NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 147

ตอนที่ 147

บทที่ 147 ลุงเฉียนมาแล้ว

เครดิตการ์ดทั้งหมด ล้วนมีวงเงินที่จำกัดของมัน นอกจาก Global black cardเท่านั้น

Global black cardไม่จำกัดวงเงิน สามารถรูดได้อย่างไม่จำกัด ซื้อเครื่องบิน ยังได้เลย

ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ Global black cardนี้มันเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะ ทั้งประเทศจีน มีไม่กี่คนที่มีGlobablack cardนี้

สิ่งนี้มันเกี่ยวข้องกับสิทธิ์และคุณสมบัติ

ถึงอย่างไรGlobal black card ไม่ใช่ว่าไปทำเรื่องยืดขอ แต่ธนาคารเป็นคนที่ส่งมอบให้

จะมีเฉพาะผู้ที่อยู่ในการจัดอันดับของ Forbesที่อยู่ในทั่วโลก จึงจะได้สิทธิ์จากธนาคาร

“ของปลอม!” ตู้เฟยกล่าว

“พี่ครับ พี่ว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ? ผู้หญิงบ้านนอกแบบนี้ จะมี Global black cardได้อย่างไรกัน?” ตู้เฟยหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

“ใช่ มันจะเป็นของจริงได้อย่างไร คงมีแต่มหาเศรษฐีอย่างหวางซือชงที่มีเท่านั้นมั้ง?”

“ประเทศจีนจะมีสักกี่ใบกัน Global black cardของผู้หญิงคนนั้น ต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน”

ได้ยินผู้คนต่างพากันสงสัย สีหน้าของหยูเถิงกับจ้าวเสี่ยวตาว ในที่สุดมีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย

หากมันเป็นของจริง พวกเขาต้องจบเห่อย่างแน่นอน

ฐานะคนที่มี Global black card สามารถทำให้ครอบครัวของพวกเขาจบเห่ได้ในพริบตา

เวลานี้ หลี่ฝางได้โทรไปหลี่ต๋าคาง

“พ่อครับ”

หลังจากที่โทรติด หลี่ฝางก็กล่าวขึ้น: “ตอนนี้ผมอยู่ที่รีสอร์ตของพ่อ”

หลี่ต๋าคางหัวเราะอยู่ที่ปลายสาย: “ตั้งแต่แกเดินเข้ามาในรีสอร์ต พ่อก็เห็นแกแล้วล่ะ”

“ห๊า?”

“แกเงยหน้ามองดู มุมทางซ้ายสี่สิบห้าองศา” หลี่ต๋าคางกล่าว

หลี่ฝางเงยหน้าขึ้น มองไปทางด้านซ้ายสีสิบห้าองศา ก็พบเห็นตรงนั้นมีกล้องวงจรปิดขนาดเล็กอันหนึ่ง หากไม่สังเกตดีๆ ไม่มีทางเห็นอย่างแน่นอน

“พ่อครับ บอดี้การ์ดที่หามานี่มันยังไง ผมก็ถือเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของที่รีสอร์ตแห่งนี้ แต่ว่าบอดี้การ์ดจะเชิญผมออกไป” หลี่ฝางเกือบจะพูดคำว่าแม่งเอ๊ยออกมาแล้ว

“ลุงเฉียนกำลังไปแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานคงถึง” หลี่ต๋าคางกล่าว

“อดทนรออีกห้านาทีละกัน”

หลี่ต๋าคางพูดจบ ก็วางสายไปเลย

หลี่ฝางโทรไปอีกครั้ง ทางหลี่ต๋าคางนั้นไม่รับสายแล้ว

หลี่ฝางจ้องกล้องวงจรปิดอย่างโมโห เขารู้ว่า หลี่ต๋าคางกำลังมองตัวเองอยู่

เวลานี้ บอดี้การ์ดได้เดินเข้ามา เขายังคงพูดกับหลี่ฝางอย่างสุภาพ: “คุณผู้ชาย คุณคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ?”

“คุณชายหยูต้องการให้คุณออกไปโดยเร็ว” บอดี้การ์ดกล่าว

“มันเป็นคุณชายเหี้ยอะไร” หลี่ฝางขมวดคิ้ว เผยสีหน้าที่ดูถูก

หลี่ฝางคิดในใจ รอให้ลุงเฉียนมาก่อน ฉันจะดูว่านายจะอวดเก่งยังไงอีก

และสิ่งที่หลี่ฝางปวดหัวที่สุดก็คือ ลุงเฉียนจะมาเมื่อไหร่ หากตัวเองไม่สามารถต้านทานถึงตอนที่ลุงเฉียนมา ก็ถูกไล่ออกไปเสียก่อน แล้วจะทำยังไง?

เวลานี้ตู้เฟยก็ได้กล่าวขึ้น: “อย่าไปเสียเวลากับคนนอกคอกคนนี้เลย ผมว่าจับมันโยนออกไปเลยดีกว่า”

“ผมได้ยินมาว่าบอดี้การ์ดของที่นี่ ล้วนเคยเป็นทหารที่ปลดประจำการมาก่อน แต่ละคนฝีมือไม่เบาทั้งนั้น นายโชว์ฝีมือ ให้พวกเราดูเป็นบุญตาหน่อย”

ตู้เฟยกล่าวด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย ความหมายของเขาก็คืออยากให้บอดี้การ์ดลงมือกับหลี่ฝาง

บอดี้การ์ดมีความลังเล แต่สีหน้ากลับเข้มขรึม: “เจ้าหนุ่มน้อย ฉันไม่อยากที่จะลงมือทำร้ายเด็ก แต่นายอยากบังคับให้ฉันต้องทำ”

“ฉันบีบนาย? เป็นพวกเขาที่บีบนายมั้ง” หลี่ใช้คางชี้ไปที่พวกหยูเถิง

ขณะนี้หยูเถิงได้เดินเข้ามา มองบอดี้การ์ดคนนี้แล้วกล่าว: “ในมือน้องชายฉันอยากจะดูฝีมือของนาย นายก็แสดงหน่อยละกัน”

“หากน้องชายฉันพอใจละก็ จะมีรางวัลให้อย่างงาม” หยูเถิงหัวเราะแล้วกล่าวอย่างเย็นชา

“คุณชายหยู คุณพูดจริงเหรอ?” บอดี้การ์ดเกิดหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว

“อะไร แม้แต่ฉันหยูเถิงนายก็ไม่เชื่อเหรอ? ตระกูลหยูอย่างฉัน จะโกหกบอดี้การ์ดเล็กๆ อย่างนายทำไม?” สีหน้าหยูเถิงมืดมนไปสักพัก

บอดี้การ์ดได้ฟัง ก็วางใจแล้ว

มีคนตั้งมากมายอยู่ตรงนี้ บอดี้การ์ดคิดในใจ หยูเถิงคนนี้คงไม่เบี้ยวอย่างแน่นอน

เพียงแต่บอดี้การ์ดก็ยังคงได้ถามไปอีกหนึ่งประโยค: “คุณชายหยู ผมสามารถถามได้มั้ยครับว่า รางวัลคืออะไร?”

“เงินเดือนนายเท่าไหร่?” หยูเถิงถามกลับไปหนึ่งประโยค

“เงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน” บอดี้การ์ดยิ้มๆ

สีหน้าหยูเถิงเปลี่ยนทันที บอดี้การ์ดคนนี้ เงินเดือนตั้งหนึ่งหมื่นพันหยวน?

สถานที่ห่วยๆ แบบตงไห่ ปีละหนึ่งหมื่นห้าพันหยวนก็หาคนได้แล้ว

หยูเถิงคิดในใจ คุณท่านหลี่คนนี้ไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปใช่ที่ไหนหรือเปล่า?

หยูเถิงกล่าวอย่างเรียบเฉย: “ให้รางวัลนายเท่ากับเงินเดือนนายหนึ่งเดือน เป็นยังไง?”

“ได้ๆๆ” บอดี้การ์ดหัวเราะอย่างดีใจ

บอดี้การ์ดมีความสุขมาก อย่างไรเสียหลี่ฝางก็แค่เด็กเมื่อวานซืนคนหนึ่ง ทำร้ายเด็กเมื่อวานซืน ก็ได้รางวัลหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน เงินนี้ก็ได้มาง่ายไปมั้ย

บอดี้การ์ดกล่าวรับประกันกับหยูเถิง: “คุณชายหยู รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณและน้องชายคุณผิดหวังอย่างแน่นอน”

หยูเถิงพยักหน้า แล้วกล่าว: “งั้นก็อย่าพูดมากอีกเลย รีบลงมือเถอะ”

“อีกสักพักคุณชายมู่ก็จะถึงแล้ว” หยูเถิงกล่าวไปประโยคหนึ่ง

และตู้เฟยก็พูดกำชับ: “ลงมือเต็มที่เลย หากมีปัญหาอะไร พวกเราเป็นคนรับผิดชอบเอง”

บอดี้การ์ดได้ยินคำพูดนี้ของตู้เฟย ใจก็ผ่อนคลายลงมาก

เดิมทีเขายังกังวล ถ้าลงมือเบาเกินไป แล้วหยูเถิงไม่พอใจจะทำยังไง?

ถ้าลงมือหนักเกินไป เกิดหลี่ฝางเป็นอะไรขึ้นมา เงินหมื่นห้านี้ยังไม่พอที่จะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลอีก

บอดี้การ์ดหันหน้า มองไปทางหลี่ฝาง ใบหน้าปรากฏด้วยความดุร้าย: “เจ้าหนุ่มน้อย อย่าโทษฉันเลย เหมือนอย่างที่นายพูดเมื่อกี้ ฉันก็ถูกบังคับเหมือนกัน”

“แค่ทำร้ายนายก็ได้เงินหมื่นห้าแล้ว เมื่อเทียบกับที่ฉันต้องทำงานทั้งเดือนสบายกว่ากันเยอะเลย” บอดี้การ์ดยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วกล่าว: “นายไม่ต้องลงมือ ฉันไปก็ได้”

“ไปเหรอ? นายรู้สึกว่าเวลานี้ นายยังจะไปได้อีกมั้ย?” บอดี้การ์ดยิ้มอย่างชั่วร้าย

“หากนายไปแล้ว เงินหมื่นห้านี้ฉันจะไปเอากับใคร?”

บอดี้การ์ดพูดจบ ก็ยกหมัดขึ้น ชกไปทางหลี่ฝางโดนตรง

ดีที่หลี่ฝางเตรียมพร้อมไว้แล้ว รีบถอยไปหลายก้าว

“เย็ดแม่!” หลี่ฝางกัดฟัน หมัดของนายคนนี้ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย หากชกโดน ตัวเองคงจะแย่แน่ๆ

นี่มันอะไรกัน ทำไมลุงเฉียนยังไม่มา?

“หนี? ฉันดูสิว่านายจะหนีไปไหน!” บอดี้การ์ดคนนี้จู่โจมเข้ามา หลี่ฝางหยิบแจกันยักษ์ขึ้นมา ทุ่มมันออกไปโดยตรง

“แม่ง นี่มันแจกันลายครามเลยนะ!”

บอดี้การ์ดเบิกตากว้าง รีบคว้าแจกันเอาไว้

“แจกันลายคราม?” จู่ๆ หลี่ฝางก็หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าว: “ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะใช่แจกันลายครามหรือเปล่า”

ระยะห่างสองเมตรยังมีอีกอัน หลี่ฝางวิ่งไปอุ้มขึ้นมา แล้วทุ่มไปที่บอดี้การ์ดอีกครั้ง

บอดี้การ์ดวางแจกันที่อยู่ในมือ แล้วรีบไปรับอีกอัน

เวลานี้ จู่ๆ หลี่ฝางก็วิ่งเข้าไป แล้วถีบไปที่เป้ากางเกงของบอดี้การ์ด

ถึงอย่างไรผู้ชายทุกคนก็มีจุดอ่อน

หลังจากที่ถูกหลี่ฝางถีบโดนแล้ว บอดี้การ์ดก็ใช้สองมือกุมเป้าของตัวเองเอาไว้ เจ็บจนต้องนั่งลงไป

แจกันลายครามใบนั้น หล่นตู้มลงบนพื้น

“นาย…….นายตายแน่”

“นายรู้หรือเปล่าว่าแจกันลายครามใบนี้ราคาเท่าไหร่?” บอดี้การ์ดมองไปที่เศษแจกัน ชี้ไปที่หลี่ฝางแล้วกล่าว

“นายเป็นทหารที่ปลดประจำการไม่ใช่เหรอ?” ทำไมไร้ประโยชน์เช่นนี้? ตู้เฟยด่าอย่างโมโห

บอดี้การ์ดรีบลุกขึ้นมา กลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง

หลี่ฝางหยิบเศษแจกันลายครามที่อยู่บนพื้นขึ้นมา คิดที่จะใช้แผนการเดิม

ตู้เฟยก็ได้พูดขึ้น: “ไม่ต้องกลัว ต่อให้แจกันใบนี้จะตกแตกไปแล้ว ก็เป็นเขาที่ทำแตก ไม่เกี่ยวกับนาย เดี๋ยวถ้ามีคนถาม พวกเราทุกคนจะเป็นพยานให้นาย”

บอดี้การ์ดพยักหน้า จากนั้นก็จ้องมองหลี่ฝางด้วยสายตาที่เย็นเฉียบ: “โยนสิ ขอแค่นายมีปัญญาชดใช้ ก็โยนเลย!”

หลี่ฝางคิดก็ยังไม่คิด ก็หยิบแจกันลายคราม ทุ่มไปทางบอดี้การ์ดทันที

เสียงตูมดังขึ้น แจกันลายครามก็ได้แตกไปอีกหนึ่งใบ

บอดี้การ์ดคนนี้ ก็ไม่ได้เข้าไปรับ ให้แจกันลายครามตกลงไปบนพื้น

“เห่อๆ ทุกคนก็เห็นแล้ว นายมันเป็นคนโยนเอง” บอดี้การ์ดหัวเราะเย็นชาแล้วกล่าว

“ฉันโยนแล้วจะทำไม?” หลี่ฝางไม่สะทกสะท้าน วิ่งไปไกลๆ มือแต่ละข้างได้หยิบแจกันลายครามขึ้นมา แล้วโยนไปทางบอดี้การ์ดอีกครั้ง

โยนต่อเนื่องไปสี่อัน หลี่ฝางพบว่าทางนี้ไม่มีแจกันลายครามแล้ว

บอดี้การ์ดนี้ได้ค่อยๆ เดินเข้าไปทางเขา

“เจ้าหนุ่ม แกตายแน่!” สีหน้าของบอดี้การ์ดยิ่งอยู่ยิ่งโหด

แจกันลายครามตกแตกไปหกอัน ต่อให้มีคนเป็นพยานให้เขา บอดี้การ์ดก็รู้ว่าตัวเองนั้นยากที่จะหลุดพ้นเรื่องนี้

บอดี้การ์ดใช้มือข้างหนึ่งบีบคอของหลี่ฝางเอาไว้ เตรียมตัวที่จะลงมือแล้ว ทันใดนั้น เสียงที่ดุดันก็ดังมาจากไกลๆ

“หยุดนะ!”

คนคนนี้ ก็คือลุงเฉียน

ลุงเฉียนวิ่งมาอย่างร้อนใจ เห็นบอดี้การ์ดบีบคอของหลี่ฝางไว้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“รีบปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”

ลุงเฉียนกัดฟันพูด: “ไอ้สารเลว นายรู้มั้ยว่าเขาเป็นใคร?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน