NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 141

ตอนที่ 141

บทที่ 141 นายเคยเห็นคนจนที่ขับรถเบนซ์จิ๊บด้วยเหรอ?

“ลู่ลู่ ลู่ลู่ เธออย่าทำให้แม่ตกใจนะ”

แม่ของเชี่ยลู่ รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ดึงตัวเชี่ยลู่เข้ามากอดอยู่ในอ้อมอก

“คุณนี่มันเป็นตาแก่ที่ใช้ไม่ได้เลย หากลู่ลู่เป็นอะไรไป ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว” แม่ของเชี่ยลู่แสดงสายตาดุร้ายและน่ากลัวออกมา

“ผม ผมจะโทรเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้” พ่อของเชี่ยลู่รีบล้วงโทรศัพท์อย่างลนลาน กำลังที่จะโทรเรียกรถพยาบาลนั้น

“คุณโง่หรือเปล่า จะมัวเรียกรถพยาบาลอะไร รีบไปหารถมา หากรอรถพยาบาลมา จะต้องรอถึงเมื่อไหร่!” น้ำเสียงของคุณแม่เชี่ยลู่เยือกเย็นมาก

“ใช่ ใช่ หารถ” คุณพ่อของเชี่ยลู่ที่ลนลาน ก็รีบวิ่งออกไปจากบ้านตัวเอง

คุณพ่อของเชี่ยลู่เพิ่งก้าวออกมาจากประตู ก็เห็นรถเบนซ์G-Classของหลี่ฝาง เลยวิ่งเข้าไป

ขณะนี้หลี่ฝางกำลังยุ่งเรื่องการจับฉลากของชาวบ้านอยู่ จู่ๆ พ่อของเชี่ยลู่ก็วิ่งเข้ามา คว้าแขนของหลี่ฝาง: “เสี่ยวฝาง นายช่วยลูกสาวฉันด้วย”

“ช่วยเชี่ยลู่?” หลี่ฝางอึ้งไปชั่วขณะ แล้วก็จี้ถาม: “เชี่ยลู่เป็นอะไรเหรอ?”

“ลู่ลู่กรีดข้อมือตัวเอง นายขับรถของนาย ช่วยฉันพาเธอไปส่งโรงพยาบาลหน่อย” พ่อของเชี่ยลู่กล่าวด้วยสีหน้าที่ขอร้องและรู้สึกผิด

เชี่ยลู่กรีดข้อมือ?

หลี่ฝางตกใจก่อน จากนั้นก็ถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย: “ผมทำไมต้องช่วยคุณด้วย?”

“ผมจำได้อย่างขึ้นใจ คืนนั้นคุณชี้ที่หน้าผมแล้วตักเตือนผม หากผมยังกล้าที่จะติดต่อกับเชี่ยลู่อีก ก็จะตีขาของผมให้หัก คำพูดนี้ คุณเป็นคนพูดหรือเปล่า?” สีหน้าของหลี่ฝางเข้มขรึมทันที

ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ได้ยินข่าวที่เชี่ยลู่กรีดข้อมือ ต่างก็ตกใจ

“เสี่ยวฝาง เราอย่าเพิ่งจับฉลากเลย นายรีบส่งเชี่ยลู่ไปโรงพยาบาลก่อนเถอะ”

“ใช่จ้า ช่วยชีวิตคุณสำคัญกว่า”

หลี่ฝางทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วกล่าว: “จับฉลากกันต่อเถอะ ถึงใครแล้ว?”

“เสี่ยวฝาง เรื่องจับฉลากไม่รีบ นายไปช่วยคนก่อนเถอะ” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งของหมู่บ้านได้กล่าวขึ้น

“คุณลุง ลุงไม่จับ ก็หลีกหน่อยครับ ให้ป้าหวางที่อยู่ด้านหลังมาจับ” หลี่ฝางกล่าวอย่างเย็นชา

“เจ้าเด็กคนนี้นี่…………”

“คนต่อไป” สี่หน้าของหลี่ฝางดูน่ากลัว: “ป้าหวาง ถึงป้าแล้ว”

ป้าหวางคนนี้ไม่ได้พูดจู้จี้จุกจิกได้ยื่นมือเข้าไปในกล่องจับฉลากโดยตรง

“โทรศัพท์ไอโฟนหนึ่งเครื่อง” หลี่ฝางหัวเราะ แล้วกล่าว: “ยินดีกับป้าหวางด้วยครับ”

“หลี่ฝางจ๋า ป้าก็อายุปูนนี้แล้ว ได้โทรศัพท์ไม่มีประโยชน์ ป้าสามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องซักผ้ามั้ย” ป้าหวางถามไปหนึ่งประโยค

หลี่ฝางส่ายหัว แล้วกล่าว: “ไม่ได้ครับ”

สีหน้าของป้าหวางผิดหวังเล็กน้อย

หลี่ฝางยิ้มๆ แล้วกล่าว ป้าหวาง: “โทรศัพท์เครื่องนี้หมื่นกว่าหยวนเลยนะ เครื่องซักผ้าแค่สามพันกว่าหยวนเอง ป้าก็ขาดทุนละสิ?”

หลี่ฝางหยิบเงินให้ป้าหวางหนึ่งปึก: “ป้าหวาง โทรศัพท์ที่ป้าจับได้ ผมซื้อละกัน”

“ขอบใจ ขอบใจ เสี่ยวฝางเนี่ยนะ เป็นเด็กที่ดีจริงๆ เลย ไม่เสียแรงที่ป้าเอ็นดูตั้งแต่เด็ก” ป้าหวางกล่าวอย่างมีดีใจ

“เด็กดงเด็กดีอะไรกัน ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? ตอนเด็กๆ ลุงเซี่ยของนายดีกับนายแค่ไหน ทำไมไม่รู้จักสำนึกบุญคุณเลย?” ผู้อาวุโสที่ถูกหลี่ฝางยกเลิกสิทธิ์ในการจับฉลากเมื่อกี้ได้ด่าขึ้น

“ตอนเด็กลุงเซี่ยดีกับผม แล้วพ่อผมไม่ดีกับเชี่ยลู่เหรอ?”

หลี่ฝางกล่าวอย่างเรียบเฉย: “ผมไม่เคยติดหนี้อะไรลุงเซี่ย แต่เป็นลุงเซี่ยต่างหาก ตอนที่พ่อแม่ผมหายตัวไป เคยให้ข้าวสักเม็ดกับผมมั้ย?”

“หากพูดถึงเรื่องแล้งน้ำใจ ผมยังห่างไกลลุงเซี่ยมากนัก”

“ก่อนที่พ่อแม่ผมจะหายตัวไป ลุงเซี่ยเป็นฝ่ายมาขอ ให้ผมกับเชี่ยลู่หมั้นหมายกันแต่เด็ก แต่หลังจากที่พ่อผมหายตัวไป คนที่เสียใจก็เป็นเขาอีก”

“สำหรับคนที่ไม่มีน้ำใจ ไม่มีสัจจะ ผมทำไมจะต้องยื่นมือเข้าไปช่วย?”

หลี่ฝางมองหน้าพ่อเชี่ยลู่ กล่าวอย่างเยือกเย็น: “อย่ามาพูดกับผมเลยว่าการช่วยชีวิตคนนั้นได้บุญมากกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นอะไรพวกนี้” ผมไม่ใช่พระโพธิสัตว์ ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น

หลี่ฝางกล่าวอย่างเย็นชา: “จับฉลากกันต่อ”

ขณะนี้ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกแล้ว ใครที่พูดมาก ก็ไม่ต้องจับฉลากแล้ว

ถึงอย่างไรยังมีรางวัลรถเก๋งคันหนึ่งที่ยังไม่โดนจับไป

“เสี่ยวฝาง ถือว่าลุงขอร้องนายละ ต้องทำยังไงนายถึงจะยอมช่วย?” สีหน้าของพ่อเชี่ยลู่ปรากฏด้วยความหมดหวัง

“ไม่ว่ายังไง คุณก็เป็นผู้อาวุโส หากผมให้คุณคุกเข่าขอโทษ มันไม่เหมาะสมอย่างแน่นอน”

หลี่ฝางยิ้มๆ มองไปที่หน้าของพ่อเชี่ยลู่: “เอางี้ คุณไปคุกเข่าขอขมาพ่อของผม ก็แล้วกัน”

“อะไรนะ เสี่ยวฝาง………นาย………..”

สีหน้าของพ่อเชี่ยลู่นั้นเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้เลย: “อายุนายก็ยังน้อยๆ อยู่ ทำไมความคิดถึงได้เลวขนาดนี้ละ”

หากให้พ่อของเชี่ยลู่ต้องคุกเข่าให้กับหลี่ต๋าคางต่อหน้าชาวบ้านทั้งหมด สำหรับพ่อของเชี่ยลู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่น่าอัปยศและอับอาย

หลี่ฝางยิ้มๆ แล้วกล่าว: “มา พวกเรามาจับฉลากกันต่อ”

“รางวัลใหญ่ยังไม่ออกเลย”

พ่อของเชี่ยลู่กัดฟัน แล้วกล่าว: “ได้ เพื่อช่วยชีวิตของลูกสาว ฉันยอมคุกเข่า!”

“หลี่ต๋าคาง ฉันจะคุกเข่าคำนับนาย” พ่อของเชี่ยลู่หันไปที่หลี่ต๋าคาง แล้วก็คุกเข่าลงไป

จากนั้น เขาก็ลุกขึ้นมองหลี่ฝาง แล้วกล่าว: “เสี่ยวฝาง ตอนนี้นายสามารถไปช่วยลูกสาวลุงได้แล้วใช่มั้ย”

“ผมพูดแล้ว คุกเข่าขอโทษ แต่ว่าคุณแค่คุกเข่า ยังไม่ได้ขอโทษเลย” หลี่ฝางกล่าวอย่างเย็นชา

“ฟังให้ดี คุกเข่าแล้วขอโทษถึงจะนับ” หลี่ฝางกล่าวเสริมไปหนึ่งประโยค

“ฉันทำไมต้องขอโทษด้วย? ให้ฉันขอโทษเรื่องอะไรเหรอ?” พ่อของเชี่ยลู่ได้ถามขึ้น

“ก่อนที่พ่อผมจะไปนั้น ได้ไหว้วานคุณใช่มั้ย ว่าให้คุณช่วยดูแลผม อนาคตถ้าเขากลับมา จะมาตอบแทนคุณ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วถาม: “สามปีที่แล้ว พ่อผมฝากผมไว้กับคุณนั้น ผมจำได้ว่าคุณได้รับปากไปแล้วนะ!”

“แต่ว่า พ่อผมไปแล้ว คุณก็ไม่ทำตามสัญญาเลย”

“ผมจำได้ว่าปีนั้นหิมะตกหนักมาก ผมไปเคาะประตูบ้านคุณ อยากเข้าไปกินอาหารอุ่นๆ ที่บ้านคุณสักคำ คุณยังจำได้มั้ยว่าคุณทำกับผมยังไง?”

ทันใดนั้นสีหน้าของหลี่ฝางก็มืดมนลงไปมาก: “ตอนนั้นผมเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง แม่งจิตใจคุณมันทำด้วยอะไรกันแน่!”

พ่อของเชี่ยลู่อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จึงได้คุกเข่าคำนับหลี่ต๋าคาง แล้วกล่าวขอโทษ

“ต๋าคาง ฉันมันไม่ดี ฉันมันไม่ใช่คน ตอนนั้นฉันได้ยินว่านายหนีไปแล้ว คงไม่กลับมาอีก สัญญาที่ให้ไว้กับนาย ฉันก็เลยละเลยมันไป!”

“ฉันก็มีปัญหาหนักใจของฉันนะ ฐานะของฉันเป็นยังไง ทุกคนก็รู้กันดี หากฉันรับเสี่ยวฝางเอาไว้ ก็ต้องเลี้ยงดูเขาทั้งชีวิต ฉันมีปัญญาเลี้ยงมั้ย?”

เวลานี้ แม่ของเชี่ยลู่ได้อุ้มเชี่ยลู่วิ่งเข้ามาในบ้านหลี่ฝาง

“ผู้ใหญ่บ้าน เรื่องจับฉลาก มอบให้คุณจัดการต่อ” หลี่ฝางเห็นเชี่ยลู่ที่ไม่รู้สึกตัว จึงได้ไปเปิดประตูรถอย่างร้อนรน แล้วอุ้มเธอเข้าไปในรถ

โรงพยาบาลห่างจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก ไม่ถึงห้านาที หลี่ฝางก็ได้ขับรถมาถึงประตูโรงพยาบาลแล้ว

“ตาแก่ หากเชี่ยลู่เป็นอะไรไปละก็ ฉันจะเอามีดสับคุณก่อน จากนั้นค่อยแขวนคอตาย” นั่งอยู่หน้าห้องคนไข้ในโรงพยาบาล แม่ของเชี่ยลู่ได้พูดข่มขู่ไปอีกประโยคหนึ่ง

หลี่ฝางมองไปที่ข้อมือของเชี่ยลู่แวบหนึ่ง ส่ายหัวแล้วเดินจากไป

การกรีดข้อมือมีหลายแบบ หากกรีดโดนหลอดเลือดแดง เลือดก็จะพุ่งออกมา ไม่เกินห้านาที คนก็จะตาย

อีกอย่าง ต่อให้กรีดโดนหลอดเลือดดำแล้ว หลอดเลือดดำ เลือดจะไหลช้ามาก เวลาครึ่งชั่วโมงก็ไม่ตาย แต่เพราะสูญเสียเลือดมาก จึงทำให้สลบ

หลี่ฝางหัวเราะในใจ ผู้หญิงที่โลภและชอบวัตถุนิยมคนหนึ่ง จะสามารถฆ่าตัวตายง่ายๆ แบบนี้เหรอ?

หลี่ฝางฟันธง เชี่ยลู่เพียงแค่อยากที่จะขู่ให้พ่อแม่ของเธอตกใจ

หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล หลี่ฝางก็ไปหาถังหยู่ซวน

ตอนที่เจอถังหยู่ซวนนั้น โจวเจ๋และจางเชี่ยนก็อยู่ตรงนั้นด้วย

โจวเจ๋เห็นหลี่ฝาง สีหน้าก็ดูไม่มีความสุข: “พี่ถัง พี่อย่าบอกผมนะ คนที่พี่รอ ก็คือหลี่ฝาง!”

“ใช่ ก็คือเขา ทำไมเหรอ?” ถังหยู่ซวนพยักหน้า แล้วกล่าว

“พี่ถัง ผมบอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอ งานเลี้ยงสังสรรค์ครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงของลูกคนรวย อย่างหลี่ฝางใช่ลูกคนรวยที่ไหนกันละ? เขามันคนโคตรจนคนหนึ่ง” โจวเจ๋กล่าวอย่างดูถูก

พอดีเวลานี้ หลี่ฝางเดินเข้ามา ได้ยินโจวเจ๋กำลังพูดถึงเขา

หลี่ฝางยิ้มๆ แล้วมองโจวเจ๋: “นายเคยเห็นคนจนขับรถเบนซ์จิ๊บด้วยเหรอ?”

คำพูดเพียงหนึ่งประโยคของหลี่ฝาง ก็ทำเอาโจวเจ๋พูดไม่ออก

สามารถมีรถเบนซ์จิ๊บขับ จะเป็นคนจนได้อย่างไร?

สีหน้าของถังหยู่ซวนดูแย่เล็กน้อย ข้อแรก หลี่ฝางเป็นน้องชายของตัวเอง ข้อที่สอง หลี่ฝางนั้นเป็นลูกคนรวยจริงๆ ฐานะของตัวเขาเอง ยังเป็นหลี่ฝางที่เป็นคนมอบให้

ดังนั้นถังหยู่ซวนมองโจวเจ๋ แล้วพูดเยาะเย้ยอย่างเย็นชา: “โจวเจ๋ ในสายตาของฉัน นายก็เป็นเพียงคนจนคนหนึ่งเท่านั้น เข้าใจมั้ย?”

สีหน้าของโจวเจ๋ ก็จมดิ่งลงไปทันที

หากว่าคนอื่นเป็นคนพูดคำพูดนี้ โจวเจ๋ต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน แต่ว่าคำพูดประโยคนี้ได้ออกมาจากปากของถังหยู่ซวน โจวเจ๋ก็เลยไม่กล้าที่จะพูดแม้แต่คำเดียว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท