NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 158

ตอนที่ 158

บทที่ 158 ไปอยู่บ้านของหลินชิงชิง

“ทำไมถึงได้เรื่องเยอะขนาดนี้วะ! ”

หวางเห้าเหลือบมองไปที่ชายผมสั้นและเอ่ยอย่างไม่พอใจ

โดยปกติแล้ว เงินควรจะมาจากชายผมสั้น แต่หวางเห้าคิดว่า ครอบครัวชายผมสั้น คงไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น

“พี่เห้า เรื่องผิดพลาดอย่าได้พาลไปถึงครอบครัว หลักการนี้คุณไม่เคยได้ยินหรือไง” ไอ้หน้าบากพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ฉันไอ้หน้าบากคลุกคลีอยู่ข้างนอกนี่มานานหลายปี ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้ครอบครัว แต่ก็ไม่เคยทำให้ครอบครัวต้องมาลำบาก” ไอ้หน้าบากพูดตรงๆ “สายนี้ ฉันไม่โทร”

ไอ้หน้าบากมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว ทัศนคติของเขาชัดเจนอย่างยิ่ง เป็นตายยังไงเขาก็จะไม่โทรหาที่บ้าน

หวางเห้าโบกมือและเอ่ย “ช่างเถอะ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร วันนี้ฉันจะต้องได้เห็นเงิน 400000”

“พวกนายอยากโทรหาใครก็โทร แต่จำไว้สองข้อ ข้อแรก เวลาโทรยืมเงิน เปิดลำโพง ข้อสอง ห้ามให้คนส่งเงินมา เดี๋ยวนี้ก็มีการโอนผ่าน WeChat และ Alipayแล้ว ง่ายจะตาย”

“แต่ว่า ฉันขอเตือนว่าพวกนายควรจะเร่งเวลาหน่อย ลองมองดูพี่น้องของนาย ท้องเขามีเลือดไหลอยู่ตลอดเลยนี่นา” หวางเห้าหัวเราะและพูด “อย่างมากเขาก็อยู่ได้ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง”

ไอ้หน้าบากเหลือบมองไปที่หวางเห้า เขาเอ่ย “แกมันเหี้ยมจริงๆ”

หลังจากที่ไอ้หน้าบากติดตามเสีย ก็ไม่เคยถูกใครหาเรื่องขนาดนี้มาก่อน

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ไอ้หน้าบากและพี่น้องก็รวบรวมเงินมาได้ 230000

“พี่เห้า มีแค่นี้” หลังจากไอ้หน้าบากโอนเงินให้กับหวางเห้า เขาก็เอ่ย ปล่อยเราไปสักครั้งเถอะ”

“คิดว่าฉันอยู่ในตลาดสดหรือไง ถึงได้มาต่อรองราคากับฉัน!” หวางเห้ากลอกตาใส่ไอ้หน้าบากไปทีหนึ่ง เขาเอ่ย “เร็วเข้า อย่ามาเสียเวลาของฉัน”

สิบนาทีต่อมา กลุ่มคนเหล่านี้ก็รวบรวมเงินอีก 60000 หยวนสำหรับและให้กับหวางเห้า

ไอ้หน้าบากเอ่ย “พี่เห้า สังคมมีกฎเกณฑ์ เป็นคนทิ้งทางเหลือเอาไว้บ้าง ภายหลังยังอาจได้พบกันอีก ฉันขอเตือนว่านายอย่าได้ทำเรื่องให้มันมากเกินไป”

หวางเห้าเอ่ยในใจ ใครจะไปพบนายกัน พบนายอีกทีไม่ฆ่าฉันหรือไง

“ได้ วันนี้ฉันจะปล่อยนายไปสักครั้ง” หวางเห้าลุกขึ้นและตบไหล่ของไอ้หน้าบาก “เรื่องนี้ พวกเราถือว่าจบกัน”

หลังจากที่หวางเห้าและหลี่ฝางลงไปชั้นล่าง ก็มีคนเอ่ยขึ้นอย่างไม่ยอม “พี่หน้าบาก จะให้เงินเขาไปทั้งอย่างนี้หรือ?”

เงินกว่า 300,000 หยวน ไม่ใช่เงินก้อนเล็ก ๆ ให้หวางเห้าไปแบบนี้ คนอื่นๆ รู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง

“วันหลังเจอพี่เสือ บอกพี่เสือไปสักหน่อย ยังไงพวกเราก็รู้ว่าเจ้านั้นเป็นใคร ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะหลบหนี” ไอ้หน้าบากเอ่ย

“เมื่อกี้พวกนายก็เห็นแล้ว หวางเห้ากับพี่น้องเขา ไม่ได้เป็นมิตรอะไร ถ้าพวกเราไม่ยอมให้ไป เกรงว่าหวางเห้าคงไม่ปล่อยพวกเราไปแน่”

“ฉันเคยได้ยินเรื่องคนคนนี้ เจ้านี่มาจากฝั่งตงไห่ พวกเขาดุร้ายมากเสียจนแม้แต่เจ้าถิ่นก็ยังเอาไม่อยู่”

“ยังมีไอ้เด็กเปรตนั่น อายุยังน้อยแต่ขับเบนซ์G-Class ไม่รู้ว่ามีความเป็นมายังไง”

“จำทะเบียนรถเขาเอาไว้ ไปตรวจสอบดู …”

ไอ้หน้าบากพูดจบ ใบหน้าก็มีร่องรอยของความเหี้ยมเกรียมพาดผ่าน

เขาไม่เคยคิดว่า ในเขตของตนเองแบบนี้ตนเองจะถูกแบล็กเมล์

“อ้อใช่ เรื่องวันนี้อย่าไปบอกใคร” ไอ้หน้าบากเอ่ย

จากนั้น กลุ่มไอ้หน้าบากก็ลงไปชั้นล่าง

“เจ้าพาน วันนี้นายทำเงินได้เท่าไหร่?” เมื่อเห็นเจ้าพานที่ชั้นล่าง ไอ้หน้าบากก็เริ่มหัวเราะ

“พี่หน้าบาก วันนี้การค้าไม่ดี ยังไม่ได้เงินทุนเลย” เจ้าพานได้ยินคำพูดนี้ เนื้อตัวก็สั่นขึ้นมา

เจ้าพานรู้ว่า ไอ้หน้าบากกำลังจะไถเงินตนอีกแล้ว

“งั้นหรือ?” ไอ้หน้าบากเดินไปที่เคาน์เตอร์และเปิดลิ้นชักเงินออกโดยตรง

“ไอ้เวรเอ้ย วันนี้ได้แค่นี้เองหรอวะ?” สีหน้าของไอ้หน้าบากดูไม่ได้อยู่บ้าง

“พี่หน้าบาก นี่เป็นของสองวัน”

ไอ้หน้าบากยื่นมือออกไปคว้าเอาไว้ ไม่เหลือแม้กระทั่งเศษให้เจ้าพาน

“ไอ้เวรเอ้ย ตาแก่นี่ โง่จริงๆ ไอ้ซื้อเนื้อหมูและเนื้อหนูราคาถูกแล้วเอามาทาน้ำมันแกะสักหน่อย แบบนี้ก็ได้เงินแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมจะต้องมาใช้เนื้อแกะบริสุทธิ์ด้วย! ” ไอ้หน้าบากกลอกตาใส่เจ้าพานแล้วจึงเดินจากไป

หลังจากออกมา ไอ้หน้าบากก็ยัดเงินใส่มือเจ้าชายผมสั้น “รับไปโรงพยาบาลเถอะ ดูหน้านาย ไม่มีเลือดเหลือแล้ว”

……

ในเบนซ์G-Classคันใหญ่ หลี่ฝาง หลินชิงชิง หวางเห้าและเจ้าหัวแบน ทั้งหมดกำลังนั่งอยู่ในนั้น

“พี่เห้า พี่ไม่กลัวเหรอว่าไอ้หน้าบากจะมาแก้แค้น?” หลี่ฝางถามด้วยความกังวล “เขารู้จักตัวตนของพี่แล้ว”

“มีอะไรต้องกลัว ก็แค่พวกขี้แพ้ ถ้ากล้าไปหาฉัน ฉันจะจัดการฆ่าพวกมัน” หวางเห้าเอ่ยด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ

“ถ้าพวกเขาเรียกตำรวจล่ะ? ” หลินชิงชิงเอ่ยขึ้น “ยังไงพวกนายก็เข้าข่ายต้องสงสัยว่ามีการขู่กรรโชก”

“แจ้งตำรวจคงไม่น่าจะเกิดขึ้น ไอ้หน้ายากเป็นลูกค้าประจำที่ศูนย์อาบอบนวดของเรา พื้นเพก็ไม่ได้สะอาดอะไร ไม่มีทางกล้าไปแจ้งตำรวจแน่ อีกทั้งเรื่องบนท้องถนน แก้ปัญหาบนท้องถนน ไปแจ้งตำรวจ เท่ากับทำลายกฎ” หวางเห้าเอ่ย “นอกจากว่าเจ้านั่นไม่คิดจะอยู่ในวงการแล้ว”

“อย่างนั้นนายเองก็ใจดำไม่เบา พริบตาเดียวก็หลอกแบล็กเมล์เจ้าพวกนั้นไปมากกว่า 300,000” หลินชิงชิงเอ่ย

“อันที่จริง ฉันเองก็อยากสั่งสอนคนพวกนี้ไปตั้งนานแล้ว พี่สาวในศูนย์อาบอบนวด ต่างก็รู้สึกแย่ๆ กับไอ้เจ้าพวกนี้ โดยเฉพาะไอ้หน้าบาก มันเป็นพวกโรคจิต”

“ถ้าไม่ใช่เพื่อนฉันบอกว่าทำการค้าจะต้องประนีประนอมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่งั้นฉันคงจัดการพวกมันไปตั้งแต่ที่ศูนย์อาบอบนวด แล้ว” หวางเห้าเอ่ยอย่างโมโห

ยังมีเรื่องนี้อยู่นี่เอง

หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่เห้า ครั้งนี้เป็นหนี้พี่ครั้งใหญ่แล้วจริงๆ”

หวางเห้าหัวเราะและเอ่ย “ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม? ถ้าไม่มีแล้ว ฉันต้องกลับไปแล้ว ศูนย์อาบอบนวดไม่มีฉันไม่ได้”

“ได้ อย่างนั้นพี่ขับช้าๆ หน่อยล่ะ”

หวางเห้าสวมแว่นกันแดด จากนั้นก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป

“ผู้ชายคนนี้ ดึกดื่นใส่แว่นกันแดด จะมองเห็นถนนได้ชัดเจนหรือไงกัน?” หลินชิงชิงส่ายหัว พูดไม่ออกอยู่บ้าง

หวางเห้าเพิ่งจะจากไป เจ้าหัวแบนเองก็เอ่ยขึ้น “ฉันเองก็สมควรกลับไปแล้ว”

“ถ้ายังไม่กลับไป มู่เสี่ยวไป๋ก็อาจจะสงสัยฉัน เมื่อกี้เขาโทรหาฉันหลายครั้งแล้ว แต่ฉันไม่กล้ารับ” เจ้าหัวแบนเอ่ย

“ผมไปส่งพี่ไหม?” หลี่ฝางถาม

“ถ้านายอยากตาย ก็ไปส่งฉัน” เจ้าหัวแบนล้อเล่น จากนั้นจึงเรียกแท็กซี่ออกไป

เมื่อเหลือแค่หลินชิงชิงและหลี่ฝาง หลินชิงชิงก็เอ่ยปาก “เสี่ยวฝาง ตอนนี้นายมีเงินสดรึเปล่า?”

“มี”

หลี่ฝางเอ่ย “ใต้ก้นพี่มีแต่เงิน เชื่อไหม?”

หลินชิงชิงยกบั้นท้ายขึ้น ใต้เบาะที่ตนเองนั่ง เต็มไปด้วยกองเงินเป็นฟ่อนๆ

“ใช้ได้นี่ เก่งขึ้นมาบ้างแล้ว แม้แต่พี่สาวก็ยังกล้าแซว” หลินชิงชิงถลึงตาใส่หลี่ฝาง

“พี่สาว ผมแซวพี่ที่ไหนกัน” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายบอกว่าใต้เบาะมีเงินก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมต้องบอกว่าใต้ก้นฉันด้วย” หลินชิงชิงพูดอย่างเคืองๆ

“ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?” หลี่ฝางลูบหลังศีรษะของเขาและหัวเราะ

“เอาเถอะ ฉันจะเอาไปให้เจ้าพาน ที่บ้านพวกเขาลำบากไม่น้อย” หลินชิงชิงกล่าว

หลี่ฝางไม่ปฏิเสธ ท้ายที่สุดแล้วเขาไม่ได้ขาดแคลนเงินแต่อย่างใด

“ชิงชิง นี่เธอกำลังทำอะไร? ”

เมื่อมองไปที่หลินชิงชิงเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับเงินสดสองกองในมือ เจ้าพานก็ตะลึงไป

“ลุงพาน เงินนี่คุณเอาไปเถอะ ถือค่าชดเชยร้านคุณที่เสียหายไป” หลินชิงชิงวางเงินบนเคาน์เตอร์

“ลุงพาน คุณอย่าได้เกรงใจไป หลิงหลิงไปโรงเรียน ก็ต้องใช้เงินไม่ใช่หรือ?” ลุงพานคิดจะคืนเงินให้หลินชิงชิง แต่หลินชิงชิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“อ้อใช่ ไอ้หน้าบากมาแย่งเงินคุณไปทุกวัน ทำไมคุณไม่ไปแจ้งตำรวจ?” หลินชิงชิงถาม

“แจ้งตำรวจ? แจ้งอะไรกัน เจ้านั่นมีกำลังมากขนาดนั้น ต่อให้ฉันแจ้งตำรวจไป เกิดมันจับได้ขึ้นมา พวกมันคงไม่ปล่อยฉันไปแน่” เจ้าพานพูดอย่างขมขื่น “ถ้าแจ้งตำรวจไป ร้านนี้ คงเปิดต่อไปไม่ได้แล้ว”

“ฉันเป็นแค่สามัญชนตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ไหนเลยจะไปทำให้ลูกพี่ของพวกอันธพาลนั่นโกรธได้! ”

หลี่ฝางยืนอยู่ที่ประตู ได้ยินประโยคนี้ เขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

“ช่างเถอะ ทนได้ก็ทนไป” เจ้าพานพูดอย่างหมดหนทาง

หลินชิงชิงส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก

เมื่อออกมาจากร้าน หลินชิงชิงก็เอ่ย “อันที่ไอหน้าบาก เห็นว่าเจ้าพานรังแกง่าย”

“ลูกชายของเจ้าพานล่ะ?”

“นายหมายถึงพ่อของหลิงหลิงหรอ? เฮ้อ ตอนทำงานประสบเข้ากับดินถล่ม คนทั้งคนถูกฝังอยู่ใต้ดินและไม่พบศพด้วยซ้ำ” หลินชิงชิงถอนหายใจ “เถ้าแก่ก็หนีไป เจ้าพานไม่ได้เงินชดเชยอะไรสักแดงเดียว”

หลังจากขึ้นรถ หลินชิงชิงก็เอ่ย “ดึกขนาดนี้แล้ว นายไม่ต้องกลับไปตงไห่แล้ว ไปที่บ้านของฉันแล้วกัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท