที”

“ถ้าพวกเขาแค่เรียกค่าไถ่ และไม่คิดจะทำร้ายนาย โหจื่อก็จะไม่ปรากฏตัวออกมาเลย” ลุงเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะให้โหจื่อปล่อยพวกมันไปสักครั้ง”

“พวกมันเอาเงินไปจากผม 18 ล้าน!” หลี่ฝางเอ่ยอย่างเจ็บใจอยู่บ้าง

“ใช้เงิน 18 ล้านเพื่อซื้อบทเรียนเลือดนี้ ฉันกับพ่อของนาย ล้วนคิดว่ามันคุ้มค่า” ลุงเฉียนกล่าว

“พ่อของผมก็รู้เรื่องด้วย?”

“ฉันถามเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเหมือนกัน” ลุงเฉียนพยักหน้า

หลี่ฝางพูดไม่ออก นี่คือพ่อจริงๆ ของเขารึเปล่า?

เมื่อออกมาจากบาร์ จิตใจของหลี่ฝางก็ตกอยู่ในหมอกควัน พ่อของเขา เฝ้าดูเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ลักพาตัว แต่กลับไม่ทำอะไรเลย?

ในรถ เซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน

“หลี่ฝาง นายปกปิดตัวตอนมาโดยตลอด ใช่ไหม?” ในเวลานี้ เซี่ยลู่ก็ออกมาจากความตื่นตระหนกแล้วเช่นกัน

ผ่านพ้นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไป ตอนนี้เซี่ยลู่สรุปได้แน่ชัดแล้วว่า ตัวตนของหลี่ฝางนั้นไม่ธรรมดา

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะโกหกต่อไป

“หลี่ฝาง นายเป็นใครกันแน่?” เซี่ยลู่ถาม

“ฉันคือหลี่ฝาง จะเป็นใครได้อีก?” หลี่ฝางหัวเราะ

“ฉันคิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพอบอกฉันได้ไหม?”

“ทำไมแม้กระทั่งคนอย่างหม่าเทียน ยังต้องปฏิบัติต่อนายและพ่อของนายด้วยความเคารพ”

“ตู้เฟยแพ้ให้นายครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งครอบครัวยังแตกสลายลงไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายรึเปล่า?”

“ลูกพี่หลี่เพิ่งออกคำสั่งให้จับนาย จากนั้นก็จบชีวิตลง ฉันรู้ ลูกพี่หลี่ไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แน่ เขาถูกคนฆ่าตาย”

“ยังมีพ่อของเฉินเสี้ยว หลังจากที่หม่าเทียนพูดกับเขา เขาก็เผชิญหน้ากับพ่อของนายราวกับเจอเจ้านายของตัวเอง จากนั้นยังถึงกับคุกเข่าร้องไห้ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้ชายตัวโตคนหนึ่งคุกเข่าร้องไห้ได้ ที่แท้แล้วเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง?”

เพียงชั่วครู่ สมองของเซี่ยลู่ก็คล้ายกับกำลังรู้แจ้งขึ้นมา และพบว่าทุกอย่างผิดปกติ

หลี่ฝางหันหน้าไปเหลือบมองเซี่ยลู่ “คิดได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“อันที่จริงฉันสงสัยมานานแล้ว แต่ฉันไม่เชื่อมาตลอด ไม่เชื่อว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย แต่เพียงเรื่องทุกอย่างเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว มักจะล้วนเกี่ยวข้องกับนายตลอด ฉันพบว่าสิ่งเหล่านี้มันบังเอิญเกินไป ดังนั้นฉันจึงเริ่มสงสัยในตัวนาย”

“ที่สำคัญที่สุดคือ นายโกหกอีกแล้ว”

“ในกระท่อมเมื่อครู่นี้ นายโอนเงินไปมากกว่า 18 ล้านหยวนให้กับคนที่ลักพาตัว แต่นายบอกว่า นายขายที่ดินได้มาแค่ 3 ล้านกว่าหยวนเท่านั้น”

“บัตรของนายมีเงินมากมายได้อย่างไร?” เซี่ยลู่ตื่นเต้นเล็กน้อย เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี จะมีเงินเก็บหลายสิบล้านได้

ต่อให้เป็นพ่อของตู้เฟย ตู้ต้าไห่ ในบัตรก็แทบจะไม่มีเงินฝากจำนวนมากเช่นนี้

“นอกจากนี้ ฉันยังได้ยินพนักงานในบาร์ เรียกนายว่าบอส”

“นายเป็นบอสของบาร์นี้จริงๆ หรือ?” เซี่ยลู่ถามอย่างระมัดระวัง

หลี่ฝางหัวเราะและพูด “ในเมื่อเธอเดาได้แล้ว อย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับต่อไป”

“บาร์นี้เป็นของฉันจริงๆ และอยู่ภายใต้ชื่อของฉันด้วย” หลี่ฝางชี้ไปที่รถปอร์เช่ที่อยู่ใกล้ๆ “เห็นรถคันนั้นหรือเปล่า? มันมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านหยวน มันก็เป็นของฉันด้วย เพียงแต่ฉันให้ถังหยู่ซวนแล้ว”

“ยังมี ฉันจะบอกความลับอีกอย่างให้”

“อันที่จริงเศรษฐีลึกลับคนนั้น แต่เดิมก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อของฉัน” หลี่ฝางยิ้มให้เซี่ยลู่ “ตอนนี้เธอเสียดายขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท