NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 171

ตอนที่ 171

บทที่171 คนที่ไม่สามารถล่วงเกินได้ คือหลี่ฝาง

“มอบให้ฟรี………..” เหยนเสี่ยวน่าอ้าปากพูด ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

เหยนเสี่ยวน่าเธอเคยเห็นลูกคนรวยมานัดต่อนัดแล้ว แต่คนที่ใจกว้างขนาดนี้ เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เป็นการพบกันครั้งแรกด้วยความบังเอิญ ก็มอบเหล้าให้เธอที่มีมูลค่าเป็นแสนเลย?

เหยนเสี่ยวน่าอดคิดในใจไม่ได้ว่า หลี่ฝางตกหลุมรักเธอ แล้วอยากจีบเธอใช่ไหม?

มันเป็นไปได้

เมื่อคิดถึงแบบนี้ เหยนเสี่ยวน่าก็หน้าแดงขึ้นมาทันที

“แบบนี้มันไม่ดีมั้งรู้สึกเกรงใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรับของขวัญที่มีค่าขนาดนี้” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว

หลี่ฝางยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร

แต่ใบหน้าของสาวแว่น แสดงความรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

เพราะเมื่อสักครู่ เธอได้กล่าวหาว่า หลี่ฝางเป็นคนเจ้าเล่ห์มีแผนการ

สุดท้าย หลี่ฝางมอบเหล้าทั้งหมดให้เหยนเสี่ยวน่า เสมือนเป็นการตบหน้าสาวแว่นคนนั้น

ณ.ตอนนี้ คนทั้งโต๊ะจึงได้เข้าใจแล้วว่า หลี่ฝางไม่ได้มีแผนการอะไร แต่เขารวยจริง ๆ

ในสายตาของหลี่ฝาง หนึ่งแสนหรือเป็นล้าน เหมือนเป็นแค่เงินค่าขนมเท่านั้น

ผ่านไปไม่นาน อาหารและเครื่องดื่มก็เสิร์ฟเต็มโต๊ะแล้ว

ต่อด้วย ผู้จัดการล็อบบี้ก็รีบวิ่งมาด้วยความรีบร้อน

เนื่องจากเมื่อสักครู่เขามัวแต่ยุ่งอยู่ที่ชั้นบน จึงไม่รู้ว่าชั้นล่างเกิดเรื่องอะไรขึ้น

เมื่อลงมาถึงชั้นล่าง เขาเห็นอาหารเต็มโต๊ะและเห็นไวน์แดงที่ราคาแพงเหล่านั้น เขาตกตะลึงไปทันที

ผู้จัดการล็อบบี้เดินไปข้างๆ หลี่ฝาง แล้วขยี้ตาตัวเอง

เขาสงสัยเรื่องทั้งหมดนี้คือความผิดพลาด

คนพวกนี้ ได้สั่ง Haut-Brion ที่มีมูลค่าถึงหนึ่งหมื่นสองมาบ้วนปาก!

เป็นไปได้ที่คนพวกนี้ไม่รู้ราคา หรือไม่พวกเขาก็บ้าไปแล้ว?

“พวกคุณ…….พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่?” ผู้จัดการล็อบบี้ชี้ไปที่พวกหลี่ฝาง ถามด้วยเสียงอันเบาๆ

“อันนี้คือ Haut-Brion ขวดล่ะหมื่นสอง แต่พวกคุณนำมาบ้วนปาก……..” ผู้จัดการล็อบบี้รู้สึกโมโหจนตัวสั่น

แบบนี้มันเป็นการสิ้นเปลืองเปล่า ๆ แล้วมั้ง?

เริ่มแรก หลี่ฝางอยากใช้Rauzan-Seglaที่มีมูลค่าหนึ่งพันห้ามาบ้วนปาก

หลังจากนั้นเห็นว่า Rauzan-Segla มีแค่สองขวด มันไม่พอ ฉะนั้นจึงสั่ง Haut-Brion มาบ้วนปากแทน

เพราะยังไงก็มีไวน์แดงตั้งมากมาย ดื่มไม่หมดอยู่แล้ว

การฝากไว้กับสิ้นเปลือง ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย

เนื่องจากหลี่ฝางเคยทำงานที่ร้านเหล้า ตัวเขารู้ดี ว่าไวน์แดงราคาแพงที่ลูกค้าฝากไว้ ก็จะถูกพนักงานบริการแอบดื่ม หลังจากนั้นก็เติมน้ำหรือนำไวน์แดงชนิดอื่นมาผสมแทน

นอกจากนักชิมเหล้าแล้ว คนปกติทั่วไปจะไม่สามารถแยกแยะออกได้

ฉะนั้น หากจะฝากไวน์ ก็นำมาบ้วนปากจะดีเสียกว่า

“มีปัญหาอะไรเหรอ?” หลี่ฝางเลิกคิ้ว แล้วมองหน้าผู้จัดการล็อบบี้

“ไวน์พวกนี้ พวกเราเสียเงินไม่ว่าพวกเราจะเทมันทิ้ง หรือนำไปบ้วนปาก มันก็เป็นสิทธิ์ของพวกเราใช่ไหม?”

หลี่ฝางหัวเราะเบา ๆ

ผู้จัดการล็อบบี้มองหลี่ฝางด้วยความตื่นเต้น “ผมได้ยินมาว่า คุณเหมาไวน์ขาวของโรงแรมทั้งหมดเลย?” “เหมือนจะเป็นเช่นนั้น” หลี่ฝางผงกศีรษะ

“ทำไมเหรอ หรือว่าโรงแรมของคุณมีกฎห้ามลูกค้าทำแบบนี้เหรอ?” หลี่ฝางเงยหน้ามองผู้จัดการล็อบบี้ ถามไปหนึ่งประโยค

หากเปลี่ยนเป็นแขกคนอื่น ผู้จัดการล็อบบี้คงจะดีใจเป็นอย่างมาก

แต่สำหรับหลี่ฝางแล้วมันไม่เหมือนกัน

เพราะยอดค่าใช้จ่ายวันนี้ของหลี่ฝาง เขาต้องเป็นคนรับผิดชอบออกครึ่งหนึ่ง

ถึงแม้ว่าเขาจะขอสิทธิพิเศษกับเจ้านาย อย่างมากก็สามารถลดได้แค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์

นั่นหมายความว่า หากหลี่ฝางใช้จ่ายหนึ่งหมื่น ผู้จัดการล็อบบี้ต้องควักเนื้อตัวเองออกเองสามพัน

เมื่อสักครู่ผู้จัดการล็อบบี้ได้ดูบัญชีแล้ว หลี่ฝางใช้จ่ายแล้วหนึ่งล้านสองแสนกว่า……

นั่นหมายความว่า ผู้จัดการล็อบบี้ต้องควักเนื้อตัวเองอย่างน้อยสามแสนหก

ผู้จัดการล็อบบี้พูดด้วยเสียงลอดไรฟัน “คุณแกล้งฉัน? ”

“นี่เป็นแค่การใช้จ่ายตามปกติ บ้านฉันฐานะแบบนี้แหละ นี่ยังดีที่ไม่ใช้Lafiteบ้วนปาก ก็ถือว่าถ่อมตัวแล้ว” หลี่ฝางยกมือขึ้นแล้วพูดเช่นนั้น เมื่อได้ยินประโยคนั้น ผู้จัดการล็อบบี้เกือบเป็นลม

จะใช้ Lafiteบ้วนปาก หากแม้เป็นถึงเศรษฐีอันดับต้น ๆ ยังไม่กล้าฟุ่มเฟือยขนาดนี้?

ผู้จัดการล็อบบี้มองหลี่ฝางด้วยสายตาเยือกเย็น “คุณรู้หรือไม่ว่าอาหารมื้อนี่ราคาเท่าไหร่? ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว “ผมไม่อยากรู้ว่าอาหารมื้อนี้ราคาเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ผมอยากรู้คือ โรงแรมว่างโก๋ของพวกคุณบริการลูกค้าด้วยกริยาแบบนี้เหรอ? ”

“ตอนที่ลูกค้าทานอาหารอยู่ คุณเหมือนกับแมลงวันบินอยู่ข้างหูพวกเรา คุณรู้ไหมพฤติกรรมแบบนี้มันมีผลกระทบต่ออารมณ์การทานข้าวของพวกเรา?” หลี่ฝางกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ

“ผู้จัดการล็อบบี้ ชั้นบนมีลูกค้าตั้งมากมายรอให้คุณบริการ คุณควรรีบขึ้นไปน่ะ” เหยนเสี่ยวน่าก็ถือโอกาสนี้พูดประชดว่า “สวีเถิงเฟยและหยูเถิง คุณชายสองท่านนี้ คงยังไม่กลับ?”

ผู้จัดการล็อบบี้หน้าขรึมขึ้นมา เพราะเขาไม่ใช่คนโง่ ที่หลี่ฝางทำเช่นนี้ ก็เพื่อที่จะแก้แค้นเขา? ผู้จัดการล็อบบี้เดินกลับไป และหยุดที่หน้าเคาน์เตอร์

“เสี่ยวจู โต๊ะโน้นใครเป็นคนดูแลบริการอยู่?” ผู้จัดการถามด้วยเสียงอันเยือกเย็น

“ผู้จัดการ ชิวหย่าดูแลบริการอยู่ค่ะ”

ผู้จัดการล็อบบี้ได้ใช้วิทยุสื่อสาร เรียกชิวหย่ามาที่เคาน์เตอร์

ผู้จัดการล็อบบี้ระงับความโกรธ แล้วชี้ไปที่โต๊ะของหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยเสียงเยือกเย็นกับชิวหย่าว่า “โต๊ะโน้น คุณดูแลบริการอยู่ใช่ไหม? ”

“ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ ผู้จัดการ?” ชิวหย่ามองหน้าผู้จัดการ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกโกรธอย่างรุนแรง

“คุณ คุณโง่เหรอ โต๊ะพวกเขามียอดค่าอาหารและเครื่องดื่มรวมหนึ่งล้านสองแสนกว่าแล้ว คุณคิดว่าพวกเขาจ่ายไหวเหรอ?” ผู้จัดการล็อบบี้พูดด้วยเสียงลอดไรฟัน

“ผู้จัดการ ที่แท้คุณกังวลเรื่องนี้เอง”

“ผู้จัดการ คุณไม่ต้องกลัว ฉันได้ตรวจสอบดูแล้ว ลูกค้ารูปหล่อที่เป็นเจ้ามือคนนั้น ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนคนธรรมดา แต่งตัวเรียบ ๆ แต่เขาขับเบนซ์ G-Class มาเลยนะคะ”

พูดจบ ชิวหย่าก็ชี้ไปที่เบนซ์ G-Classที่จอดอยู่หน้าประตู แล้วพูดกับผู้จัดการว่า “คือรถคันที่จอดอยู่หน้าประตู” “ฉันได้ตรวจสอบดูแล้วเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของปีนี้เลย ราคาอยู่ที่สองล้านกว่า และรถยังใหม่มาก” ชิวหย่าพูดเช่นนั้น

“ชิวหย่า ที่เธอพูดว่าเบนซ์ G-Classเป็นรถของเขาเหรอ?” สีหน้าของผู้จัดการเปลี่ยนจากความโกรธเป็นความประหลาดใจ

“ใช่ค่ะ คือรถของเขา” ชิวหย่าชี้ไปที่หลี่ฝางแล้วพูดต่อว่า “ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อ ไอ้หนุ่มคนนี้อายุยังน้อย จะขับรถแพงขนาดนั้นได้ยังไงกัน ต่อมาเขาเอากุญแจรถมาให้ฉัน ฉันก็เลยเดินไปหน้าประตูเพื่อลองดู ไม่คิดว่าเบนซ์ G-Classคันนี้ เป็นของเขาจริง ๆ”

“ผู้จัดการ คุณวางใจได้แล้ว เขาสามารถจ่ายค่าอาหารได้แน่นอนค่ะ”

“ฉันอยากรู้จริง ๆว่าพวกเขาแค่กินอาหารมื้อเดียว ทำไมถึงกินได้หรูหราขนาดนี้ เหมือนรู้สึกว่าค่าอาหารมื้อนี้เพื่อแก้แค้นใครสักคนเลย”

ตอนนี้สีหน้าของผู้จัดการซีดเผือดขึ้นมา

สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ หลี่ฝางจะเป็นลูกคนรวย

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่มันก็สายเกินไปแล้ว

“จบกัน จบกัน ตอนนี้จบกันแล้ว” ทันใดนั้นผู้จัดการก็ตบขาตัวเอง คุมขมับแล้วนั่งลง

ตั้งสามแสนกว่า เงินเดือนทั้งปีของเขาที่ทำงานเป็นผู้จัดการโรงแรมว่างโก๋ ยังไม่ถึงสองแสนเลย

อาหารมื้อนี้ หลี่ฝางก็ทำให้เขาต้องเสียเงินสามแสนกว่าแล้ว

“ผู้จัดการ คุณเป็นอะไรไปค่ะ” ชิวหย่าถามด้วยสีหน้าอึ้ง

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

“เอาล่ะ คุณขึ้นไปดูแลบริการที่ชั้นบนเถอะ” หลังจากนั้นไม่นาน ผู้จัดการล็อบบี้ก็ลุกขึ้นยืน

มีประโยคหนึ่ง วัวหายล้อมคอก หากรีบแก้ไขมันก็อาจไม่สายเกินไป

เมื่อรู้ว่าตัวเองผิด ก็ควรรีบไปขอโทษยอมรับผิด

เช่นนี้ มันจะสามารถทำให้ตัวเองเสียหายน้อยลงได้

อย่างน้อย หลี่ฝางยังมีไวน์ที่ยังไม่ได้เปิดดื่มอีกหกเจ็ดแสน

ยังไม่เปิดดื่ม มันก็สามารถคืนได้ หากคืนไวน์ขาวพวกนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็จะขาดทุนน้อยลง

ผู้จัดการล็อบบี้จึงรีบเดินไปที่หน้าหลี่ฝาง

ตอนนี้ โต๊ะหลี่ฝาง กำลังดื่มอย่างออกรส

โดยเฉพาะเลี่ยวข่ายกับสาวอ้วนคนนั้น สองคนนี้เป็นพวกนักกินตัวยง เมื่อเห็นว่ามีอาหารและเครื่องดื่มเต็มโต๊ะ ก็กินกันไม่ยั้ง

หลี่ซ่วยซ่วยก็เช่นกัน ตั้งแต่เล็กจนโต ไหนเลยจะเคยเห็นสถานที่หรูหราเช่นนี้?

แทบจะเป็นเหมือนพระราชาในสมัยก่อนล่ะ

โดยดื่มLafite จอกหนึ่ง แล้วก็ดื่มLatour จอกหนึ่ง ผ่านไปไม่นาน หลี่ซ่วยซ่วยก็เมาแล้ว หน้าเหมือนก้นลิงเลย

สาวแว่นก็ทิ้งความอคติที่มีต่อหลี่ฝาง ถูกความอาจหาญของหลี่ฝางสยบอย่างราบคาบ

เพื่อลบคำสบประมาทของทุกคน รวมถึงฉินวี่เฟยด้วย ทำให้หลี่ฝางเสียเงินไปล้านกว่า สำหรับอาหารแค่มื้อเดียว

ไม่ว่าฉินวี่เฟยจะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย มีพื้นเพครอบครัวที่ไม่ธรรมดา เป็นสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองเอก เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ฝาง ดูเหมือนจะด้อยกว่านิดหน่อย

ขณะนี้ ผู้จัดการล็อบบี้ได้เดินมาถึง ใบหน้าของเขาได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนและเคารพ

เพราะว่าผู้จัดการล็อบบี้ได้รู้แล้วว่า หลี่ฝางเป็นลูกคนรวย

ที่สามารถขับรถที่หรูหราราคาแพงถึงสองล้าน คิดว่าน่าจะมีเงินเกินพันล้าน

และหลี่ฝางเสียเงินเป็นล้านเพื่อแกล้งเขาเล่น คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ก็มีแต่พวกลูกคนรวยเท่านั้น

ผู้จัดการล็อบบี้อย่างเขาไม่สามารถเล่นเกมนี้ได้ มีทางเดียวคือต้องยอมแพ้

ผู้จัดการล็อบบี้ก็ตบหน้าตัวเอง แล้วพูดว่า “เป็นผมเองที่ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ที่ล่วงเกินคุณ”

“คุณน้องครับ หวังว่าคุณเป็นผู้ใหญ่จะใจกว้างไม่ถือสา ปล่อยผมสักครั้งได้ไหมครับ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท