NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 138

ตอนที่ 138

บทที่ 138 หลี่ฝางถูกจี้ใจดำ

บทสนทนาระหว่างแม่ของเซี่ยลู่และเซี่ยลู่เมื่อครู่นี้ หลี่ฝางได้ยินมันอย่างชัดเจนขณะอยู่ในรถ

“ลู่ลู่ ทำไมในรถถึงเป็นหลี่ฝางล่ะ ไม่ใช่เป็นแฟนลูกหรือ?” อยู่พริบตา แม่ของเซี่ยลู่ก็หันหน้าไปถามเธอด้วยความโมโห

“แม่ เมื่อกี้ฉันก็บอกแล้ว ว่าในรถไม่ใช่แฟนฉัน” เซี่ยลู่ตอบด้วยเสียงเบา

“เด็กสมควรตาย ใครใช้ให้แกไปมาหาสู่กับลูกชายของหลี่ต๋าคาง แถมยังนั่งรถเขากลับมาอีก อยากโดนดีใช่ไหม?” สีหน้าของพ่อของเซี่ยลู่เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายขึ้นมาทันที

แม่ของเซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางอย่างสงสัย “เสี่ยวฝาง นายยืมรถของเพื่อนมาใช่ไหม?”

หลี่ฝางส่ายหัว “นี่เป็นรถของผม ผมซื้อมา”

“นายซื้อมา? นายเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อได้!” แม่ของเซี่ยลู่ดูไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด

พ่อของเซี่ยลู่เอ่ยเยาะ “นี่คือรถเน่าๆ คันหนึ่ง ลองดูไปหน้าสิ เสียไปแล้วข้างหนึ่ง ยังมีรูปร่างของมันอีก ดูต่างกับรถแทรกเตอร์ตรงไหน? ฉันว่า นี่คงเป็นรถมือสอง ส่วนเรื่องโลโก้ ก็คงแปะโลโก้เข้าไปเองล่ะสิ”

“เด็กสมัยนี้น้า ชอบโอ้อวด ซื้อรถผุพังมือสองมาแล้วยังแปะโลโก้รถเบนซ์เข้าไป” พ่อของเซี่ยลู่หัวเราะเยาะ

“เมื่อไม่นานมานี้ฉันยังเพิ่งเห็นข่าว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแอบขายไตตัวเองเพื่อซื้อโทรศัพท์มือถือไอโฟน”

พ่อของเซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางและถามว่า “เสี่ยวฝาง นายคงไม่ได้ขายไตของเพื่อซื้อรถผุพังคันนี้ใช่ไหม?”

“พ่อ พ่อหยุดพูดจะได้ไหม?” เซี่ยลู่พูดอย่างไม่ชอบใจ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย

นี่เป็นรถเบนซ์G-Classคันใหญ่ มูลค่ามากกว่าสองล้านหยวน พ่อของเซี่ยลู่ ถึงกับกล้าเปรียบเทียบรถหรูสองล้านหยวนกับรถแทรกเตอร์ในหมู่บ้าน!

ขายไตเพื่อซื้อเบนซ์G-Classตัวใหญ่ ไตของใครจะมีค่าขนาดนั้น?

เซี่ยลู่ทนฟังต่อไปไม่ไหว พ่อของเธอ ทำให้เธออับอายเกินไป แม้แต่รถเบนซ์G-Classก็ยังไม่รู้ยัง แถมยังบอกว่าหลี่ฝางเอาโลโก้แปะเข้าไปเอง

พ่อของเซี่ยลู่ถลึงตาใส่ลูกสาวของตน “ฉันพูดอะไร? คนหนุ่มสาวสมัยนี้ เพื่อให้ได้โอ้อวดมีหน้ามีตา อะไรก็ทำได้ลงทั้งนั้น”

“หน้าตามีค่าขนาดนั้นเลยหรือไง? ยิ่งไปกว่านั้น ซื้อรถผุพังคันนี้ก็มีหน้ามีตาแล้วหรือไง? มีเงิน ก็เอาไปคลุมบ้านเก่าๆ ของนายยังจะดีกว่า ลองดูบ้านของพวกเขาเสียบ้าง ซอมซ่อไปถึงไหนแล้ว?” พ่อของเซี่ยลู่มองไปที่หลี่ฝางและพูดดูถูกถากถาง “พ่อเป็นแบบไหน ลูกชายก็เป็นแบบนั้นจริงๆ”

“หลี่ต๋าคางนั่นก็ดูไม่น่าเชื่อ หายตัวไปสามปี ที่แท้กลับไปทำงานแชร์ลูกโซ่…” พ่อของเซี่ยลู่ถอนหายใจ “คนพ่อไปทำหลี่ต๋าคางลูกชายขายไตเพื่อซื้อรถ ช่างเป็นคู่พ่อลูกที่สมกันจริงๆ”

หลี่ฝางขมวดคิ้วเล็กน้อย และโมโหอยู่บ้าง นี่ยังไม่จบไม่สิ้นอีก!

ในตอนนี้ ใบหน้าของเซี่ยลู่อับอายมากจนเธอแทบอยากจะมุดลงดินไป

“พ่อ หลี่ฝางไม่ได้ขายไตซื้อรถนะ” เซี่ยลู่รีบเอ่ยอธิบาย

“ไม่ได้ขายไต?” พ่อของเซี่ยลู่นิ่งไปสักพัก จากนั้นจึงพูดว่า “อย่างนั้นก็ขโมย ไม่งั้นก็โกงมา!”

สรุปก็คือ ให้ตายยังไงพ่อของเซี่ยลู่ก็ไม่ชื่อว่าหลี่ฝางจะซื้อรถด้วยเงินของเขาเองได้

เซี่ยลู่ยิ่งหมดคำพูด “พ่อ ไม่ต้องพูดแล้ว พวกเรากลับห้องกันเถอะ?”

กว่าพ่อของเซี่ยลู่จะหยุดคำพูดลงได้ก็ไม่ง่ายเลย แต่แม่ของเธอกลับเดินเข้ามาแล้วเอ่ยกับหลี่ฝาง “เสี่ยวฝาง ฉันรู้ว่านายชอบลู่ลู่ของเรา แต่นายต้องดูเงื่อนไขของนายเองบ้าง นายคิดว่านายซื้อรถผุพังคันนี้มา ก็สามารถคู่ควรกับลู่ลู่ของพวกเราได้แล้วหรือ?”

แม่ของเซี่ยลู่ขอให้หลี่ฝางก้มลงดูเงาตัวเองในน้ำเสียบ้าง

“ลู่ลู่ของเราหน้าตาดีขนาดนี้ เรียนก็เก่ง ต่อไปถ้าจะแต่งงาน ก็ต้องแต่งกับมังกรในหมู่ผู้คนเท่านั้น”

“อ้อใช่ เสี่ยวฝาง ได้ยินมาว่าครั้งนี้นายสอบได้แค่ 400 คะแนน… 400 คะแนน จะไปเข้ามหาวิทยาลัยอะไรได้”

“เซี่ยลู่ของเรา สอบได้ตั้งมากกว่า 600 คะแนน เธอได้รับการตอบรับเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยดังแล้วด้วย”

“เสี่ยวฝาง ฉันแนะนำนายสักคำ จากนี้ไปอยู่ให้ห่างจากลู่ลู่ของเราสักหน่อย พวกเราไม่ใช่คนในโลกเดียวกันอีกต่อไป” แม่ของเซี่ยลู่เอ่ยอย่างเหยียดหยาม

“ใช่ อยู่ให้ห่างจากลู่ลู่ของเราหน่อย” พ่อของเซี่ยลู่เอ่ยเสียงดัง

“ลู่ลู่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าได้ติดต่อกับเสี่ยวฝางอีก ได้ยินไหม?” พ่อของเซี่ยลู่มองไปที่ลูกสาวของตนและเอ่ยอย่างเข้มงวด

“ฉันถามเธอ ได้ยินฉันไหม?” พ่อของเซี่ยลู่เห็นเธอไม่ตอบจึงเอ่ยย้ำเสียงเข้มอีกครั้ง

“พ่อ พวกคุณอาศัยอะไรมาห้ามฉันไม่ให้เป็นเพื่อนกับหลี่ฝาง?” เซี่ยลู่แทบจะอยากร้องไห้ เธอเพิ่งตัดสินใจที่จะทำให้หลี่ฝางกลับมาตกหลุมรักเธออีกครั้ง แต่พ่อแม่ของเธอ กลับร่วมกันกีดกันและเยาะเย้ยหลี่ฝาง

“แก…แกกล้าไม่ฟังฉัน!” เมื่อพ่อของเซี่ยลู่ได้ยินคำตอบของลูกสาว เขาก็เบิ่งตาโตด้วยความโมโหขึ้นมาทันที

“พ่อ ฉันอายุตั้งเท่าไหร่แล้ว อาศัยอะไรให้พวกคุณมายุ่งเรื่องการคบเพื่อนของฉัน? อาศัยอะไรกัน” เซี่ยลู่ยังคงโต้แย้ง

พ่อของเซี่ยลู่อ้าปากค้าง จากนั้นจึงเหยียดแขนออกและตบลงบนใบหน้าลูกสาวตน

แม่ของเซี่ยลู่กอดลูกสาวของเธอเอาไว้อย่างสงสาร “คุณทำอะไรน่ะ ตีลู่ลู่ทำไม”

“ลู่ลู่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของคุณเอง ถ้าคุณมีความสามารถ คุณก็ไปตีเสี่ยวฝางซะสิ!”

หลังจากฟังคำพูดของภรรยา พ่อของเซี่ยลู่ก็เดินไปหาหลี่ฝางจริงๆ “เด็กหน้าเหม็น ฉันไม่สนใจว่านายจะใช้ไม้ไหนมาทำให้ลูกสาวฉันหลงกล แต่แกจงฟังฉันให้ดี จากนี้ไปถ้าแกกล้าติดต่อลูกสาวฉันอีก ฉันจะหักขาแก!”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

หลี่ฝางยิ้มเหยียด จากนั้นจึงเหยียบคันเร่งและจากไป

ใบหน้าของบ้านนี้ หลี่ฝางเห็นมามากพอแล้ว

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หลี่ฝางก็นั่งลงบนโซฟาด้วยความโกรธ

“เป็นอะไรไปลูก” เมี๋ยวชุ่ยเห็นสีหน้าของหลี่ฝางผิดปกติอยู่บ้าง ดังนั้นจึงเดินเข้ามาถาม

หลี่ฝางไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แต่กลับบอกว่า “แม่ ผมอยากจัดงานเลี้ยงศึกษาต่อ”

เมี๋ยวชุ่ยหัวเราะหึหึ “ลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัย งานเลี้ยงศึกษาต่อยังไงก็ต้องจัดอยู่แล้ว”

หลี่ฝางเอ่ยอีก “แม่ ความหมายของผมคือผมอยากจัดงานเลี้ยงศึกษาต่อให้ใหญ่โตและยิ่งใหญ่ขึ้นอีกหน่อย”

“ลูกคิดจะจัดยังไง?” เมี๋ยวชุ่ยรู้สึกไม่มีปัญหาอะไร ยังไงเสียที่บ้านก็ไม่ได้ขาดแคลนเงิน อยากจะจัดใหญ่แค่ไหนก็แค่นั้น

หลี่ฝางลังเลไปครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “แม่ ผมค่อยบอกแม่พรุ่งนี้ วันนี้ผมไปคิดให้ดีก่อน”

“ได้” เมี๋ยวชุ่ยพยักหน้า

หลี่ฝางกลับไปที่ห้องของตน จากนั้นจึงเริ่มวางแผนสำหรับงานเลี้ยงการศึกษาต่อของเขา

เมี๋ยวชุ่ยมาตรงหน้าของหลี่ต๋าคางและส่ายหัวถาม “วันนี้เสี่ยวฝางเป็นอะไรไป เขาไม่ได้ชอบทำตัวติดดินหรอกหรือ? ทำไมจู่ๆ อยากจะจัดงานเลี้ยงศึกษาต่อขึ้นมา แถมยังจะจัดให้ใหญ่โตอีกด้วย?”

“ต้องโดนจี้ใจอะไรมาแน่” หลี่ต๋าคางมองความคิดของหลี่ฝางได้อย่างรวดเร็ว

“ปล่อยให้เขาทำไปตามใจเถอะ พวกเราติดค้างเขา เขาอยากจัดก็ให้จัดเถอะ” หลี่ต๋าคางนึกถึงเรื่องที่เขาหายตัวไปเป็นเวลาสามปี ทำให้หลี่ฝางต้องทนทุกข์มามากมาย ความรู้สึกผิดในใจก็ผุดขึ้นมา

“อ้อใช่ ที่เมืองเอกจัดการปักหลักเรียบร้อยแล้วหรือยัง?” เมี๋ยวชุ่ยถาม

“วางใจเถอะ จัดการเรียบร้อยแล้ว ยังเหมือนเดิม ถ้าเสี่ยวฝางสามารถจัดการเองได้ ฉันจะไม่สอดมือเข้าไปยุ่ง ฉันไม่สอดมือเข้าไป เขาจัดการไม่ได้ ฉันค่อยยื่นมือเข้าไปจัดการ”

หลี่ต๋าคางเอ่ยอย่างดูถูก “ก็แค่เมืองเอกของจังหวัดเล็กๆ เท่านั้น จะก่อคลื่นลูกใหญ่อะไรได้?”

ต่อมาหลังจากที่หลี่ฝางไปเมืองเอกของจังหวัด กลับมีคลื่นลูกใหญ่อยู่ไม่น้อย และหลายครั้งที่อยู่เหนือการควบคุมของหลี่ต๋าคาง

แน่นอนว่า ทั้งหมดคือเรื่องในอนาคต

หลังจากที่หลี่ฝางกลับไปที่ห้อง เขาก็ใช่เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ถึงเตรียมงานเลี้ยงศึกษาต่อของตนเสร็จ

ในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลี่ฝางยังไม่ได้ทานแม้กระทั่งอาหารเช้า เขาก็ขับรถ เบนซ์G-Classออกไปแล้ว

เมื่อผ่านบ้านของเซี่ยลู่ เซี่ยลู่ก็เพิ่งออกมาก็เดินเข้ามาทางรถของหลี่ฝางและเอ่ยตะโกน “หลี่ฝาง นายจะไปไหน? ช่วยพาฉันไปด้วยได้ไหม”

หลี่ฝางไม่แม้แต่จะฟัง เขาแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

หลี่ฝางขับรถตรงไปที่บาร์ และหาลุงเฉียน

“ลุงเฉียน ที่บาร์มีเงินในบัญชีเท่าไหร่?” หลี่ฝางถาม

“ไม่กี่วันนี้ได้มาสามล้าน” ลุงเฉียนรู้ว่าหลี่ฝางไม่มีเงิน ดังนั้นจึงให้เงินทั้งหมดแก่เขา

แต่เงินสดก็มีมูลค่ามากกว่าสองล้าน

หลี่ฝางยังคงตะลึงอยู่บ้าง แค่ไม่กี่วัน กลับทำเงินได้อีกหลายล้านแล้ว?

“ลุงเฉียน ทำไมถึงได้เยอะขนาดนั้น? ไม่จำเป็นต้องนำเข้าอะไรเลยหรือ?” หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

“นำเข้าอะไร? พวกเรามีโรงกลั่นเหล้าของตัวเอง เหล้าส่วนใหญ่ที่นี่ ล้วนเอามาจากโรงกลั่นเหล้าของเราเอง ที่ดินก็ของเราเอง ไม่ได้เช่ามา ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเราขายได้เท่าไหร่ก็ได้เงินเท่านั้น” ลุงเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางรู้สึกตะลึงอยู่บ้าง “พวกเรามีโรงกลั่นเหล้าด้วย?”

“ทำไม พ่อของนายไม่ได้บอกนายหรือ?” เฉียนถาม

หลี่ฝางส่ายหัวและพูดว่า “ไม่มี”

“สงสัยจะขี้เกียจบอกนาย ยังไงเสียโรงกลั่นพวกนั้นก็ไม่ได้มีมูลค่าอะไรมากนัก” ลุงเฉียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท