NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 152

ตอนที่ 152

บทที่ 152 หลี่ฝางตีมู่เสี่ยวไป๋อย่างแรง

เจ้าหัวแบนคิดจะต่อต้าน แต่กลับถูกโหจื่อขู่ด้วยรอยยิ้ม “พี่โจว คุณต้องการให้ผมหักคอของคุณหรือไง?”

พูดจบ สีหน้าของโหจื่อก็เยียบเย็นขึ้นมาทันที ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด

“ยอดฝีมือที่มู่เสี่ยวไป๋พามาแพ้แล้ว?”

“คาดไม่ถึงจริงๆ เลยนะเนี่ย คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มผอมแห้งนั่นจะเอาชนะเจ้าหัวแบนได้”

“ติงเฟิง เมื่อกี้นายไม่ได้บอกว่าเจ้าหัวแบนเก่งเสียยิ่งกว่าเก่งหรือไง? ทำไมถึงได้ถูกคนเล่นงานลงเอาง่ายๆ แบบนี้ เมื่อครู่ตอนนายเล่าเรื่องกษัตริย์แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คงจะเป็นเรื่องแต่งของนายรึเปล่า? ” มีคนสงสัยขึ้นมา

“ไม่เชื่อก็ลองกลับไปสืบดูเอง คนรุ่นเก่าล้วนรู้กันดีทั้งนั้น นายท่านมู่ในตอนนั้น พาคนแค่เพียงคนเดียวไปเจอกับกษัตริย์แห่งตะวันออกเฉียงเหนือจริงๆ”

ลูกเศรษฐีอย่าง ติงเฟิงยังคงกล่าวด้วยความไม่แน่ใจอยู่บ้าง “บางทีนายท่านมู่อาจจะพาคนอื่นไป”

เจ้าหัวแบนเองก็ไม่คาดคิดว่า ตนเองจะพ่ายแพ้ลงในเงื้อมมือของโหจื่อเช่นกัน

แต่เจ้าหัวแบนในตอนนี้เองก็ไม่กล้าจะขัดขืนอะไรมาก จึงทำได้แค่มองดูมู่เสี่ยวไป๋ถูกหลี่ฝางจัดการตาปริบ ไม่มีทางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้

เจ้าหัวแบนในตอนนี้ อย่าว่าจะไปปกป้องใครเลย แม้กระทั่งตนเองยังแทบเอาตัวไม่รอด

โหจื่อบีบคอเจ้าหัวแบนเอาไว้แบบนี้ ไหนเลยที่เจ้าหัวแบนจะกล้าขยับตัวมั่วซั่ว?

ลำคอ คือจุดตาย!

เมื่อถูกคนจับได้ ก็เหมือนถูกคนจับตายแล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้อย่างโหจื่อ เขาสามารถบีบคอคนคนหนึ่งลงและฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

แม้ในใจของเจ้าหัวแบนจะคิดว่าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากแบบนี้ โหจื่อคงจะไม่เอาชีวิตของเขา แต่เขาก็ยังไม่กล้าที่จะเสี่ยงอย่างบุ่มบ่าม

หากโหจื่อกล้าขึ้นมาล่ะ?

แบบนั้นเขาก็ตายไม่ใช่หรือไง?

ดังนั้น เจ้าหัวแบนจึงไม่กล้าเสี่ยง

เมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นว่าเจ้าหัวแบนถูกโหจื่อบีบคอเอาไว้แน่น อีกทั้งยังมีท่าทียอมรับชะตาและหยุดดิ้นรนแล้ว

มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันเอ่ย “หลี่ฝาง แกตีพอแล้วหรือยัง?”

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น หลี่ฝางตบลงบนหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ “แกจะร้องหาพระแสงอะไร แม่งเอ้ย เสียงดังขนาดนี้ ฉันตกใจเข้าใจไหม?”

หลังจากมู่เสี่ยวไป๋ถูกตบต่อหน้ากลุ่มคน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา

เสียงตบดังขึ้นอีกครั้ง เป็นหลี่ฝางที่ตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋เข้าอีกรอบ “แม่งเอ้ย อย่ามาใช้สายตานี่มองหน้าฉัน ฉันกลัว เข้าใจรึเปล่า?”

“เจ้าหนุ่มหลี่ฝางนี่ก็ออกจะเก่งไปหน่อยแล้วมั้ง? แม้แต่มู่เสี่ยวไป๋ยังกล้าตี!”

“เกรงว่าทั่วมั้งจังหวัดนี้ คนที่กล้าตีมู่เสี่ยวไป๋ คงมีอยู่นับมือ”

“คนที่กล้าตบมู่เสี่ยวไป๋ในที่สาธารณะแบบนี้ เกรงว่าอายุแบบนี้ ทั้งเมืองหลวงของจังหวัดคงไม่มีใครกล้า”

“นี่มันถอดเขี้ยวจากปากเสือชัดๆ หาเหาใส่หัว รนหาที่ตายไปหน่อยแล้ว”

พวกเหล่าลูกเศรษฐี ต่างพากันเหงื่อตกแทนหลี่ฝาง

แม้แต่ ฉินวี่เฟยเองก็ยังมองหลี่ฝางอย่างประเมินขึ้นและลงที่ และมีความสนใจในตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาไม่น้อย

ฉินวี่เฟยได้เห็นความเย่อหยิ่งอวดดีของพวกเหล่าคุณชายมานับไม่ถ้วน แต่เขากลับไม่เคยเห็นคนแบบหลี่ฝางมาก่อน ทั้งเหี้ยมโหด ทั้งเลวร้าย อีกทั้งยังไร้ยางอาย

มู่เสี่ยวไป๋เสียงดัง ปากบอกว่าตัวเองตกใจ แต่กลับตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋เข้าไปฉาดหนึ่ง

มู่เสี่ยวไป๋จ้องใส่หน่อย ปากบอกว่ากลัว แต่กลับตบเข้าไปเพิ่มอีกฉาด

ถ้ากลัวขนาดนั้นจริง ทำไมถึงได้กล้าตบตีคน

ทุกคนล้วนพูดไม่ออก หลี่ฝางคนนี้ คิดจะแหย่มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดมาตรงๆ เถอะ?

มู่เสี่ยวไป๋แทบจะกระอักตาย เขาต่อยตีไม่ชนะหลี่ฝาง เจ้าหัวแบนก็ถูกโหจื่อบีบคอเอาไว้ เขาทำได้แค่เพียงหันไปขอความช่วยเหลือจากลูกเศรษฐีอย่างติงเฟิง

“พวกนายมัวแต่ยืนนิ่งทำไม ยังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก?” มู่เสี่ยวไป๋ตะโกนใส่ฝูงชน

พวกติงเฟิงมองหน้ากันไปมา พวกเขากำลังลังเล

นั่นเพราะ ก่อนที่มู่เสี่ยวไป๋จะมา พวกที่ไปหาเรื่องหลี่ฝาง ล้วนถูกไล่ออกจากผู้รีสอร์ตไปจนหมดแล้ว

ตัวตนของหลี่ฝางคนนี้ ลึกลับเกินไป

ผู้คนต่างก็สงสัย ว่าเขาเป็นหลานชายของคุณท่านหลี่หรือไม่?

ไม่อย่างนั้น ทำไมรีสอร์ตถึงได้ปกป้องเขาขนาดนี้กัน?

“ติงเฟิง เฉาฮั๋ว รีบเข้ามาช่วยฉัน!”

มู่เสี่ยวไป๋เห็นว่าทุกคนไม่ขยับ ดังนั้นจึงเริ่มเรียกชื่อ

พอเรียกชื่อขึ้นมา ก็ได้ผลจริงๆ

ติงเฟิงและเฉาฮั๋วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า

ยังไงเสียมู่เสี่ยวไป๋ก็เรียกพวกเขาแล้ว หากพวกเขายังแสร้งทำเป็นหูหนวก และเพิกเฉยต่อไป มู่เสี่ยวไป๋จะต้องมาเอาคืนพวกตนในวันหลังแน่

แม้ว่าพวกเขาจะมีสีหน้าไม่เต็มใจ แต่ก็ยังฝืนเดินเข้าไป

“แม่งเอ้ย มู่เสี่ยวไป๋ แกนี่มันชาติชั่วจริงๆ!”

เมื่อหลี่ฝางเห็นมู่เสี่ยวไป๋เรียกกำลังเสริมก็ร้อนรนขึ้นมา ตนเองสามารถเอาชนะมู่เสี่ยวไป๋ได้ก็จริง แต่เขาไม่สามารถรับมือกับคนสามคนได้ อีกทั้งเขายังไม่ใช่ยอดฝีมือแบบโหจื่อด้วย!

เพี๊ยะเพี๊ยะเพี๊ยะ!

ในขณะที่ติงเฟิงและเฉาฮั๋วกำลังเดินมา หลี่ฝางก็ตบมู่เสี่ยวไป๋ไปสามครั้งติด

เสียงสูดลมหายใจดังขึ้น

ทุกคนกำลังสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ นี่มันก็ช่างไม่กลัวตายไปหน่อยแล้วมั้ง? กล้าที่จะปฏิบัติต่อนายน้อยรองของตระกูลมู่แบบนี้!

ในเวลานั้นเอง ลุงเฉียนก็เดินเข้ามาตรงหน้ามู่เสี่ยวไป๋อย่างช้าๆ ลุงเฉียนไอออกมา ดวงตามองไปที่ติงเฟิงและเฉาฮั๋ว

เมื่อเห็นลุงเฉียน ทั้งสองคนก็ราวกับเห็นปีศาจไม่ปาน จากนั้นจึงรีบก้าวกลับไปแทบไม่ทัน

จุดจบของหยูเถิงและจ้าวเสี่ยวตาว ยังคงอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจน

พวกเขาไม่อยากเข้าไปอยู่ในบัญชีดำของรีสอร์ต และสร้างศัตรูกับตระกูลหลี่

หากพวกเขาต้องเลือกระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลมู่ พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะไม่ทำให้ตระกูลหลี่ขุ่นเคือง

ยังไงเสีย คุณท่านหลี่ก็ถือเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุด

“ไอ้เวรเอ้ย! ” เมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นพวกเขาหนีไป ก็โกรธจนกำหมัดแน่น

หลี่ฝางมองไปที่ดวงตาสิ้นหวังของมู่เสี่ยวไป๋และพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาเถอะ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน”

หลี่ฝางลุกขึ้นยืนเหนือมู่เสี่ยวไป๋ “เพียงแต่ถ้าจากนี้ไปแกยังคิดจะมาหาเรื่องฉันอีก ฉันจะไม่ปล่อยแกไปง่ายๆ เหมือนวันนี้แน่”

มู่เสี่ยวไป๋ลุกขึ้นนั่งและมองไปที่หลี่ฝางอย่างเย็นชา “ไร้สาระ ความแค้นวันนี้ แกว่ายังไงก็เป็นอย่างนั้นหรือไง?”

“ไอ้เวร ฉันจะปล่อยแกไปสักครั้งแล้วเชียว แต่นี่แกยังคิดจะแก้แค้นอีก! ”

หลี่ฝางโกรธขึ้นมาทันที เขามู่เสี่ยวไป๋กดลงบนพื้น “มู่เสี่ยวไป๋ ฉันถามแกอีกครั้ง ความแค้นของเราสองคน ยังไม่ปล่อยไปอีกใช่ไหม?”

มู่เสี่ยวไป๋ถูกกดลงกับพื้นแน่นจนไม่สามารถขยับได้เลย

เสียงฝ่ามือดังขึ้นอีกครั้ง หลี่ฝางเอ่ยถาม “ฉันถามแกอยู่นะ แกยังคิดจะมาหาเรื่องฉันอยู่ใช่ไหม?”

หลี่ฝางคิดในใจ ยังไงก็หาเรื่องไปแล้ว ตนจะต้องมากลัวอะไรอีก?

ทำไมไม่ตบเขาอีกสักหน่อย ให้คลายความโมโห

เมื่อเทียบกับการถูกแทง การตบมู่เสี่ยวไป๋ไม่กี่ฝ่ามือนี่ ถือว่าเอาเปรียบตนเองไปมากแล้ว

มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่อยากตอบและทำเพียงนิ่งเงียบ

ต่อหน้าผู้คนมากมาย หากไม่เอ่ยปากออกไป ทีหลังหากเขาคิดจะแก้แค้น ก็แค่หาช่องทางลับๆ ลงมือ ยังไงในแวดวงนี้เขาก็ค่อนข้างมีเครดิตที่ดีไม่น้อย

แวดวงลูกเศรษฐี ให้ความสำคัญมากกับความซื่อสัตย์ หากคำพูดไม่เป็นคำพูด ต่อไปใครกันจะกล้าทำธุรกิจหรือเจรจากับคุณ?

แต่มู่เสี่ยวไป๋เองก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ หากเขาพูดไป หลี่ฝางจะต้องคอยมาเอาชนะเขาต่อไปแน่

ให้ตาย มาถึงตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง หากตอนนั้นเขาเหมือนพี่ชายของตน ร่ำเรียนเทควันโดและศิลปะการต่อสู้ วันนี้เขาจะมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?

ถึงกับถูกเด็กหน้าเหม็นรังแก!

มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกว่าตนโมโหจนแทบจะหายใจไม่ออก

“ไม่พูดใช่ไหม?”

หลี่ฝางยิ้มเบาๆ “แกมันวอนหาเรื่องเองนะโว้ย!”

ยังคิดจะตีต่อ?

ทุกคนพูดไม่ออกไปแล้ว เจ้าหลี่ฝางนี่คิดจะหาเอาเป็นเอาตายกับมู่เสี่ยวไป๋แล้ว

ไม่ไว้หน้าสวีเถิงเฟยและหยูเถิงก็เป็นเรื่องน่าตกใจแล้ว

แต่ใครจะรู้ว่ายิ่งหลี่ฝางอยู่ยิ่งหาเรื่องใหญ่ขึ้นไปอีก ถึงกับไปทำให้ตระกูลมู่ขุ่นเคือง

หลี่ฝางง้างแขนขึ้นมา ในขณะที่กำลังจะตบหน้ามู่เสี่ยวไป๋เมื่อ จู่ๆ มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้น “พอได้แล้ว ฉันยอมแล้ว!”

“กูแทงมึงไปมีดหนึ่ง มึงตบกูสองสามครั้ง ก็ถือว่ากูไม่ได้เสียเปรียบแล้ว!” มู่เสี่ยวไป๋เอ่ยเสียงดัง

“มิน่าหลี่ฝางถึงได้ลงมือรุนแรงขนาดนี้ ที่แท้เขากับคุณชายมู่มีความบาดหมางกันมาก่อน”

เมื่อมู่เสี่ยวไป๋พูดแบบนี้ ทุกคนก็เข้าใจขึ้นมาทันที

หลังจากรู้ว่ามู่เสี่ยวไป๋แทงหลี่ฝาง ทุกคนก็ลดท่าทีเยาะเย้ยที่มีต่อเขาลงไปบ้าง

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น หลี่ฝางง้างมือขึ้นมา ก่อนจะตบลงไปอีกครั้ง “ต่อหน้าฉัน แกกล้าเในที่สุด หลี่ฝาง ก็ดึงแขนออกด้วยการตบ: “ต่อหน้าฉัน แกกล้าเรียกตัวเองว่ากู ให้ตายเถอะแกนี่มันวอนจริงโว้ย!”

“เยี่ยมจริงๆ! ” ในใจของทุกคนมีความนับถือหลี่ฝางขึ้นมา

มู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีกสักคำ เขากลัวว่าหากตนเอ่ยปากอะไรผิดไป จะถูกตบอีกครั้ง

มู่เสี่ยวไป๋ในวันนี้แทบจะเรียกได้ว่าตนพลิกเรือนในท่อระบายน้ำ

ในเวลานี้เอง โหจื่อเอ่ยถามหลี่ฝาง “จะจัดการกับเขายังไง? ”

“ปล่อยเขาไปเถอะ” หลี่ฝางเหลืองมองเจ้าหัวแบน สีหน้าของเขาซับซ้อนอยู่บ้าง

“ปล่อยเขาไป? เมื่อกี้เขายังคิดจะหักขายคุณอยู่เลย” โหจื่อจุ๊ปาก ท่าทางไม่ค่อยพอใจอยู่บ้าง

“เจ้าหัวแบนเคยช่วยฉันเอาไว้หลายครั้ง ก่อนหน้านี้ฉันเป็นหนี้เขา”

หลี่ฝางขมวดคิ้วและเอ่ย “จากนี้ไป ไม่ติดค้างกันอีก”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท