NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 145

ตอนที่ 145

บทที่ 145 พบเห็นตู้เฟยอีกครั้ง

จี้หยกหลายสิบล้าน ให้กันง่ายๆ แบบนี้เลย………

ภายในใจของสวีเถิงเฟย เวลานี้มีคลื่นยักษ์ลูกใหญ่

สวีเถิงเฟยหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรออกไปยังหมายเลขหนึ่ง: “คุณลุงครับ ผมอยากให้ลุงช่วยสืบประวัติคนคนหนึ่ง เขาเป็นคนตงไห่ ชื่อหลี่ฝาง จบจากมัธยมตงไห่ ใช่ ผมอยากได้ข้อมูลที่ละเอียดของเขา ยิ่งละเอียดยิ่งดี…….”

สวีเถิงเฟยสงสัยฐานะของหลี่ฝางแล้ว เขาเชื่อว่า ฐานะของหลี่ฝาง ต้องไม่ธรรมดาอย่างที่ส้งเสียงและโจวเจ๋พูด

ตรงพื้นที่ขนมเค้กขนมหวาน ไม่ค่อยมีคนเข้ามา……..

ผู้หญิงกลัวอ้วน พวกเธอต้องรักษารูปร่างกัน ดังนั้นจึงปฏิเสธของหวาน และผู้ชาย ยิ่งไม่ชอบใหญ่เลย

ข้างในวิลล่ามีสาวสาวสวยไฮโซตั้งมากมาย น้อยมากที่หน้าตาจะไม่ดี ส่วนใหญ่เป็นสาวสวยอันดับต้นๆ

อีกอย่างไฮโซสาวสวยกลุ่มนี้ เข้าใจการคบค้าสมาคมเป็นอย่างดี ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของเหล่าคนรวย ก็แค่ทักทายกันง่ายๆ พยักหน้าให้กัน ไม่มีทางที่จะไปสนิทสนมใกล้ชิดกับคุณชายเหล่านั้น

ยังไงก็แล้วแต่หลี่ฝางก็ยังคงชอบลู่หลุ่ยที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า จริงใจ เรียบง่าย ไม่มีความอิจฉา…….

ในเวลานี้ หลี่ฝางเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยเดินผ่านสายตาตัวเอง

“ตู้เฟย?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว มองไปที่ศัตรูเก่าคนนี้

หลี่ฝางคิดในใจ ตาแก่อย่างตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว ตู้เฟยยังมีสิทธิ์มาร่วมงานแบบนี้อีกเหรอ?

ตู้เฟยเดินไปตรงหน้าของโจวเจ๋และส้งเสียง ทักทายพวกเขา

“ตู้เฟย นายมาได้ไง?” โจวเจ๋เห็นตู้เฟย ก็สงสัยเหมือนกัน

“ตู้เฟย เงินที่พ่อนางติดหนี้บ้านฉัน จะคืนเมื่อไหร่เหรอ?” ส้งเสียงถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

ก่อนที่ตู้ต้าไห่ล้มละลาย ได้ยืมเงินกับพ่อของส้งเสียงส้งกงหมิงยี่สิบกว่าล้าน และเงินยี่สิบกว่าล้านนี้ ตระกูลส้งกำลังเครียดที่ไม่รู้จะไปทวงกับใคร

อย่างที่ว่ากันหนี้ของพ่อลูกต้องชดใช้แทน ส้งเสียงเห็นตู้เฟยที่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงไฮโซอย่างสดใส ไม่มีทางที่จะปล่อยเขาไปง่ายๆ อย่างแน่นอน

“ส้งเสียง เงินนั่นเป็นเงินที่พ่อฉันยืมกับพ่อนาย หนี้ก้อนนี้ เป็นเรื่องของคนรุ่นก่อน นายไม่ต้องมาทวงที่ฉัน” ตู้เฟยตอบกลับมาเฉยชา เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจะชดใช้

“พี่เสียง พี่ก็อยากไปบีบตู้เฟยมันอีกเลย บ้านตู้เฟยเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จะเอาเงินที่ไหนมาใช้พี่ละ?” โจวเจ๋พูดเสริม

ส้งเสียงถลึงตาใส่โจวเจ๋: “โจวเจ๋ บ้านนายนี้ฉลาดน้อ”

“ฉันว่าบ้านของนายมีญาณทิพย์หรือเปล่า……..” ส้งเสียงขมวดคิ้ว พูดอย่างสงสัย: “ฉันได้ยินมาว่าก่อนที่ตระกูลตู้จะเกิดเรื่องหนึ่งวัน จู่ๆ พ่อนายก็ไปหาตู้ต้าไห่ ได้ทวงเงินลงทุนทั้งหมดกลับมา โดยไม่กลัวที่ทั้งสองตระกูลจะผิดใจกัน”

ส้งเสียงพูดจบ สายตาของตู้เฟยก็ได้จ้องมองไปที่โจวเจ๋ แววตาเต็มไปด้วยความเป็นศัตรู

การกระทำของตระกูลโจวในวันนั้น ผิดปกติไม่น้อย ตอนนั้นนักลงทุนทุกคนในตงไห่ ทุกคนล้วนอยากที่จะเอาเงินส่งมอบให้กับมือของตู้ต้าไห่ ช่วยเขาลงทุน แต่ตระกูลโจวละ จู่ๆ ก็เปลี่ยนใจ ได้ไปขอเงินที่เอาไปให้ตระกูลตู้ลงทุนกลับมาทั้งหมด!

ถึงขั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลเกิดรอยร้าว………

ตู้เฟยจ้องมองโจวเจ๋ อย่างต้องการคำตอบ

โจวเจ๋ตอบแบบขอไปที: “ตอนนั้นเงินทุนของตระกูลโจวมีปัญหา”

ส้งเสียงยิ้มอย่างมีเลศนัย: “บริษัทมีเดียของนาย ก็ราบรื่นดี ทำไมถึงเกิดปัญหาได้ละ?”

“ด้านลุงโจวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ธุรกิจที่ท่านทำนั้นมีแต่ได้กำไล แล้วจะเกิดปัญหาด้านการเงินได้อย่างไร?” ส้งเสียงกล่าว

สีหน้าของตู้เฟยนั้นมืดมนทันที: “พี่เจ๋ พี่บอกผมมาตามตรง พี่ได้รับพวกข่าวสารอะไรมาล่วงหน้าใช่มั้ย?”

สีหน้าของโจวเจ๋อึดอัดมาก เวลานี้ ก็เห็นหลี่ฝางที่อยู่ตรงพื้นที่ขนมหวาน ก็เลยชี้ไปทางนั้น: “ตู้เฟย นายดูนั่นสิว่าเป็นใคร?”

“หลี่ฝาง?!!”

เมื่อเห็นหลี่ฝาง หมัดของตู้เฟยก็ถูกกำขึ้นมาอย่างแน่นๆ

วันนั้นหากไม่ใช่เพราะการขัดขวางของหลี่ฝาง ไม่แน่ตู้ต้าไห่อาจจะหนีไปพร้อมกันตู้เฟยแล้ว

ก็เพราะหลี่ฝางขับรถพุ่งชน หลี่ฝางทำให้ตู้ต้าไห่สูญเสียขาทั้งสองข้าง กลายเป็นคนพิการคนหนึ่ง

“แม่ง ไอ้คนนอกคอกคนนี้ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?” ตู้เฟยกล่าวอย่างโมโห

“ตู้เฟย นายคงยังไม่รู้มั้ง ตั้งแต่บ้านนายล้มละลายแล้ว โจวเจ๋ก็สนิทกับไอ้หมอนั่น ที่เขาสามารถมาร่วมงานปาร์ตี้นี้ได้ ก็เพราะ ‘ฝีมือ’ ของโจวเจ๋” ส้งเสียงกล่าวด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย

“โจวเจ๋ นาย!” ตู้เฟยมองโจวเจ๋อย่างโกรธเคือง โกรธจนพูดอะไรไม่ออก

พี่ชายที่แสนดีของตัวเองทั้งสองคน คนหนึ่งอ้าปากก็ทวงหนี้ อีกคนก็ไปสนิทสนมกับศัตรูของตัวเอง

เวลานี้ในใจตู้เฟย เหมือนกับว่าได้กินขี้แมลงวันเข้าไปยังไงอย่างนั้น ทรมานมาก

“ถือว่าตู้เฟยอย่างฉันไม่เคยรู้จักพวกนายสองคน” ตู้เฟยพูดทิ้งท้ายอย่างเย็นชา แล้วเดินไปตรงพื้นที่ขนมหวาน

เวลานี้ ผู้ชายที่สวมแว่นดำได้ขวางทางตู้เฟยเอาไว้

“น้องชาย เป็นอะไรเหรอ?”

ผู้ชายที่ใส่แว่นดำคนนี้ เป็นพี่ชาย (ลูกพี่ลูกน้อง) ของตู้เฟย ชื่อว่าหยูเถิง ที่บ้านทำธุรกิจเสื้อผ้า อีกอย่างกิจการกำลังไปได้สวยมาก

“เมื่อกี้นายบอกว่าจะไปหาเพื่อนไม่ใช่เหรอ? ทำไม พวกเขาเห็นว่าบ้านนายล้มละลายแล้ว ดังนั้นจึงรังแกนายเหรอ?” เห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของตู้เฟย หยูเถิงจึงกล่าวอย่างคาดเดา

ตู้เฟยยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพยักหน้า: “ใช่ครับ พวกเขาอีกคนทวงหนี้ผม อีกคนก็ไปเป็นเพื่อนกับศัตรูของผม”

“ช่างตลกสิ้นดี” ตู้เฟยหัวเราะเจื่อนๆ : “พวกเขาไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนกับผมเลย”

“ในเมื่อไม่ใช่เพื่อน ก็เป็นศัตรูละกัน”

หยูเถิงตบที่บ่าของตู้เฟย แล้วกล่าว: “ไป พี่จะช่วยนายสั่งสอนพวกมัน”

“พี่ พี่จะสั่งสอนพวกเขายังไง?” ตู้เฟยถามอย่างสงสัย

“ง่ายนิดเดียว? นายมองพวกเขาดีๆ สิ มองก็รู้ว่ามาหาผลประโยชน์ และคนในที่นี้ ครึ่งหนึ่งเป็นคนที่พี่รู้จัก ขอเพียงพี่ผิดใจกับพวกเขา นั่นก็แปลว่า คุณชายครึ่งหนึ่งในงานนี้ก็จะรักษาระยะห่างกับพวกเขา”

“ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ก็จะเลือกระหว่างพี่กับพวกเขา”

หยูเถิงหัวเราะอย่างลำพองใจ: “น้อง ถ้าหากเราสองคนไม่เกี่ยวข้องกัน ให้นายเลือก พี่กับพวกมัน นายจะเลือกใครละ?”

“พี่ครับ ยังต้องถามอีกเหรอ ก็ต้องเลือกพี่อยู่แล้ว บ้านของเขาทั้งสองคน ธุรกิจยังสู้ครึ่งหนึ่งของพี่ไม่ได้” ตู้เฟยหัวเราะ ทันใดนั้นก็เข้าใจทันที

“แบบนี้ก็โอเคแล้ว”

หยูเถิงหัวเราะ แล้วก็เดินไปทางโจวเจ๋และส้งเสียง

โจวเจ๋และส้งเสียงเมื่อเห็นหยูเถิงเดินมา กำลังคิดจะไปตีสนิท แต่หยูเถิงที่ถือแก้วแชมเปญอยู่ในมือ ให้สาดไปที่ร่างกายของพวกเขาทันที แล้วก็โวยวายขึ้นมา

โจวเจ๋กับส้งเสียงอึ้งไปก่อน จากนั้นก็โมโหทันที

อยู่ในสถานที่ตรงนี้ เพื่อนของหยูเถิง มีมากกว่าของโจวเจ๋และส้งเสียง

การวิวาทนี้ ทำให้บอดี้การ์ดต้องเข้ามาจัดการ

ตู้เฟยมองภาพนี้ แล้วหัวเราะอย่างเย็นชา

จากนั้น ตู้เฟยก็เดินไปที่พื้นที่ขนมหวาน

“อ้อ มากินฟรีดื่มฟรีอีกแล้วเหรอ” เมื่อเห็นหลี่ฝาง ตู้เฟยก็หัวเราะอย่างดูถูก

“คนจนก็คือคนจน ไม่ว่าไปถึงไหน ร่างกายก็อบอวลไปด้วยกลิ่นสาบ”

เวลานี้ หยูเถิงเดินเข้ามา

“น้องชาย ไอ้สองคนนั้นถูกบอดี้การ์ดไล่ออกไปแล้ว” หยูเถิงกล่าวอย่างลำพองใจ

“พี่ชาย พี่รู้จักคนที่ดูแลรีสอร์ตแห่งนี้?” ตู้เฟยถามอย่างประหลาดใจ

“พนักงานบริกรนับพันที่อยู่ในรีสอร์ตแห่งนี้ ชุดพนักงานทั้งหมดตระกูลหยูเป็นคนจัดการให้ นายว่าจะรู้จักมั้ยละ?” หยูเถิงเลิกคิ้ว

“สุดยอดไปเลย พี่ครับ พี่ให้บอดี้การ์ดมาไล่พวกเขาออกไปด้วยได้มั้ยครับ?”

ตู้เฟยชี้ไปที่หลี่ฝาง: “แล้วกล่าว พี่ครับ พี่ยังจำคนที่ผมเคยพูดกับพี่ได้หรือเปล่า? ไอ้หมอนั่นที่เป็นปรปักษ์กับผมโดยตรง ก็คือมัน”

“มันก็คือหลี่ฝางคนนั้นเหรอ? แต่นายบอกว่ามันเป็นคนจนไม่ใช่เหรอ คนจนทำไมถึงมาสถานที่แบบนี้ได้ละ?” หยูเถิงถามอย่างสงสัย

“โจวเจ๋เป็นคนพาเขามา” ตู้เฟยยิ้มอย่างเย็นชา: “ไอ้หมอนี่ มานี่เพื่อกินฟรีดื่มฟรี”

“คนแบบนี้ ต้องไล่มันออกไป”

หยูเถิงกวักมือ รีบบอดี้การ์ดสองคนเข้ามา

“คุณชายหยู มีอะไรให้พวกเรารับใช้ครับ?” บอดี้การ์ดถามไปหนึ่งประโยค

“ช่วยเอาสองคนนี้ออกไปที” หยูเถิงกล่าวอย่างเย็นชา

“แบบนี้…………มันคงไม่ดีมั้ง คุณชายหยู?” บอดี้การ์ดรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย

“ไม่ดียังไง สองคนนี้มาที่นี่เพื่อกินฟรีดื่มฟรี หรือว่าพวกแกดูไม่ออกเลยเหรอ?” หยูเถิงขมวดคิ้วถาม

บอดี้การ์ดหันหน้า มองที่หลี่ฝาง: “คุณผู้ชาย คุณช่วยหยิบการ์ดเชิญออกมา ให้พวกเราดูหน่อยได้มั้ยครับ?”

“นี่คือจะตรวจการ์ดเชิญเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะถาม

“ใช่ครับ คุณผู้ชาย” บอดี้การ์ดพยักหน้าอย่างสุภาพ

“แล้วทำไมไม่ตรวจสอบของพวกเขาก่อนละ?” หลี่ฝางชี้ไปที่ตู้เฟยและพวก

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท