NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 135

ตอนที่ 135

บทที่ 135 ตัวตนถูกเปิดเผย ฆ่าคนปิดปาก

“น้อยไปแม้แต่แดงเดียว ฉันจะฆ่าแกแน่!” ชายกักขฬะกล่าวอย่างเย็นชา

แม้ว่าตอนนี้หลี่ฝางจะกลัวอย่างมาก แต่สมองของเขากลับแจ่มชัดยิ่งกว่าตอนไหนๆ

โดยทั่วไป ก่อนการลักพาตัว ผู้ลักพาตัวจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับเจ้าของเงิน เช่น เจ้าของเงินมีเงินเท่าไหร่ และสามารถให้เงินได้เท่าไหร่ จากนั้นจึงค่อยขอค่าไถ่ได้ตามสมควร

สำหรับหลี่ฝาง แม้ว่าตัวเขาจะมีมูลค่าหลายพันล้านหยวน แต่เป็นเพราะเขาซ่อนตัวอย่างมิดชิด อย่าว่าแต่โจรเรียกค่าไถเลย กระทั่งมู่เสี่ยวไป๋ยังตรวจสอบไม่เจอ

แล้วคนกลุ่มนี้ พวกมันเล็งเป้ามาที่ตนเองได้ยังไงกัน?

เอ่ยปากมาก็เป็นเงินห้าล้าน ไม่ใช่เงินก้อนเล็กๆ เลยสักนิด

หลี่ฝางรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติๆ แต่ผิดปกติที่ตรงไหน หลี่ฝางกลับคิดไม่ออก

“พี่ใหญ่ ฉันมีเงินมากขนาดนั้นที่ไหนกัน”

“รถเบนซ์G-Classคันนั้น ฉันซื้อมาโอ้อวดเท่านั้น ฉันมีเงินทั้งหมดอยู่เพียงสามล้านหยวน ซื้อรถมาก็ใช้ไปมากกว่าสองล้านหยวนแล้ว เหลือแค่เพียงหนึ่งล้านเท่านั้น” หลี่ฝางมองไปที่ผู้ลักพาตัวทั้งสามและเอ่ยถาม “ทำไม หนึ่งล้านไม่พอแบ่งกันหรือ?”

“หนึ่งล้านคนแบ่งสามคน แต่ละคนได้แค่ 300000กว่าเท่านั้น แกคิดว่าพวกเราจะยอมก่ออาชญากรรมเพื่อเงินแค่ 300000 หรือยังไง?” ชายสวมหน้ากากยิ้มเย็น

ในมือของเขาถือฝืนและเขานั่งยองๆ ลง จากนั้นจึงชี้ปากกระบอกปืนไปที่หัวของหลี่ฝางอีกครั้ง “ฉันมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ บนตัวแกคุณมีเงินมากมายอยู่”

“ต่อให้เบนซ์G-Classคันนั้นแกจะซื้อเต็มจำนวน บนตัวนายก็ยังคงมีเหลืออยู่อีกอย่างน้อยสามล้านหยวน”

“เอาอย่างนี้ พวกเราไม่ต้องการเงินห้าล้าน ขอแค่สามล้านเท่านั้น” ชายสวมหน้ากากกล่าว

“พี่ใหญ่ ไม่ได้ตกลงกันแล้วหรือว่าจะเรียกห้าล้าน? ทำไมถึงได้น้อยไปสองล้าน?” ชายกักขฬะมองชายสวมหน้ากากอย่างสงสัย

ชายสวมหน้ากากมองไปที่ชายกักขฬะและเอ่ยเสียงเบา “เจ้าโง่ ไอ้เด็กนี่ใช้เงินซื้อรถเบนซ์ไปสองล้าน ไหนเลยจะมีเงินห้าล้านมาให้พวกเรา”

“สามล้านก็ได้ พวกเราคนละหนึ่งล้าน” ชายกักขฬะนิ่งคิดและพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

หลี่ฝางคิด และเห็นด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ในบัตรของหลี่ฝาง มีอยู่กว่า 20 ล้าน

ตราบใดที่ชายสวมหน้ากากเหล่านี้ไม่ทำร้ายตัวเองและเซี่ยลู่ ให้พวกเขาไปสามล้านก็ไม่เป็นอะไร

แต่หลี่ฝางเป็นกังวลว่า หากคนสวมหน้ากากพวกนี้พูดไม่เป็นคำพูด ได้เงินแล้วบิดพลิ้วขึ้นมาจะทำอย่างไร?

“ฉันจะให้เงินแกยังไง?” หลี่ฝางถาม

“โอนเงินเข้าบัตรนี้ แกโอนมาก่อน พรุ่งนี้พอพวกเราได้รับเงินแล้ว จะปล่อยแกไปเอง” ชายสวมหน้ากากให้หมายเลขบัตรแก่หลี่ฝาง

“แต่ฉันจะเชื่อพวกแกได้ยังไง? เกิดพวกแกได้เงินขึ้นมาแล้วบิดพลิ้ว?” หลี่ฝางถาม

ชายสวมหน้ากากหัวเราะ จากนั้นจึงทิ่มปืนไปที่หน้าผากของหลี่ฝาง “ข้อแรก แกไม่มีทางเลือก”

“ข้อสอง ถ้าพวกเราจะบิดพลิ้วจริงๆ ก็คงไม่มานั่งสวมหน้ากากอยู่อย่างนี้” ชายสวมหน้ากากกล่าว

หลี่ฝางคิด ถ้าอีกฝ่ายต้องการจะบิดพลิ้วและเอาชีวิตคนขึ้นมาจริงๆ ทำไมยังต้องสวมหน้ากากอยู่อีก? มันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นนี่?

ดูเหมือนว่าชายสวมหน้ากากเหล่านี้ จะแค่ต้องการเรียกค่าไถจริงๆ

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโอนเงินออกไป

แต่ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือของหลี่ฝางก็ส่งเสียงดังเตือนขึ้นมา เป็นข้อความแจ้งการหักเงินทาง SMS

“เรียบร้อย โอนไปแล้ว” หลี่ฝางยิ้ม และหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา

“เอามันมา!” ชายสวมหน้ากากเอื้อมมือออกและเอ่ยขึ้น

“อะไร?”

“โทรศัพท์มือถือ ฉันจะดูว่าแกยังมีเงินอยู่เท่าไหร่” ชายสวมหน้ากากกล่าว

ทันใดนั้นหัวใจของหลี่ฝางก็เยียบเย็นลง ในบัตรของเขายังมีเงินอยู่มากกว่า 17 ล้านหยวน ถ้าถูกพบเข้า คงต้องโดนปล้นไปทั้งหมดแน่!

โดยไม่รอให้หลี่ฝางเห็นด้วย ชายสวมหน้ากากเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าของหลี่ฝางมาทันที

“ปลดล็อก” ชายสวมหน้ากากกล่าวอย่างเย็นชา

หลี่ฝางไม่เต็มใจอยู่บ้าง แต่ชายสวมหน้ากากก็เอ่ยขึ้นทันที “ทำไม แกอยากกินลูกปืน?”

หลี่ฝางคิดในใจ ช่างเถอะ เงินไม่มีก็แล้วไป มีชีวิตรอดก็พอ

หลี่ฝางพยายามปลอบใจตัวเองอย่างเต็มที่ เมื่อชายสวมหน้ากากเห็นตัวเลขชุดยาว ทั้งตัวก็ตื่นตะลึงไป

“เสี่ยวชี แกดูสิ นี่มันเท่าไหร่” มือของชายสวมหน้ากากสั่นเล็กน้อย เขายื่นโทรศัพท์มือถือให้ชายกักขฬะ

“ลูกพี่ เลอะเลือนหรือไง ทำไมถึงได้เรียกชื่อเล่นผมออกมา!” ชายกักขฬะโมโหอยู่บ้าง

เรียกชื่อเล่นเขาแบบนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาออกไป

“แกรีบมาดู นี่มันเท่าไหร่?” ชายสวมหน้ากากไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ และเอาข้อความโทรศัพท์มือถือไปให้ชายกักขฬะดู

“ลูกพี่ พี่เป็นอะไรไป ทำไม กระทั่งเลขก็นับไม่ได้แล้ว?” ชายกักขฬะหัวเราะเยาะ

แต่เมื่อชายกักขฬะมองลงไปที่ข้อความในโทรศัพท์มือถือ เขาเองก็มึนไปด้วยเช่นกัน

เขาคว้าโทรศัพท์มือถือจากชายสวมหน้ากากมาถือไว้ในมือและอ่านออกเสียงพึมพำ “หน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ล้าน สิบล้าน…”

“แม่เจ้า นี่มัน 17 ล้าน!” พี่ชายสกินเฮด ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น

เขากลืนน้ำลายและมองไปที่หลี่ฝางท่าทีไม่อยากเชื่อ “เจ้าเด็กอย่างแกเป็นใครกันแน่ ทำไมในบัตรถึงได้มีเงินมากมายขนาดนั้น?”

“เสี่ยวชี มีเงินกว่า 17 ล้านจริงหรือ?” เมื่อครู่ชายสวมหน้ากากยังคิดว่าตนดูผิดไป

“ผมดูไปสามรอบ เป็น 17 ล้านจริงๆ!”

“พี่ชายสกินเฮด พวกเรารวยแล้ว!” ชายกักขฬะตื่นเต้นมากจึงกอดชายสวมหน้ากาก

“พี่ชายสกินเฮด?” หลังจากได้ยิน หลี่ฝางก็นึกขึ้นได้ทันที

เสียงที่คุ้นเคยนี่มัน ก็คือชายสกินเฮดไม่ใช่หรอกหรือ?

“แกคือชายสกินเฮด?” หลี่ฝางเอ่ยออกไปตามจิตใต้สำนึก แต่ต่อมาหลี่ฝางก็นึกเสียใจ

หากตนรู้จักตัวตนของอีกฝ่าย ก็เท่ากับเป็นการคุกคามอีกฝ่ายแล้ว แบบนี้ อีกฝ่ายมีแนวโน้มที่จะเลือกฆ่าปิดปากแทน

ชายสวมหน้ากากยกแขนขึ้น และตบลงบนใบหน้าของชายกักขฬะอย่างแรง “ไอ้โง่เอ้ย แกเรียกชื่อฉันทำไม!”

ชายสวมหน้ากากกัดฟันแน่น และโมโหขึ้นมา

“พี่ พี่ก็เรียกชื่อผมนี่” ชายกักขฬะไม่พอใจเล็กน้อย

“ไอ้เฮี้ยเอ้ย!” ชายสวมหน้ากากด่าออกมาเสียงดัง และถอดผ้าคลุมศีรษะของตัวเองออก

หลังจากถอดออก หลี่ฝางก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้น ชายสกินเฮดเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองแล้ว สำหรับหลี่ฝางแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่

“เป็นแกจริงๆ” หลี่ฝางมองไปที่ใบหน้าที่คุ้นเคย ทั้งไม่คาดคิดแต่ก็ยังมีความสมเหตุสมผลอยู่ในนั้น

วันนั้นในภูเขาเหลือง ชายสกินเฮดค้นพบยอดเงินในบัตรธนาคารของหลี่ฝาง แต่เขากลับไม่ได้บอกหลี่หลง และเก็บเอาไว้เป็นความลับ

อันที่จริง ชายสกินเฮด วางแผนเอาไว้นานแล้ว เมื่อเขาหมดหวังเมื่อไหร่ก็จะมาลักพาตัวหลี่ฝาง และเรียกเงินจากบัตรของหลี่ฝางไป

ใบหน้าของชายสกินเฮด เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยม มันมองไปที่หลี่ฝางและเอ่ย “หลี่ฝาง แกช่างทำให้ฉันประหลาดใจมากจริงๆ วันนั้นบัตรของแกมีเงินเพียง 6 ล้านกว่าหยวน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่ไม่กี่วัน บัตรแกจะมีเงินเพิ่มมาอีกมากมาย”

“เอาเถอะ ฉันไม่พูดไร้สาระกับแกแล้ว เอาเงินมาให้ฉันทั้งหมด” ชายสกินเฮด กล่าวอย่างเย็นชา

“แกต้องการทั้งหมด?” หลี่ฝางถาม

“ใช่ ทั้งหมด สิบเจ็ดล้าน เอามาให้ฉัน” ในตอนนี้ สีหน้าของชายสกินเฮด เย็นชาอย่างยิ่ง

หลี่ฝางหายใจเข้าลึก “ฉันสามารถให้เงินแกได้ แต่แกจะรับประกันความปลอดภัยของฉันได้ยังไง?”

“ตอนนี้ตัวตนของแกถูกเปิดเผยไปแล้ว แกคงไม่ฆ่าฉันปิดปากใช่ไหม?” หลี่ฝางถามอย่างความระมัดระวัง

“ฉันบอกแล้ว ว่าฉันแค่อยากได้เงิน”

“ขอแค่ให้เงินฉันมาแต่โดยดี ฉันจะไปเอาชีวิตแกได้ยังไง?” ชายสกินเฮดเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางรู้สึกกระวนกระวายอยู่บ้าง เขามองไม่ออกว่าชายสกินเฮดกำลังคิดอะไรอยู่

หลี่ฝางขมวดคิ้วและเอ่ย “เงินไม่สำคัญ ให้นายทั้งหมดก็ยังได้ แต่ฉันแค่ถามว่า นายจะรับประกันความปลอดภัยฉันยังไง?”

นี่คือ 17 ล้าน ด้วยเงินจำนวนนี้ ชายสกินเฮดสามารถหลบหนีไปที่ใดก็ได้ในโลกนี้

“ไม่มีการรับประกัน”

ชายสกินเฮดยิ้มอย่างเย็นชา เขาวางปืนบนศีรษะของหลี่ฝาง “แกไม่มีทางเลือกอื่น ตอนนี้มีทางเลือกเดียวเท่านั้นตรงหน้าแก ก็คือจะต้องเชื่อฉันอย่างที่ไม่มีเงื่อนไข เชื่อว่าฉันจะปล่อยแกไปหลังจากได้เงิน”

หลี่ฝางกัดฟันแน่น ตอนนี้เขาถูกเล่นงานแล้วจริงๆ

ชายสกินเฮด พูดถูก ตอนนี้เขามีแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้น ก็คือเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข มิฉะนั้น เขาจะต้องตาย

ให้เงินไปเสียแต่โดยดี บางทีอาจมีโอกาสได้แลกชีวิตคืนมา

“เร็วเข้า ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด” ชายสกินเฮด เอ่ยเร่งอย่างโหดเหี้ยม

สีหน้าของชายสกินเฮด น่ากลัวอย่างยิ่ง ราวกับปีศาจที่บ้าคลั่ง

“ถ้าปืนลั่นไปคงไม่ดีเท่าไหร่” ชายสกินเฮด กล่าว

“ไอ้เด็กหน้าเหม็น รีบโอนเถอะ” ชายกักขฬะยืนอยู่ข้างๆ และหัวเราะเยาะ

“ได้ หวังว่าพวกแกจะรักษาคำพูด” หลี่ฝางพูดอย่างหมดหนทางและโอนเงินไปอย่างช้าๆ

หลังจากครู่หนึ่ง หลี่ฝางก็พูดขึ้น “เงินโอนไปแล้ว แกจะปล่อยพวกเราไปเมื่อไหร่”

“ปล่อยพวกแกไป?”

“แกรู้ตัวตนของฉันแล้ว อาศัยอะไรที่ฉันจะต้องปล่อยพวกแกไปด้วย?” ชายสกินเฮด กล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท