NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 153

ตอนที่ 153

บทที่ 153 นายต่างหากที่เป็นหลานชายของหลี่เจียเฉิน ถูกไหม

โหจื่อพยักหน้า และปล่อยเจ้าหัวแบนไป

เจ้าหัวแบนหลังจากลุกขึ้นก็เดินกลับไปที่ตรงหน้าของมู่เสี่ยวไป๋และยื่นมือเข้าไปช่วยพยุง

แต่ใครจะรู้ว่า มู่เสี่ยวไป๋กลับไม่สำนึกเลยสักนิด เขาเอื้อมมือไปผลักเจ้าหัวแบนออก และพูดด้วยใบหน้าเย็นชา

“ไสหัวไป ไอ้ขยะเอ้ย!”

หลังจากพยายามลุกขึ้นมา มู่เสี่ยวไป๋ก็ถามเจ้าหัวแบนอย่างเย็นชา “มึงตั้งใจแพ้ล่ะสิ?”

ความแข็งแกร่งของเจ้าหัวแบน แต่ไหนแต่ไรมู่เสี่ยวไป๋ไม่เคยสงสัยมาก่อน

แต่วันนี้กลับไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เขาถึงกับแพ้ให้กับคนผอมกะหร่องอย่างโหจื่อ!

สิ่งนี้ทำให้มู่เสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเจ้าหัวแบนตั้งใจแพ้

เจ้าหัวแบนไม่พูดและยังคงนิ่งเงียบ

“ฮ่าฮ่า ปู่บอกว่าแกเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุดในตระกูลมู่ ดูเหมือนว่า ปู่ของฉันก็รู้จักมองคนผิดไปเหมือนกัน” มู่เสี่ยวไป๋แค่นเสียงออกมา

ในเวลานี้โหจื่อจึงเดินเข้ามาหามู่เสี่ยวไป๋ “อันที่จริง ความแข็งแกร่งของพี่โจวไม่ได้ต่างอะไรกับฉันมากนัก”

“สาเหตุที่เขาแพ้ให้ฉันเร็วขนาดนี้ นั่นเพราะเขาต้องมาคอยเสียสมาธิให้กับเศษขยะอย่างแก”

โหจื่อชี้ไปที่มู่เสี่ยวไป๋และเอ่ย “ขยะ ก็คือแกนั่นแหละ”

“แกกล้าบอกว่าฉันเป็นขยะ? ” มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่โหจื่ออย่างเหี้ยมเกรียม

“เอาเถอะ ฉันขอโทษ แต่ฉันขอโทษใส่ขยะ ไม่ใช่แก” โหจื่อเอ่ยแก้ไข “พูดให้ถูกต้องคือ แม้กระทั่งขยะแกยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ”

พูดจบ โหจื่อก็ออกจากวิลล่าไป

มู่เสี่ยวไป๋โกรธจัด แต่กลับไม่มีทางทำอะไรได้

“แม่งเอ้ย ครั้งนี้กูเสียหน้าฉิบหาย” มู่เสี่ยวไป๋เอ่ยพลางกัดฟัน

สิ่งที่มู่เสี่ยวไป๋สูญเสียไป ไม่ใช่แค่หน้าตาเท่านั้น แต่รวมไปถึงคำพูดและการกระทำของเขาด้วย เขาเป็นตัวแทนของตระกูลมู่ ดังนั้นหากเขาเสียหน้า ก็หมายถึงทั้งตระกูลมู่ต้องเสียหน้าไปด้วย

ไม่ว่าจะเป็นเมืองเอกของจังหวัดหรือตงไห่ ไหนเลยจะมีใครกล้าทำให้มู่เสี่ยวไป๋ต้องอึดอัดใจขนาดนี้ได้?”

ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครกล้า

แต่ตอนนี้มีแล้ว

นั่นคือตระกูลหลี่

เริ่มจากถูกทุบตีที่ Recalling the past จากนั้นจึงมาถูกทุบตีอีกครั้งที่รีสอร์ต

ทั้งสองแห่ง ล้วนเป็นอาณาเขตของตระกูลหลี่

และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลี่ฝาง

มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลี่ฝาง แววตาของเขาซับซ้อนอยู่บ้าง “สรุปแกเป็นใครกันแน่วะ?”

“ตั้งแต่ฉันมู่เสี่ยวไป๋เกิดมา ไม่เคยถูกใครเอาเปรียบมาก่อน” มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว เขาไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนที่ไม่ได้มีเบื้องหลังอะไรอย่างหลี่ฝาง จะถึงกับทำให้เขาสะดุดล้มลงได้

“ฉันก็แค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น” หลี่ฝางกล่าวเบา ๆ

คนธรรมดาทั่วไป?

ในตอนนี้ อย่าว่าแต่มู่เสี่ยวไป๋ คนแทบทั้งห้องล้วนไม่มีใครเชื่อเช่นกัน

“เอาล่ะ ก่อเรื่องกันพอหรือยัง?” ทันใดนั้น จู่ๆ ลุงเฉียนก็พูดขึ้นมา

มู่เสี่ยวไป๋เหลือบมองไปที่ลุงเฉียนและเอ่ย “นายเป็นผู้ดูแลรีสอร์ต ใช่ไหม?”

“ใช่” ลุงเฉียนพยักหน้าเล็กน้อย

“อย่างนั้นนายก็น่าจะรู้ว่าฉันเป็นใคร?” มู่เสี่ยวไป๋พูดต่อ

“แน่นอน นายน้อยรองของตระกูลมู่เมืองเอกของจังหวัด” ลุงเฉียนตอบด้วยรอยยิ้ม “ทำไม นายน้อยรองตระกูลมู่มีคำสั่งอะไรงั้นหรือ?”

“งั้นฉันถามนาย เมื่อครู่ไอ้หนุ่มผอมแห้งนั่น เป็นคนของนายหรือเปล่า?” สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เยียบเย็นลง

“นายหมายถึงโหจื่อหรือ” ลุงเฉียนยิ้ม

จากนั้น จู่ๆ สีหน้าของลุงเฉียนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา “โหจื่อเป็นคนของฉัน ทำไม?”

“นายกล้าให้คนของนายลงมือกับฉัน?” มู่เสี่ยวไป๋โกรธจัด

ตระกูลมู่ของเมืองเอกจังหวัด ในเมืองเอกมีสถานะที่แน่นอน ไม่ว่าลูกหลานตระกูลมู่จะไปที่ใด ล้วนเป็นพวกเขาที่รังแกคนอื่น ไหนเลยที่พวกเขาจะถูกคนอื่นรังแก

“ทำไมจะไม่กล้า?”

ลุงเฉียนพูดอย่างสงบ “รีสอร์ตเป็นเขตอำนาจของฉัน อย่าว่าแต่นาย ต่อให้คุณปู่ของนาย มู่เจิ้งถังมาก่อเรื่องที่รีสอร์ตของฉัน ฉันก็กล้าแตะต้องเขา”

สูด!

เมื่อประโยคนี้หลุดออกมา ทุกคนล้วนตะลึงปากค้าง

มู่เจิ้งถัง เป็นคนที่แม้กระทั่งผู้นำของเมืองเอกของจังหวัดก็ยังต้องให้เกียรติถึงสามส่วน แต่นี่ลุงเฉียนคล้ายกับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ

ไม่รู้ว่าหากมู่เจิ้งถังได้ยินเข้า จะรู้สึกอย่างไร!

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋กระตุก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนกล้าพูดถึงปู่ของเขาแบบนี้

“รีสอร์ตของตระกูล ช่างกล้าเสียจริง”

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันเอ่ย “มังกรแกร่งไม่ข่มงูถิ่น หลักการนี้พวกนายตระกูลหลี่ไม่เข้าใจหรือยังไง?”

ลุงเฉียนหัวเราะ “ทำไม ฟังที่นายพูด ตระกูลมู่คิดจะบดขยี้ตระกูลหลี่ของพวกเรา ใช่ไหม?”

“อืม อย่างนั้นก็บดขยี้เถอะ”

ลุงเฉียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “คงต้องขึ้นอยู่กับว่าตระกูลมู่ของพวกนายมีความสามารถพอไหม”

ท้ายที่สุดมู่เสี่ยวไป๋ก็โกรธจนเดินจากไป เพราะลุงเฉียนไม่ไว้หน้าเขาอย่างยิ่ง

ไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้าเขา แม้กระทั่งตระกูลมู่ก็ยังไม่ไว้หน้า

อันที่จริงหลี่ฝางก็รู้สึกหวั่นเกรงอยู่บ้าง เพราะยังไงแล้วมะรืนนี้เขาต้องไปรายงานตัวที่สุ่ยมู่แล้ว

เมื่อไปถึงสุ่ยมู่ ก็เท่ากับไปที่อาณาเขตของมู่เสี่ยวไป๋

ถ้าไม่ใช่เพราะมู่เสี่ยวไป๋คอยเอาแต่หาเรื่องตนอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า หลี่ฝางคงไม่มีทางลงมือกับมู่เสี่ยวไป๋แน่

ผู้ชายสามารถอดทนกับบางสิ่งได้ แต่บางสิ่งก็ไม่สามารถที่จะอดทนได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้หญิงของตัวเองถูกรังแก ถูกดูถูก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแกร่งกว่าแค่ไหน ตนเองก็จะต้องลุกขึ้นยืนเพื่อปกป้องผู้หญิงของตน

“เอาเถอะ ทำให้ขุ่นเคืองไปแล้วก็ขุ่นเคืองไปแล้วกัน”

หลี่ฝางถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในใจคิด อย่างมากก็แค่ไม่ไปมหาลัยแล้วก็จบ

หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋จากไป งานเลี้ยงก็กลายเป็นน้ำนิ่งไปแล้ว

เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมาย หลี่ฝางเองก็ไม่ต้องการที่จะอยู่อีกต่อไปเช่นกัน

“พวกเราไปกันเถอะ” หลี่ฝางจับแขนของลู่หลุ่ยและเอ่ย

หลังจากทักทายลุงเฉียน หลี่ฝางก็จากไป

เมื่อออกไปข้างนอกก็ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งไปหาหลี่ฝางและยื่นโน้ตให้เขา “นี่เป็นของที่คุณหนูของเรามอบให้นาย”

“คุณหนูของเธอเป็นใคร?” หลี่ฝางเอ่ยปากถาม

หญิงสาวไม่ตอบ จากนั้นจึงหันหลังและวิ่งกลับไป

คุณหนู?

หลี่ฝางมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น และเห็นว่าสุดท้ายเธอวิ่งไปที่ฉินวี่เฟย

ฉินวี่เฟยคนนี้ ออกจากบ้านยังต้องพาสาวใช้มาด้วย?

หลี่ฝางพูดไม่ออกอยู่บ้าง จากนั้นจึงหาถังขยะและทิ้งโน้ตไป

นั่นเพราะ ตอนนี้ลู่หลุ่ยก็กำลังมองดูอยู่

หลี่ฝางและลู่หลุ่ยเพิ่งเดินออกมาจากรีสอร์ท ทันใดนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามา

“ถังหยู่ซวน นายไปไหนมา? ฉันหานายไปทั่วหาไม่เจอ” หลี่ฝางถาม

“ฉันหลงทางน่ะสิ” ถังหยู่ซวนลูบศีรษะด้านหลังของตน จากนั้นจึงยิ้มเขิน “ฉันคิด ยังไงนายก็ต้องออกมา ดังนั้นก็เลยมารอเฝ้าอยู่ที่ประตู จะต้องได้เจอนายแน่”

“แล้วทำไมนายถึงปิดโทรศัพท์?” หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะถามต่อ

“ปิดอยู่หรือ? เปล่าฉันไม่รู้เลย” ถังหยู่ซวนแกล้งทำเป็นบื้อ “แต่ฉันจำได้ว่าเปิดเครื่องอยู่นี่”

หลี่ฝางไม่ได้โง่ เขารู้ได้ทันทีว่าถังหยู่ซวนกำลังร้อนตัว กลัวว่าตัวตนของตนเองจะถูกเปิดโปง ดังนั้นถึงได้หาที่หลบซ่อน

“อ้อใช่ เมื่อกี้ฉันเห็นมู่เสี่ยวไป๋ หน้าตาดูเหมือนจะบวมปูดอยู่บ้าง เขาไปถูกใครตบตีมาอีกล่ะ?” ถังหยู่ซวนถาม

หลี่ฝางตบไหล่ถังหยู่ซวน “ไปกันเถอะ ฉันค่อยบอกนายระหว่างทาง”

ระหว่างไปที่ลานจอดรถ หลี่ฝางก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับถังหยู่ซวนฟังไปรอบหนึ่ง

หลังจากได้ฟัง ถังหยู่ซวนก็ร้องออกมาอย่างสะใจ

เมื่อมาถึงที่จอดรถ หลี่ฝางก็เห็นชายคนหนึ่งเข้า

เจ้าหัวแบน!

หลี่ฝางเดินเข้าไป เขามองไปที่เจ้าหัวแบนและถาม “มู่เสี่ยวไป๋ล่ะ?”

“เขาไปแล้ว” เจ้าหัวแบนเอ่ย

“แล้วทำไมคุณยังไม่ไป”

“ฉันกำลังรอนาย” เจ้าหัวแบนมองไปที่หลี่ฝางและเอ่ย “ว่างไหม? ไปหาที่ดื่มกันหน่อย ฉันจะได้ให้คำอธิบายกับนายไปด้วย”

หลี่ฝางลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบตกลง

“ถังหยู่ซวน นายไปส่งลู่หลุ่ยเถอะ” เขากลับไปที่ถังหยู่ซวนและเอ่ย

“หลี่ฝาง นายระวังตัวหน่อยล่ะ เมื่อกี้ฉันเห็นเจ้าหัวแบนและมู่เสี่ยวไป๋เดินไปด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนไม่ธรรมดาเลย” ถังหยู่ซวนเอ่ยเตือน

“ฉันรู้” หลี่ฝางพยักหน้า

อันที่จริงหลี่ฝางเองก็กังวลเช่นกันว่าเจ้าหัวแบนกับมู่เสี่ยวไป๋กำลังรวมหัวกันเพื่อซุ่มโจมตีตัวเอง

แต่เมื่อคิดดูอีกครั้ง หลี่ฝางก็รู้สึกเจ้าหัวแบนไม่ใช่คนแบบนั้น ท้ายที่สุดอาศัยฝีมือของเจ้าหัวแบน คิดจะลักพาตัวหลี่ฝาง ถือเป็นเรื่องง่ายเสียอย่างยิ่ง ทำไมจะต้องทำเรื่องให้ลำบากด้วย?

“อย่างนั้นพวกเราไปก่อน” ถังหยู่ซวนกล่าวพร้อมกับพาลู่หลุ่ยจากไป

หลี่ฝางมองไปที่เจ้าหัวแบน “คุณมายังไง?”

“ฉันนั่งรถของมู่เสี่ยวไป๋มา แต่ว่า เมื่อกี้เขาเพิ่งทิ้งฉัน” เจ้าหัวแบนเอ่ยด้วยสีหน้าหดหู่อยู่บ้าง

“อย่างนั้นก็ไปรถฉันเถอะ”

เจ้าหัวแบนขึ้นไปบนรถเบนซ์ของหลี่ฝาง เขามองไปที่หลี่ฝางและพูด “หลี่ฝาง ตัวตนของนายอาจซ่อนจากมู่เสี่ยวไป๋ได้ แต่ไม่สามารถซ่อนจากทุกคนได้”

“หมายความว่าไง?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“ถ้าข่าววันนี้ไปถึงหูของมู่เจิ้งถังปู่ของมู่เสี่ยวไป๋ ตัวตนของนายจะถูกเดาได้ในไม่ช้า”

เจ้าหัวแบนพูดด้วยสีหน้าเรียบสงบ “นายเป็นหลานชายของหลี่เจียเฉินใช่ไหม?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท