บทที่ 136 เศรษฐีลึกลับคือพ่อของฉัน
หัวใจของหลี่ฝางเยียบเย็นลงอย่างกะทันหัน
“เสี่ยวชี ออกไปหากิ่งไม้แห้งมา แล้วเผามันทั้งเป็น” ชายสกินเฮด กล่าวอย่างเย็นชา “แบบนี้ ก็จะไม่มีหลักฐานเหลืออยู่แล้ว”
เสี่ยวชี ก็คือชายกักขฬะนั่น
เสี่ยวชีมองที่ชายสกินเฮด และถามขึ้น “ลูกพี่ ก่อนจะเผาพวกมัน ให้ผมได้สบายก่อนสักครั้งได้ไหม!”
พูดไป เสี่ยวชีก็หันไปมองเซี่ยลู่ตาเป็นประกาย ดูท่าจะยังไม่ยอมแพ้เรื่องเซี่ยลู่
“ตามใจ แต่อย่าใช้เวลานานเกินไป ฉันให้เวลาแกครึ่งชั่วโมง” ชายสกินเฮด กล่าว
ชายสกินเฮดพูดจบก็จากไป
แต่ทันทีที่เดินออกจากประตูไป เขากลับเห็นเงาร่างคนคนหนึ่ง
“โหจื่อ?” หลี่ฝางเมื่อเห็นโหจื่อ ก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
ชายสกินเฮด รีบหยิบปืนออกมาทันทีและชี้ไปที่หัวของโหจื่อ “อย่าขยับ ไม่งั้นฉันจะระเบิดหัวแกแน่”
โหจื่อก้าวไปข้างหน้าและเข้าไปในห้อง
เขาขยับตัว แต่ชายสกินเฮดกลับไม่ยอมยิง
“มาสิ แกไม่ได้อยากจะระเบิดหัวฉันเหรอ” โหจื่อเอ่ยอย่างดูถูก
“ยิงสิ”
หลี่ฝางสูดลมหายใจ ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ โหจื่อยังมีแก่ใจไปยุแหย่ชายสกินเฮด นั่นไม่ใช่การรนหาที่ตายหรือไง?
ชายสกินเฮด คำราม “แกคิดว่าฉันไม่กล้า?”
“แน่นอนว่าแกกล้า แกเตรียมจะฆ่าคนปิดปากแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้าอีก” โหจื่อหัวเราะ และเอ่ยหยอก “แต่น่าเสียดาย ที่ปืนในมือแกก็เป็นแค่ปืนปลอม ฆ่าใครไม่ได้”
เมื่อคำพูดนี้ดังขึ้น สีหน้าของชายสกินเฮดก็ลุกลี้ลุกลนขึ้นมาทันที
“แก..แกรู้ได้อย่างไรว่าปืนของฉันเป็นของปลอม?” ชายสกินเฮดไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
โหจื่อส่ายหัว ไม่ตอบคำถามเขา
“พวกแกยังมัวแต่ตะลึงอะไรอยู่ ยังไม่รีบเข้ามาอีก!” ชายสกินเฮด ยืนอยู่ต่อหน้าโหจื่อ และรับรู้ได้ถึงความกดดัน
แม้ว่าโหจื่อจะไม่ถือว่าสง่างาม แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความกดดันที่มองไม่เห็น
ชายสกินเฮดรู้สึกว่าตนเองเอาโหจื่อไม่อยู่ ดังนั้นจึงเรียกพวกพ้องของตนมาข้างๆ และเตรียมลงมือ
แต่ในเวลานั้นเอง ทันใดนั้นมุมปากของโหจื่อก็มีรอยยิ้มผุดขึ้น จากนั้น ในมือของเขาก็ปรากฏใบมีดส่องสว่างขึ้นมา
ก่อนที่ชายสกินเฮดจะได้ตอบสนอง มีดเล่มนั้นเสียบเข้าไปในท้องของเขาก่อนแล้ว
หลังจากนั้น เลือดสดๆ ก็ไหลรินออกมา
อีกสองคนก็จบลงไม่ต่างกัน ล้วนถูกแทงโดยโหจื่อ
มีดในมือของโหจื่อ มีเชิงมุมที่ดูแล้วเหมือนของที่ถูกสั่งทำขึ้นมาโดยเฉพาะ
“พวกคุณไปเถอะ ที่นี่ปล่อยมันให้ผมจัดการ”
โหจื่อเดินเข้าไปแก้เชือกให้หลี่ฝางแล้วโบกมือเอ่ย “กลับไปตามทางเดิน รถของคุณจอดอยู่ข้างทาง”
“นายขับรถของฉันมา?” หลี่ฝางถามด้วยความประหลาดใจ
“ใช่”
“นายมีกุญแจที่ไหนกัน?” หลี่ฝางถามอีกครั้ง
“ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าก่อนหน้านี้ผมเคยเป็นโจร ขโมยมันทุกอย่าง เงิน โทรศัพท์มือถือ รถ และคน” โหจื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หลี่ฝางหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าของชายสกินเฮด และพาเซี่ยลู่จากไป
เมื่อกลับไปที่รถของตน หลี่ฝางก็พบกุญแจอยู่ในนั้น
นี่ไม่ใช่กุญแจสำรองของตนหรอกหรือ? โหจื่อพบมันได้ยังไง?
ไม่มีเวลาคิดมากมายขนาดนั้นแล้ว ออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากัน
ทันทีที่เขาสตาร์ทรถ หลี่ฝางก็เห็นไฟไหม้ครั้งใหญ่ในป่า
เดิมที่นี่เป็นจุดจบของหลี่ฝางและเซี่ยลู่ แต่ผลคือพอโหจื่อมาถึง เรื่องราวก็เปลี่ยนไปเป็นของพวกชายสกินเฮดแทน
หลี่ฝางสตาร์ทรถและตรงไปที่บาร์
เมื่อไปถึงบาร์ หลี่ฝางก็พูดกับเซี่ยลู่ในรถ “เธอรอฉันอยู่ในรถสักพัก เดี๋ยวฉันมา”
เมื่อหาลุงเฉียนเจอ หลี่ฝางก็ถามด้วยความโมโหอยู่บ้าง “ลุงเฉียน คุณรู้อยู่นานแล้วใช่ไหม?”
“รู้อะไรนานแล้ว?” ลุงเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “เรื่องนายถูกลักพาตัวไป?”
“ใช่” หลี่ฝางนึกขึ้นได้ว่า เมื่อเขาออกจากบาร์ ลุงเฉียนได้โชว์ภาพของชายสกินเฮดกับชายกักขฬะให้หลี่ฝางดู
“ตอนนั้นฉันเพิ่งพบว่าสามคนนั้นกำลังติดตามนายอย่างลับๆ แต่ฉันไม่รู้เจตนาของพวกมัน ดังนั้นหลังจากที่นายจากไป ฉันก็ขอให้โหจื่อตามไปอย่างเงียบๆ ให้เขาปกป้องนาย”
“ผลคือโหจื่อส่งข้อความมาหาฉัน บอกว่านายถูกคนทั้งสามลักพาตัวไปแล้ว” ลุงเฉียนกล่าว
“ทำไมคุณไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” หลี่ฝางโกรธอยู่บ้าง “ถ้าคุณบอกผมก่อนหน้านี้ บางทีผมอาจจะไม่ถูกลักพาตัว”
“เสี่ยวฝาง พวกเราไม่สามารถอยู่เคียงข้างนายเพื่อเตือนนายได้ตลอดเวลา นายจะต้องล้มลงเจ็บตัวเสียบ้าง แบบนี้ถึงค่อยมีความจำเกี่ยวกับมัน”
“คนเราน่ะ นายใช้ปากย้ำเตือนให้เขาระวังเป็นร้อยเป็นพันรอบ แต่เขากลับไม่ฟังเข้าไปสักนิด แต่เมื่อเจ็บตัวเข้าสักครั้ง กลับจำได้แล้ว” ลุงเฉียนพูดอย่างมีความหมาย “ตอนที่นายกำลังจากไป ฉันเตือนให้นายระหว่างทางรู้จักระมัดระวัง”
“แต่ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังติดตามนายไปอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น นายกลับไม่ค้นพบมัน” ลุงเฉียนถอนหายใจและเอ่ยด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง
“เมื่อไปถึงเมืองหลวง ฉันกับพ่อของนายล้วนไม่ได้อยู่กับนาย นายควรปรับปรุงสัญชาตญาณในการป้องกันตัวเองให้มากขึ้น ฉันหวังว่าครั้งนี้ นายจะจำมันเอาไว้ให้ดี” ลุงเฉียนมีท่าทีเหมือนผู้อาวุโสที่กำลังสอนบทเรียนให้หลี่ฝาง
“คุณไม่กลัวว่าผมจะเกิดอะไรขึ้นจริงหรือไง?”
ลุงเฉียนส่ายหัว “อันที่จริง ทันทีที่นายลงจากรถ โหจื่อก็อยู่ข้างหลังนายแล้ว เป็นฉันที่ไม่ให้เขาช่วยนายทันที”
“ถ้าพวกเขาแค่เรียกค่าไถ่ และไม่คิดจะทำร้ายนาย โหจื่อก็จะไม่ปรากฏตัวออกมาเลย” ลุงเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันจะให้โหจื่อปล่อยพวกมันไปสักครั้ง”
“พวกมันเอาเงินไปจากผม 18 ล้าน!” หลี่ฝางเอ่ยอย่างเจ็บใจอยู่บ้าง
“ใช้เงิน 18 ล้านเพื่อซื้อบทเรียนเลือดนี้ ฉันกับพ่อของนาย ล้วนคิดว่ามันคุ้มค่า” ลุงเฉียนกล่าว
“พ่อของผมก็รู้เรื่องด้วย?”
“ฉันถามเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อเหมือนกัน” ลุงเฉียนพยักหน้า
หลี่ฝางพูดไม่ออก นี่คือพ่อจริงๆ ของเขารึเปล่า?
เมื่อออกมาจากบาร์ จิตใจของหลี่ฝางก็ตกอยู่ในหมอกควัน พ่อของเขา เฝ้าดูเขาตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ลักพาตัว แต่กลับไม่ทำอะไรเลย?
ในรถ เซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน
“หลี่ฝาง นายปกปิดตัวตอนมาโดยตลอด ใช่ไหม?” ในเวลานี้ เซี่ยลู่ก็ออกมาจากความตื่นตระหนกแล้วเช่นกัน
ผ่านพ้นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ไป ตอนนี้เซี่ยลู่สรุปได้แน่ชัดแล้วว่า ตัวตนของหลี่ฝางนั้นไม่ธรรมดา
หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้ เขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะโกหกต่อไป
“หลี่ฝาง นายเป็นใครกันแน่?” เซี่ยลู่ถาม
“ฉันคือหลี่ฝาง จะเป็นใครได้อีก?” หลี่ฝางหัวเราะ
“ฉันคิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ออกเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายพอบอกฉันได้ไหม?”
“ทำไมแม้กระทั่งคนอย่างหม่าเทียน ยังต้องปฏิบัติต่อนายและพ่อของนายด้วยความเคารพ”
“ตู้เฟยแพ้ให้นายครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งครอบครัวยังแตกสลายลงไป เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนายรึเปล่า?”
“ลูกพี่หลี่เพิ่งออกคำสั่งให้จับนาย จากนั้นก็จบชีวิตลง ฉันรู้ ลูกพี่หลี่ไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์แน่ เขาถูกคนฆ่าตาย”
“ยังมีพ่อของเฉินเสี้ยว หลังจากที่หม่าเทียนพูดกับเขา เขาก็เผชิญหน้ากับพ่อของนายราวกับเจอเจ้านายของตัวเอง จากนั้นยังถึงกับคุกเข่าร้องไห้ ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้ชายตัวโตคนหนึ่งคุกเข่าร้องไห้ได้ ที่แท้แล้วเขาต้องผ่านอะไรมาบ้าง?”
เพียงชั่วครู่ สมองของเซี่ยลู่ก็คล้ายกับกำลังรู้แจ้งขึ้นมา และพบว่าทุกอย่างผิดปกติ
หลี่ฝางหันหน้าไปเหลือบมองเซี่ยลู่ “คิดได้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“อันที่จริงฉันสงสัยมานานแล้ว แต่ฉันไม่เชื่อมาตลอด ไม่เชื่อว่าทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย แต่เพียงเรื่องทุกอย่างเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว มักจะล้วนเกี่ยวข้องกับนายตลอด ฉันพบว่าสิ่งเหล่านี้มันบังเอิญเกินไป ดังนั้นฉันจึงเริ่มสงสัยในตัวนาย”
“ที่สำคัญที่สุดคือ นายโกหกอีกแล้ว”
“ในกระท่อมเมื่อครู่นี้ นายโอนเงินไปมากกว่า 18 ล้านหยวนให้กับคนที่ลักพาตัว แต่นายบอกว่า นายขายที่ดินได้มาแค่ 3 ล้านกว่าหยวนเท่านั้น”
“บัตรของนายมีเงินมากมายได้อย่างไร?” เซี่ยลู่ตื่นเต้นเล็กน้อย เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กหนุ่มอายุ 20 ปี จะมีเงินเก็บหลายสิบล้านได้
ต่อให้เป็นพ่อของตู้เฟย ตู้ต้าไห่ ในบัตรก็แทบจะไม่มีเงินฝากจำนวนมากเช่นนี้
“นอกจากนี้ ฉันยังได้ยินพนักงานในบาร์ เรียกนายว่าบอส”
“นายเป็นบอสของบาร์นี้จริงๆ หรือ?” เซี่ยลู่ถามอย่างระมัดระวัง
หลี่ฝางหัวเราะและพูด “ในเมื่อเธอเดาได้แล้ว อย่างนั้นฉันก็ไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับต่อไป”
“บาร์นี้เป็นของฉันจริงๆ และอยู่ภายใต้ชื่อของฉันด้วย” หลี่ฝางชี้ไปที่รถปอร์เช่ที่อยู่ใกล้ๆ “เห็นรถคันนั้นหรือเปล่า? มันมีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านหยวน มันก็เป็นของฉันด้วย เพียงแต่ฉันให้ถังหยู่ซวนแล้ว”
“ยังมี ฉันจะบอกความลับอีกอย่างให้”
“อันที่จริงเศรษฐีลึกลับคนนั้น แต่เดิมก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อของฉัน” หลี่ฝางยิ้มให้เซี่ยลู่ “ตอนนี้เธอเสียดายขึ้นมาแล้วใช่ไหม?”