บทที่ 153 นายต่างหากที่เป็นหลานชายของหลี่เจียเฉิน ถูกไหม
โหจื่อพยักหน้า และปล่อยเจ้าหัวแบนไป
เจ้าหัวแบนหลังจากลุกขึ้นก็เดินกลับไปที่ตรงหน้าของมู่เสี่ยวไป๋และยื่นมือเข้าไปช่วยพยุง
แต่ใครจะรู้ว่า มู่เสี่ยวไป๋กลับไม่สำนึกเลยสักนิด เขาเอื้อมมือไปผลักเจ้าหัวแบนออก และพูดด้วยใบหน้าเย็นชา
“ไสหัวไป ไอ้ขยะเอ้ย!”
หลังจากพยายามลุกขึ้นมา มู่เสี่ยวไป๋ก็ถามเจ้าหัวแบนอย่างเย็นชา “มึงตั้งใจแพ้ล่ะสิ?”
ความแข็งแกร่งของเจ้าหัวแบน แต่ไหนแต่ไรมู่เสี่ยวไป๋ไม่เคยสงสัยมาก่อน
แต่วันนี้กลับไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เขาถึงกับแพ้ให้กับคนผอมกะหร่องอย่างโหจื่อ!
สิ่งนี้ทำให้มู่เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าหัวแบนตั้งใจแพ้
เจ้าหัวแบนไม่พูดและยังคงนิ่งเงียบ
“ฮ่าฮ่า ปู่บอกว่าแกเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดในตระกูลมู่ ดูเหมือนว่า ปู่ของฉันก็รู้จักมองคนผิดไปเหมือนกัน” มู่เสี่ยวไป๋แค่นเสียงออกมา
ในเวลานี้โหจื่อจึงเดินเข้ามาหามู่เสี่ยวไป๋ “อันที่จริง ความแข็งแกร่งของพี่โจวไม่ได้ต่างอะไรกับฉันมากนัก”
“สาเหตุที่เขาแพ้ให้ฉันเร็วขนาดนี้ นั่นเพราะเขาต้องมาคอยเสียสมาธิให้กับเศษขยะอย่างแก”
โหจื่อชี้ไปที่มู่เสี่ยวไป๋และเอ่ย “ขยะ ก็คือแกนั่นแหละ”
“แกกล้าบอกว่าฉันเป็นขยะ? ” มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่โหจื่ออย่างเหี้ยมเกรียม
“เอาเถอะ ฉันขอโทษ แต่ฉันขอโทษใส่ขยะ ไม่ใช่แก” โหจื่อเอ่ยแก้ไข “พูดให้ถูกต้องคือ แม้กระทั่งขยะแกยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ”
พูดจบ โหจื่อก็ออกจากวิลล่าไป
มู่เสี่ยวไป๋โกรธจัด แต่กลับไม่มีทางทำอะไรได้
“แม่งเอ้ย ครั้งนี้กูเสียหน้าฉิบหาย” มู่เสี่ยวไป๋เอ่ยพลางกัดฟัน
สิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋สูญเสียไป ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้น แต่รวมไปถึงคำพูดและการกระทำของเขาด้วย เขาเป็นตัวแทนของตระกูลมู่ ดังนั้นหากเขาเสียหน้า ก็หมายถึงทั้งตระกูลมู่ต้องเสียหน้าไปด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเมืองเอกของจังหวัดหรือตงไห่ ไหนเลยจะมีใครกล้าทำให้มู่เสี่ยวไป๋ต้องอึดอัดใจขนาดนี้ได้?”
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครกล้า
แต่ตอนนี้มีแล้ว
นั่นคือตระกูลหลี่
เริ่มจากถูกทุบตีที่ Recalling the past จากนั้นจึงมาถูกทุบตีอีกครั้งที่รีสอร์ต
ทั้งสองแห่ง ล้วนเป็นอาณาเขตของตระกูลหลี่
และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลี่ฝาง
มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลี่ฝาง แววตาของเขาซับซ้อนอยู่บ้าง “สรุปแกเป็นใครกันแน่วะ?”
“ตั้งแต่ฉันมู่เสี่ยวไป๋เกิดมา ไม่เคยถูกใครเอาเปรียบมาก่อน” มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว เขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนที่ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรอย่างหลี่ฝาง จะถึงกับทำให้เขาสะดุดล้มลงได้
“ฉันก็แค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น” หลี่ฝางกล่าวเบา ๆ
คนธรรมดาทั่วไป?
ในตอนนี้ อย่าว่าแต่มู่เสี่ยวไป๋ คนแทบทั้งห้องล้วนไม่มีใครเชื่อเช่นกัน
“เอาล่ะ ก่อเรื่องกันพอหรือยัง?” ทันใดนั้น จู่ๆ ลุงเฉียนก็พูดขึ้นมา
มู่เสี่ยวไป๋เหลือบมองไปที่ลุงเฉียนและเอ่ย “นายเป็นผู้ดูแลรีสอร์ต ใช่ไหม?”
“ใช่” ลุงเฉียนพยักหน้าเล็กน้อย
“อย่างนั้นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร?” มู่เสี่ยวไป๋พูดต่อ
“แน่นอน นายน้อยรองของตระกูลมู่เมืองเอกของจังหวัด” ลุงเฉียนตอบด้วยรอยยิ้ม “ทำไม นายน้อยรองตระกูลมู่มีคำสั่งอะไรงั้นหรือ?”
“งั้นฉันถามนาย เมื่อครู่ไอ้หนุ่มผอมแห้งนั่น เป็นคนของนายหรือเปล่า?” สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เยียบเย็นลง
“นายหมายถึงโหจื่อหรือ” ลุงเฉียนยิ้ม
จากนั้น จู่ๆ สีหน้าของลุงเฉียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “โหจื่อเป็นคนของฉัน ทำไม?”
“นายกล้าให้คนของนายลงมือกับฉัน?” มู่เสี่ยวไป๋โกรธจัด
ตระกูลมู่ของเมืองเอกจังหวัด ในเมืองเอกมีสถานะที่แน่นอน ไม่ว่าลูกหลานตระกูลมู่จะไปที่ใด ล้วนเป็นพวกเขาที่รังแกคนอื่น ไหนเลยที่พวกเขาจะถูกคนอื่นรังแก
“ทำไมจะไม่กล้า?”
ลุงเฉียนพูดอย่างสงบ “รีสอร์ตเป็นเขตอำนาจของฉัน อย่าว่าแต่นาย ต่อให้คุณปู่ของนาย มู่เจิ้งถังมาก่อเรื่องที่รีสอร์ตของฉัน ฉันก็กล้าแตะต้องเขา”
สูด!
เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนล้วนตะลึงปากค้าง
มู่เจิ้งถัง เป็นคนที่แม้กระทั่งผู้นำของเมืองเอกของจังหวัดก็ยังต้องให้เกียรติถึงสามส่วน แต่นี่ลุงเฉียนคล้ายกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าหากมู่เจิ้งถังได้ยินเข้า จะรู้สึกอย่างไร!
ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋กระตุก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนกล้าพูดถึงปู่ของเขาแบบนี้
“รีสอร์ตของตระกูล ช่างกล้าเสียจริง”
มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันเอ่ย “มังกรแกร่งไม่ข่มงูถิ่น หลักการนี้พวกนายตระกูลหลี่ไม่เข้าใจหรือยังไง?”
ลุงเฉียนหัวเราะ “ทำไม ฟังที่นายพูด ตระกูลมู่คิดจะบดขยี้ตระกูลหลี่ของพวกเรา ใช่ไหม?”
“อืม อย่างนั้นก็บดขยี้เถอะ”
ลุงเฉียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “คงต้องขึ้นอยู่กับว่าตระกูลมู่ของพวกนายมีความสามารถพอไหม”
ท้ายที่สุดมู่เสี่ยวไป๋ก็โกรธจนเดินจากไป เพราะลุงเฉียนไม่ไว้หน้าเขาอย่างยิ่ง
ไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าเขา แม้กระทั่งตระกูลมู่ก็ยังไม่ไว้หน้า
อันที่จริงหลี่ฝางก็รู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง เพราะยังไงแล้วมะรืนนี้เขาต้องไปรายงานตัวที่สุ่ยมู่แล้ว
เมื่อไปถึงสุ่ยมู่ ก็เท่ากับไปที่อาณาเขตของมู่เสี่ยวไป๋
ถ้าไม่ใช่เพราะมู่เสี่ยวไป๋คอยเอาแต่หาเรื่องตนอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า หลี่ฝางคงไม่มีทางลงมือกับมู่เสี่ยวไป๋แน่
ผู้ชายสามารถอดทนกับบางสิ่งได้ แต่บางสิ่งก็ไม่สามารถที่จะอดทนได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงของตัวเองถูกรังแก ถูกดูถูก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแกร่งกว่าแค่ไหน ตนเองก็จะต้องลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องผู้หญิงของตน
“เอาเถอะ ทำให้ขุ่นเคืองไปแล้วก็ขุ่นเคืองไปแล้วกัน”
หลี่ฝางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจคิด อย่างมากก็แค่ไม่ไปมหาลัยแล้วก็จบ
หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋จากไป งานเลี้ยงก็กลายเป็นน้ำนิ่งไปแล้ว
เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย หลี่ฝางเองก็ไม่ต้องการที่จะอยู่อีกต่อไปเช่นกัน
“พวกเราไปกันเถอะ” หลี่ฝางจับแขนของลู่หลุ่ยและเอ่ย
หลังจากทักทายลุงเฉียน หลี่ฝางก็จากไป
เมื่อออกไปข้างนอกก็ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งไปหาหลี่ฝางและยื่นโน้ตให้เขา “นี่เป็นของที่คุณหนูของเรามอบให้นาย”
“คุณหนูของเธอเป็นใคร?” หลี่ฝางเอ่ยปากถาม
หญิงสาวไม่ตอบ จากนั้นจึงหันหลังและวิ่งกลับไป
คุณหนู?
หลี่ฝางมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น และเห็นว่าสุดท้ายเธอวิ่งไปที่ฉินวี่เฟย
ฉินวี่เฟยคนนี้ ออกจากบ้านยังต้องพาสาวใช้มาด้วย?
หลี่ฝางพูดไม่ออกอยู่บ้าง จากนั้นจึงหาถังขยะและทิ้งโน้ตไป
นั่นเพราะ ตอนนี้ลู่หลุ่ยก็กำลังมองดูอยู่
หลี่ฝางและลู่หลุ่ยเพิ่งเดินออกมาจากรีสอร์ท ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามา
“ถังหยู่ซวน นายไปไหนมา? ฉันหานายไปทั่วหาไม่เจอ” หลี่ฝางถาม
“ฉันหลงทางน่ะสิ” ถังหยู่ซวนลูบศีรษะด้านหลังของตน จากนั้นจึงยิ้มเขิน “ฉันคิด ยังไงนายก็ต้องออกมา ดังนั้นก็เลยมารอเฝ้าอยู่ที่ประตู จะต้องได้เจอนายแน่”
“แล้วทำไมนายถึงปิดโทรศัพท์?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถามต่อ
“ปิดอยู่หรือ? เปล่าฉันไม่รู้เลย” ถังหยู่ซวนแกล้งทำเป็นบื้อ “แต่ฉันจำได้ว่าเปิดเครื่องอยู่นี่”
หลี่ฝางไม่ได้โง่ เขารู้ได้ทันทีว่าถังหยู่ซวนกำลังร้อนตัว กลัวว่าตัวตนของตนเองจะถูกเปิดโปง ดังนั้นถึงได้หาที่หลบซ่อน
“อ้อใช่ เมื่อกี้ฉันเห็นมู่เสี่ยวไป๋ หน้าตาดูเหมือนจะบวมปูดอยู่บ้าง เขาไปถูกใครตบตีมาอีกล่ะ?” ถังหยู่ซวนถาม
หลี่ฝางตบไหล่ถังหยู่ซวน “ไปกันเถอะ ฉันค่อยบอกนายระหว่างทาง”
ระหว่างไปที่ลานจอดรถ หลี่ฝางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับถังหยู่ซวนฟังไปรอบหนึ่ง
หลังจากได้ฟัง ถังหยู่ซวนก็ร้องออกมาอย่างสะใจ
เมื่อมาถึงที่จอดรถ หลี่ฝางก็เห็นชายคนหนึ่งเข้า
เจ้าหัวแบน!
หลี่ฝางเดินเข้าไป เขามองไปที่เจ้าหัวแบนและถาม “มู่เสี่ยวไป๋ล่ะ?”
“เขาไปแล้ว” เจ้าหัวแบนเอ่ย
“แล้วทำไมคุณยังไม่ไป”
“ฉันกำลังรอนาย” เจ้าหัวแบนมองไปที่หลี่ฝางและเอ่ย “ว่างไหม? ไปหาที่ดื่มกันหน่อย ฉันจะได้ให้คำอธิบายกับนายไปด้วย”
หลี่ฝางลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลง
“ถังหยู่ซวน นายไปส่งลู่หลุ่ยเถอะ” เขากลับไปที่ถังหยู่ซวนและเอ่ย
“หลี่ฝาง นายระวังตัวหน่อยล่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นเจ้าหัวแบนและมู่เสี่ยวไป๋เดินไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนไม่ธรรมดาเลย” ถังหยู่ซวนเอ่ยเตือน
“ฉันรู้” หลี่ฝางพยักหน้า
อันที่จริงหลี่ฝางเองก็กังวลเช่นกันว่าเจ้าหัวแบนกับมู่เสี่ยวไป๋กำลังรวมหัวกันเพื่อซุ่มโจมตีตัวเอง
แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง หลี่ฝางก็รู้สึกเจ้าหัวแบนไม่ใช่คนแบบนั้น ท้ายที่สุดอาศัยฝีมือของเจ้าหัวแบน คิดจะลักพาตัวหลี่ฝาง ถือเป็นเรื่องง่ายเสียอย่างยิ่ง ทำไมจะต้องทำเรื่องให้ลำบากด้วย?
“อย่างนั้นพวกเราไปก่อน” ถังหยู่ซวนกล่าวพร้อมกับพาลู่หลุ่ยจากไป
หลี่ฝางมองไปที่เจ้าหัวแบน “คุณมายังไง?”
“ฉันนั่งรถของมู่เสี่ยวไป๋มา แต่ว่า เมื่อกี้เขาเพิ่งทิ้งฉัน” เจ้าหัวแบนเอ่ยด้วยสีหน้าหดหู่อยู่บ้าง
“อย่างนั้นก็ไปรถฉันเถอะ”
เจ้าหัวแบนขึ้นไปบนรถเบนซ์ของหลี่ฝาง เขามองไปที่หลี่ฝางและพูด “หลี่ฝาง ตัวตนของนายอาจซ่อนจากมู่เสี่ยวไป๋ได้ แต่ไม่สามารถซ่อนจากทุกคนได้”
“หมายความว่าไง?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“ถ้าข่าววันนี้ไปถึงหูของมู่เจิ้งถังปู่ของมู่เสี่ยวไป๋ ตัวตนของนายจะถูกเดาได้ในไม่ช้า”
เจ้าหัวแบนพูดด้วยสีหน้าเรียบสงบ “นายเป็นหลานชายของหลี่เจียเฉินใช่ไหม?”