NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 151

ตอนที่ 151

บทที่ 151 การต่อสู้ระหว่างโหจื่อกับเจ้าหัวแบน

ต่อให้ตีหลี่ฝางให้ตาย เขาก็ยังไม่เชื่อว่าเจ้าหัวแบนจะกล้าลงมือจริงๆ

สีหน้าของเจ้าหัวแบนมองดูซับซ้อน เขามองไปที่หลี่ฝาง เผยให้เห็นความลำบากใจ “เสี่ยวฝาง ขอโทษ”

ขอโทษ?

เมื่อได้คำนี้ ในใจของหลี่ฝาง นอกจากความกลัวแล้ว ยังแฝงขึ้นมาด้วยความเศร้า

หลี่ฝางไม่อยากจะเชื่อเลยว่า พี่ชายที่ดีของตนในอดีต จะกล้าลงมือต่อตัวเองได้เหี้ยมโหดขนาดนี้

หลี่ฝางหลับตาลง ในใจเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

แต่ในเวลานี้เองลู่หลุ่ยก็วิ่งเข้ามา และตะครุบตัวของหลี่ฝาง “แกจะตีก็ตีฉัน อย่าตีเขา”

“ผู้หญิงหน้าเหม็น ไสหัวไป!”

มู่เสี่ยวไป๋วิ่งเข้ามาและลากลู่หลุ่ย ออกไป

“ปล่อยเธอ” หลี่ฝางจ้องมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋แสยะยิ้มและมองไปที่หลี่ฝาง “ฉันไม่ปล่อย แล้วแกจะทำไม?”

หลี่ฝางกำลังคิดจะลุกขึ้น มู่เสี่ยวไป๋ผลักเจ้าหัวแบนแล้วเอ่ย “เสี่ยวโจว คำพูดของฉันมันไม่มีผลแล้วใช่ไหม?”

“ฉันบอกให้แกหักขามัน แกได้ยินหรือเปล่า?” มู่เสี่ยวไป๋กล่าวอย่างเย็นชา

หลี่ฝางที่กำลังจะยืนขึ้นจึงถูกเจ้าหัวแบนหยุดเอาไว้

ในตอนนี้ มู่เสี่ยวไป๋ยังคงกระชากผมของลู่หลุ่ยเอาไว้

“เจ้าหัวแบน ถอยไป!” ใบหน้าของหลี่ฝางเย็นเยียบ

“ขอโทษด้วย เสี่ยวฝาง” เจ้าหัวแบนยังคงพูดด้วยสีหน้าดึงดัน “เจ้านายของฉันบอกให้ฉันหักขานาย ฉันได้แต่ทำตามคำสั่ง”

จู่ๆ สีหน้าของเจ้าหัวแบนก็ดิ่งลง บนตัวแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ออกมา

ในเวลานี้เอง ลุงเฉียนถึงพยักหน้าให้โหจื่อที่อยู่ข้างหลังเขา

โหจื่อรีบวิ่งเข้ามาทันที จากนั้นจึงหัวเราะกับเจ้าหัวแบน “พี่โจว ยังจำผมได้รึเปล่า?”

“เฟยโห?” เจ้าหัวแบนมองไปที่โหจื่อ สีหน้าตกตะลึงไปชั่วครู่

“ที่แท้นายยังมีชีวิตอยู่…” เมื่อเจ้าหัวแบนเห็นโหจื่อ เขาก็ค่อนข้างประหลาดใจ “นายไม่ได้ไปขโมยของจนถูกจับได้และถูกตีตายไปแล้วหรือ?”

โหจื่อส่ายหัว “พี่โจว ต่อหน้าคนตั้งมากมาย ไว้หน้าผมหน่อยเถอะ”

“สำหรับเรื่องในอดีต ลืมมันไปเสียเถอะ”

“วันนี้ ผมจะให้พี่รู้จักผมใหม่อีกครั้ง”

โหจื่อยืดตัวขึ้นและเอ่ย “พี่โจว ผมรู้ว่าในตงไห่นี้พี่เป็นที่หนึ่งในพวกเรา ในแง่ของทักษะ ต่อให้พลิกตงไห่ จะหาใครสักคนมาเอาชนะพี่ก็คงหาได้ยาก”

“แต่ผมคิดว่า ผมถือเป็นหนึ่งในนั้น” โหจื่อแสยะยิ้ม

“แม่โว้ย ไอ้นี่ขี้โม้ไม่เลวเลยว่ะ”

“นั่นสิ ประโยคแรก ปากบอกเป็นที่หนึ่งในตงไห่ ไม่มีใครสู้ได้ ที่แท้ก็พูดเพื่อยกยอตัวให้เด่นขึ้นมานี่หว่า”

“หึหึ ฉันว่าไอ้หนุ่มนี้คงอยากรนหาที่ตาย” มีคนยืนขึ้นและเอ่ยกับเจ้าหัวแบน “คนที่มู่เสี่ยวไป๋พามา เป็นถึงยอดฝีมือ”

“ตอนที่นายท่านมู่ไปคุยธุรกิจที่ตงเป่ย ก็พาเขาไปแค่คนเดียวเท่านั้น”

มีคนสูดลมหายใจเข้าลึกและอุทาน “นั่นเป็นการคุยธุรกิจกับกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือเชียวนะ ตระกูลมู่ลุกขึ้นมาได้ ก็เพราะอาศัยการไปทางเหนือในครั้งนั้น”

“ฉันได้ยินมาว่า ที่นายท่านมู่เจรจาธุรกิจกับกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือสำเร็จ ก็เพราะผู้ชายคนนี้”

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา สายตาของทุกคนที่มองไปยังเจ้าหัวแบน ก็เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ

ไม่มีใครกล้ามองว่าเจ้าหัวแบนเป็นคนเบื้องล่างอีกต่อไป

“เจ้าหัวแบนเก่งขนาดนั้นจริงๆ หรือ?” ใครบางคนร้องอุทานออกมา

“ก็ใช่น่ะสิ ดังนั้นฉันถึงได้บอกว่าไอ้หนุ่มนี่รนหาที่ตายชัดๆ คนที่ออกมาจากเขตของกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ จะต้องเป็นยอดฝีมืออย่างแน่นอน”

โหจื่อเองก็ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาหัวเราะ “พี่โจว คุณเคยไปตะวันออกเฉียงเหนือด้วยหรือนี่”

“ประมือกับกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปแล้ว?” เจ้าหัวแบนไม่เอ่ยต่อ โหจื่อจึงถามขึ้นอีกครั้ง

“พวกเราเสมอกัน” เจ้าหัวแบนเอ่ยถ่อมตัว อันที่จริง การต่อสู้ระหว่างเขากับกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือในครั้งนั้น เป็นเขาที่ชนะ แต่เพื่อไว้หน้ากษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขาจึงตั้งใจทำให้ผลออกมาเสมอกันแทน

โหจื่อพยักหน้าและเอ่ย “พี่โจว อย่างนั้นพวกเรามาเริ่มกันเถอะ”

“เฟยโห อย่ามาทำเก่งเลย เรื่องขโมยของนายไม่เลว แต่เรื่องชกต่อย นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน” เขาส่ายหัวและเอ่ย

“พี่โจว คุณเคยได้ยินคำพูดโบราณประโยคหนึ่งไหม?” โหจื่อเลิกคิ้วถาม

“คำพูดโบราณ ?” เจ้าหัวแบนเอ่ยถาม

“ไม่พบสามวัน กลายเป็นอื่น แต่พวกเราสองคน ไม่เจอกันมานานกว่าสามปีแล้วสินะ?” โหจื่อยิ้มเย็น “เวลาสามปีพี่โจว คุณไม่อยากเห็นหรือว่าผมมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง?”

“ได้” เจ้าหัวแบนตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก

โหจื่อแสยะยิ้มและมองไปที่หลี่ฝาง “มู่เสี่ยวไป๋ส่งต่อให้กับคุณแล้ว”

หลี่ฝางพยักหน้าและเอ่ย “”ขอบคุณมาก โหจื่อ”

หลี่ฝางไม่รู้ว่าโหจื่อจะเอาชนะเจ้าหัวแบนได้หรือไม่ แต่ในใจของเขาคิด ถ่วงเวลาเอาไว้ได้ก่อนก็ไม่เลว

พูดตามตรง หลี่ฝางเองก็ไม่มีความมั่นใจในตัวโหจื่อมากนัก ประการแรกโหจื่อคนนี้ ท่าทางดูเหมือนพวกนักเลงหัวไม้อย่างยิ่ง มองแล้วคล้ายคนที่เอาแต่โอ้อวดไปวันๆ ประการที่สองของเจ้าหัวแบน หลี่ฝางเคยเห็นมาก่อน อีกทั้งยังมากกว่าหนึ่งครั้ง

ในตอนนี้ โหจื่อลงมือแล้ว ร่างของเขาราวกับภูตผี พริบตาเดียวก็หยุดลงหน้าของเจ้าหัวแบน

เจ้าหัวแบนเบิกตากว้าง เขาเองก็ไม่คาดคิดว่า โหจื่อจะมีความเร็วมากขนาดนี้

เจ้าหัวแบนรีบกำหมัดแน่น และตอบโต้กลับไป แต่โหจื่อกลับยิ้มจางๆ และยื่นหมัดออกไปเข้าใส่เขา

หมัดสองหมัดกระแทกใส่กัน เกิดเป็นเสียงปะทะ

โหจื่ออาศัยความได้เปรียบเริ่มลงมือก่อน หมัดนี้ ทำให้โหจื่อได้เปรียบอยู่

เจ้าหัวแบนก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว เหนือความคาดหมายของทุกคน

เจ้าหัวแบนตะลึงหน้าถอดสี เขาไม่คาดคิดว่า อดีตหัวขโมยอย่างเฟยโห จะมีความก้าวหน้าในวงการหมัดมวยได้ขนาดนี้

“เจ้าหนุ่มนั่นมองดูผอมแห้งแรงน้อย คิดไม่ถึงว่าพอลงมือกลับเก่งขนาดนี้ ถึงกับทำให้นายพลที่มู่เสี่ยวไป๋พามาถอยหลังไปได้”

“เมื่อกี้นายไม่ได้บอกหรือไงว่าเจ้าหนุ่มนี่รนหาที่ตาย ดูท่าแล้ว เจ้าหนุ่มผอมแห้งนี่ยังซ่อนเล็บเอาไว้”

“ฉันมองพลาดไป นี่แหละนะ คนเราไม่สามารถมองดูที่ภายนอกได้”

เพียงแค่เริ่มประมือ คนในห้องก็เริ่มพูดคุยกัน

“เฟยโห ที่นายจากไปสามปี คงไม่ได้ไปเรียนศิลปะการต่อสู้มาหรอกนะ?” เจ้าหัวแบนถามด้วยความตกใจ

“พี่โจว นี่เป็นแต่เพียงส่วนเล็กๆ ในภูเขาน้ำแข็งของผมเท่านั้น” โหจื่อยังคงหัวเราะอย่างเฉยเมย

“เฟยโห นายไม่ได้เป็นนายเมื่อสามปีก่อนแล้วจริงๆ” เจ้าหัวแบนนึกขึ้นได้แล้ว สามปีก่อน โหจื่อเป็นแค่หัวขโมยคนหนึ่งเท่านั้น ฝีมือการชกต่อยก็แค่ระดับนักเลงเล็กๆ ทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นเจ้าหัวแบนจึงไม่เคยใส่ใจกับมัน

แต่หลังจากการประมือเมื่อกี้นี้ เจ้าหัวแบนก็รู้ได้ว่า ตอนนี้โหจื่อถือเป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง หากตนเองยังไม่รับมืออย่างจริงจัง เขาก็มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้ได้

“หมัดของนาย เทียบได้กับกษัตริย์แห่งจีนตะวันออกเฉียงเหนือ” เจ้าหัวแบนประเมินอย่างเรียบๆ

“งั้นหรือ? อย่างนั้นพี่ลองทดสอบฝีเท้าของผมอีกสักหน่อย!” โหจื่อยิ้มอย่างไม่ยี่หระ หมัดเมื่อกี้นี้ เขาไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ

เมื่อหลี่ฝางเห็นฉากตรงหน้า เขาก็ยิ้มอย่างชื่นชม

ดูเหมือนว่าโหจื่อ จะไม่ได้อ่อนแออย่างที่ตนคิด

อย่างนี้ เขาก็สามารถจัดการกับมู่เสี่ยวไป๋ได้อย่างสบายใจแล้ว

หลี่ฝางเดินผ่านเจ้าหัวแบนและตรงมาที่มู่เสี่ยวไป๋ มู่เสี่ยวไป๋ปล่อยลู่หลุ่ยแล้ว เขาเอ่ย “หลี่ฝาง แกคิดทำอะไร?”

“ฉันคิดจะจัดการนายให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นเอาไปให้หมากิน” หลี่ฝางพูดจบ ก็เหวี่ยงกำปั้นออกไป

มู่เสี่ยวไป๋นี่ ก็แค่เก่งกว่าตู้เฟยเล็กน้อยเท่านั้น

บางทีอาจเป็นเพราะลูกเศรษฐีส่วนใหญ่มักถูกเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม ผิวพรรณละเอียดลออขนาดนั้น ไหนเลยจะเคยไปชกต่อยมาก่อน

หลี่ฝางพุ่งหมัดใส่โดยตรง ซ้ำมู่เสี่ยวไป๋เองก็ไม่ได้หลบหลีก

มู่เสี่ยวไป๋ถูกหลี่ฝางต่อยจนล้มลงไปด้วยหมัดเดียว จากนั้น หลี่ฝางจึงขึ้นคร่อมใส่มู่เสี่ยวไป๋ และต่อยเขาเข้าไปอีกยก

“เวรเอ้ย คิดไม่ถึงเลยว่าแกไม่ได้เรื่องยิ่งกว่าตู้เฟยอีก”

ในเวลานี้ หลี่ฝางรู้สึกผิดหวังกับมู่เสี่ยวไป๋อยู่บ้าง

“เสี่ยวโจว! ” มู่เสี่ยวไป๋ตะโกนใส่เจ้าหัวแบน

เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ เจ้าหัวแบนและโหจื่อกำลังประลองความแข็งแกร่งกันไปครั้งหนึ่ง

ครั้งนี้ เจ้าหัวแบนได้เตรียมตัวเอาไว้ดีแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้ประมาทกับศัตรูอีก แต่หลังจากผ่านไปหลายรอบ เขาก็ยังคงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และสุดท้ายก็ถูกโหจื่อเตะเข้าที่ท้อง

แน่นอนว่า เจ้าหัวแบนก็ถือโอกาสนี้ชกเข้าไปที่หน้าอกของโหจื่อ จนต้องถอยไปหลายก้าวด้วยเช่นกัน ที่

ได้ยินเสียงร้องของมู่เสี่ยวไป๋ เจ้าหัวแบนก็หันหน้ามา ในขณะที่กำลังจะเข้าไปช่วยมู่เสี่ยวไป๋ จู่ๆ ทันใดนั้นโหจื่อก็โผล่มาจากข้างหลัง และจับเขาเอาไว้

โหจื่อจับไหล่ของเจ้าหัวแบน “พี่โจว คู่ต่อสู้ของคุณคือผม”

“ได้โปรดช่วยให้เกียรติกันหน่อย จะได้ไหม?” โหจื่อพูดติดตลก

พริบตา เจ้าหัวแบนก็พลิกมือกลับไปและจับลงบนแขนของโหจื่อ ราวกับกำลังจะหักแขนของเขาลง

โหจื่อยิ้มอย่างสงบนิ่ง และเอ่ย “พี่โจว คุณช่างโหดเหี้ยมเสียจริง”

พูดจบ มือของโหจื่อก็ดูราวกับงูน้ำไม่ปาน เขาพลิกมือออก ไม่เพียงแต่หลุดพ้นจากพันธนาการของเจ้าหัวแบน แต่ยังกลับเป็นฝ่ายคว้าคอของอีกฝ่ายแทน

“ขอโทษด้วย พี่โจว คุณแพ้แล้ว!”

เสียงโครมดังขึ้น โหจื่อคว้าคอของเจ้าหัวแบนเอาไว้ และกดลงบนพื้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท