NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 173

ตอนที่ 173

บทที่ 173 แย่งห้องส่วนตัวคืนมา

หลี่ฝางเป็นคนที่มีเหตุผล

หากคุณไม่แส่หาเรื่องผมก่อน ผมก็ไม่หาเรื่องคุณก่อนเช่นกัน

หากคุณแส่หาเรื่องผมแล้ว ผมก็จะให้คุณได้ลิ้มรสความร้ายกาจของผม……

ผู้จัดการล็อบบี้ถือว่าได้รับประสบการณ์ และได้ลิ้มลองถึงบทเรียนอันนองเลือด

ตอนนี้ สวีเถิงเฟยไปแล้ว หยูเถิงก็ไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า ห้องส่วนตัว888ว่างแล้ว

ผู้จัดการล็อบบี้รีบพูดขึ้นทันทีว่า “คุณน้อง รอสักครู่ ผมจะรีบไล่ลูกค้าที่ยังเหลือในห้อง888ออกไป แล้วให้พวกคุณเขาไปนั่งแทน”

ถึงแม้ว่าผู้จัดการล็อบบี้จะไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของหลี่ฝาง แต่เมื่อกี้สิ่งที่เขาเห็นกับตา

ไอ้หมอนี่ ไม่เพียงแค่ไม่เห็นสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงอยู่ในสายตาแล้ว ยังกล้าลงมือทำร้ายหยูเถิงอีก

คิดว่าฐานะหลี่ฝาง คงไม่ธรรมดาแน่นอน

หลังจากที่ผู้จัดการล็อบบี้เดินขึ้นไปชั้นบน เหยนเสี่ยวน่าได้พูดว่า “หลี่ฝาง คุณเป็นใครกันแน่?”

“ทำไมคุณถึงได้รู้จักสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงได้ ดูแล้ว หยูเถิงเหมือนเป็นศัตรูของคุณ?” เหยนเสี่ยวน่ารู้จักคนอย่างหยูเถิงเป็นอย่างดี

คนที่สามารถเป็นศัตรูกับหยูเถิงนั้น มันมีไม่มากนัก

คนส่วนใหญ่ที่เป็นศัตรูกับหยูเถิง ส่วนใหญ่จะจบไม่สวย ไม่ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ก็ถูกหยูเถิงเล่นงานจนพิการ

หลี่ฝางเป็นข้อยกเว้น ที่เล่นงานจนหยูเถิงต้องเข้าโรงพยาบาลเอง

เหยนเสี่ยวน่าคิดในใจ คนที่สามารถรู้จักสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงทั้งคู่พร้อมกัน นั่นก็แสดงให้เห็นว่าหลี่ฝางอยู่แวดวงเดียวกันกับพวกเขา

เพียงแต่ ทำไมตนเองถึงไม่เคยเห็นเขาน่ะ?

“ผมก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง กับหยูเถิง บังเอิญมีเรื่องบาดหมางกันนิดหน่อย” หลี่ฝางกล่าวอย่างเบา ๆ

“คนธรรมดา? คนธรรมดาอย่างคุณกล้ากินอาหารมื้อล่ะล้าน? คนธรรมดาอย่างคุณยังรู้จักพวกหยูเถิง?” เหยนเสี่ยวน่าไม่เชื่อ

หวางเสี่ยวโก๋รู้สึกสนใจฐานะของหลี่ฝาง

ก่อนที่หวางเสี่ยวโก๋จะอ้าปาก ก็มีคนหลายคนวิ่งลงมาจากชั้นบน

ตู้เฟยหยิบขวดเบียร์หนึ่งขวด กับพวกผู้ชายอีกสองคน วิ่งลงมาแล้วก็ด่าว่า“แม่งฉิบหาย ไอ้คนไหนอยากไปกินข้าวที่ห้อง888!”

“ให้แสดงตัวออกมา!” ตู้เฟยใช้ขวดเบียร์ชี้ไปที่ทุกคนรอบหนึ่ง

“นี่พูดถึงพวกเรานี่?” หวางเสี่ยวโก๋ลุกขึ้นยืนทันที

“เป็นแกใช่ไหม?” ตู้เฟยมองไปที่หวางเสี่ยวโก๋ที่ลุกขึ้นยืนอยู่ เดินเข้าไปหาทันที “คือแกใช่ไหมที่ต้องการแย่งห้องส่วนตัวของพวกเรา?”

“ห้องนั้นเดิมทีเป็นของพวกเราอยู่แล้ว” หวางเสี่ยวโก๋ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “ตอนเที่ยง ผมได้จองห้องนั้นไว้แล้ว”

“แม่งฉิบหาย” ตู้เฟยไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระ ด่าไปหนึ่งประโยค จากนั้นถีบไปที่หวางเสี่ยวโก๋ครั้งหนึ่ง

ตู้เฟยหน้าแดง ดูก็รู้ว่าดื่มเหล้าเข้าไปมาก

และสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา ได้พุ่งเข้ามาทันที

หวางเสี่ยวโก๋ลูบที่หน้าอกของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่โกรธจัด

หวางเสี่ยวโก๋รู้ดีว่า ลูกค้าห้อง888 เขาไม่สามารถล่วงเกินได้

คนที่สามารถกินข้าวร่วมกับที่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงได้ น่าจะเป็นลูกคนรวยเช่นกัน

เพราะว่าฐานะทางบ้านของหวางเสี่ยวโก๋ธรรมดา จึงไม่อาจลวงเกินคนพวกนี้ได้?

แต่สำหรับหลี่ฝางนั้นไม่เหมือนกัน หลี่ฝางลุกขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยสายตาที่เยือกเย็นว่า“ตู้เฟย สวัสดี”

เมื่อเห็นหน้าหลี่ฝาง ตู้เฟยสั่นขึ้นมากะทันหัน

ถึงแม้ก่อนหน้านั้น จะมีเรื่องชกต่อยกับหลี่ฝางหลายครั้ง แต่ว่าทุกครั้งก็เป็นฝ่ายถูกทำร้ายตลอด

เมื่อเป็นเช่นนี้หลายครั้ง ตู้เฟยมีความรู้สึกว่าหลี่ฝางเป็นเงามืดในใจเขา

“หลี่ฝาง……แกมันเป็นวิญญาณที่ไม่ยอมแตกซ่านสักที” ตู้เฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ข้างหลังตู้เฟย ยังมีผู้ช่วยอยู่อีกสองคน

ผู้ช่วยสองคนนี้ รูปร่างสูงใหญ่กำยำ

“พี่ชายทั้งสองคน ลุยนำหน้าไปก่อน ผมดื่มเหล้าเข้าไปเยอะ” ตู้เฟยหันหน้าไปพูดกับชายสองคนนั้น

“ได้ ไอ้พวกนี้ พวกเราสองพี่น้องจัดการมันเอง”

สองคนนั้นกำมัดแน่น มุ้งตรงไปที่หลี่ฝาง

เมื่อผู้จัดการล็อบบี้ได้เห็นเช่นนั้น รีบวิ่งเข้ามา

“ลูกค้าทุกท่าน อย่ามามีเรื่องในโรงแรมของเราเลย” ผู้จัดการล็อบบี้เข้ามาห้ามปราม

ตู้เฟยยกขาถีบไปที่ผู้จัดการล็อบบี้ “แม่งฉิบหาย แกไสหัวออกไปไกล ๆ”

ผู้จัดการล็อบบี้โดนถีบไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าอารมณ์เสีย

เพราะเขารู้ฐานะของตู้เฟย แม่ของเขาเป็นคนตระกูลหยู

ผู้จัดการล็อบบี้ถอยไปอยู่ข้าง ๆ เหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด อยู่เหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เลยโทรหาเจ้านายของเขา

หลี่ฝางดึงหวางเสี่ยวโก๋ให้ลุกขึ้นมา“เสี่ยวโก๋ ฉันจำได้ตอนเที่ยง นายพูดกับฉันว่า ตอนที่นายอยู่มัธยมปลาย เป็นขาใหญ่ประจำห้องนี่”

“ฝีมือการต่อสู้ของนาย ทำไมอ่อนหัดอย่างนี้?” หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวโก๋ด้วยความสงสัย

“ผมกลัวนี่นา ไอ้หมอนั้นดูแล้วเหมือนลูกคนรวย ถ้าหากผมทำร้ายเขาจนเป็นอะไรไป มันจะเป็นเรื่องใหญ่” หวางเสี่ยวโก๋กล่าวเช่นนั้น

“นายดู พวกเขาจะเข้ามาหาเรื่องพวกเรา นายมัวแต่กลัวกังวลเรื่องฐานะของพวกเขา แล้วจะอยู่นิ่ง ๆ ให้เขาทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ?” หลี่ฝางกล่าว

“เชี่ยเอ้ย สู้พวกมัน!” หวางเสี่ยวโก๋กำหมัดแน่น แสดงออกถึงความโกรธ

เมื่อเห็นจิตวิญญาณการต่อสู้ในตัวหวางเสี่ยวโก๋ ความกดดันของหลี่ฝางลดน้อยลงไป

“ลุย!”

หลี่ฝางตะโกนออกไป แล้วก็หยิบขวดเหล้าขึ้นมา

หวางเสี่ยวโก๋ก็รีบหยิบขวดเหล้าตามขึ้นมาทันทีเช่นกัน

เลี่ยวข่ายมองไปที่หลี่ซ่วยซ่วยแวบหนึ่ง “พวกเราจะทำยังไงดี?”

“เราจะไม่นั่งมองเฉย ๆ เพราะหลี่ฝางเลี้ยงพวกเรา แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของเราด้วย เราจึงไม่อาจเห็นเขาถูกรังแกได้” หลี่ซ่วยซ่วย พูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ แล้วลุกขึ้น ท่าทางดุเหมือนวัว

เดิมหลี่ฝางคิดว่าคราวนี้หนักเอาเรื่องอยู่

พอหลี่ซ่วยซ่วยมาสมทบ สถานการณ์พลิกกลับทันที

สองคนที่อยู่ตรงข้าม ถูกกระแทกล้มลงกับพื้นทันที

ตอนนี้หวางเสี่ยวโก๋ได้วิ่งเข้าไป ถีบตู้เฟยล้มลงกับพื้น

“แย่งห้องของกู ยังจะมาทำร้ายกูอีก แม่งฉิบหาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!” หวางเสี่ยวโก๋ตีไม่ยั้ง ไม่สนใจว่าตู้เฟยจะเป็น

ลูกคนรวยหรือไม่ ถีบไปที่ท้องของตู้เฟยไม่ยั้ง

“ผู้จัดการ รบกวนให้พนักงานบริการเก็บกวาดห้องนั้นหน่อย พวกเราจะเข้าไปทานข้าวที่ห้องนั้น”

หลี่ฝางกล่าว “อีกอย่าง ไวน์แดงก็เอาไปด้วย”

“ได้ ๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผู้จัดการล็อบบี้เป็นคนพาชิวหย่าและคนอื่น ๆ ไปเก็บกวาดด้วยตนเอง

ไม่ถึงห้านาที ห้องนั้นก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดแล้ว

“อาหารพวกนี้ยังจะยกเข้าไปอีกไหมคะ ชิวหย่าถาม?”

หลี่ฝางส่ายศีรษะ “อาหารที่พวกเราสั่ง ยังมีอีกกี่อย่างที่ยังไม่ได้เสิร์ฟ?”

“ยังมีอีกประมาณ 40 อย่าง” ชิวหย่าตอบ

“เสิร์ฟอีก12 อย่างก็พอแล้ว” หลี่ฝางกล่าว “ที่เหลือไม่ต้องเสิร์ฟแล้ว”

“ซึ่งแน่นอน จ่ายทั้งหมดที่สั่งอยู่แล้ว”

ขณะนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็วิ่งเข้ามา “คุณน้องครับ แล้วไวน์ขาวนั่น….”

“ไม่นำกลับบ้านใช่ไหม จะคืนใช่ไหมครับ” หลี่ฝางหัวเราะฮ่า ๆ

แต่ถึงอย่างไร คืนนี้ก็ใช้จ่ายไปห้าแสนกว่า

“ยังไงก็ต้องขอบคุณ คุณน้องเป็นอย่างมากครับ” ผู้จัดการล็อบบี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ถ้าหากหลี่ฝางนำไวน์ขาวพวกนั้นกลับไปด้วย เขาต้องขาดทุนอย่างมาก

แต่เป็นหลี่ฝางเอง ที่จะได้กำไรน้อยลงหน่อย

……

สวีเถิงเฟยขับรถไปส่งหยูเถิงที่โรงพยาบาล หลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียด

หมอได้แจ้งแก่หยูเถิงว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงแค่บาดเจ็บภายนอก ทำแผลก็ไม่เป็นไรแล้ว

ตอนนี้สวีเถิงเฟยได้ถามว่า “หยูเถิง เรื่องนี้นายจะเอายังไงดี? ”

“หากจะแจ้งตำรวจ ผมจะโทรหาพี่เขย(สามีลูกพี่ลูกน้อง)” สวีเถิงเฟยกล่าว

พี่เขยของสวีเถิงเฟย ชื่อว่าหูเฟย

แน่นอน ที่หูเฟยสามารถนั่งตำแหน่งนี้ได้ ก็ได้ความช่วยเหลือลับ ๆ จากตระกูลสวี

หูเฟยถึงแม่ไม่แซ่สวี แต่ก็ถือเป็นคนของตระกูลสวี

เพราะเขาคือเขยแต่งเข้าตระกูลนั่นเอง

หยูเถิงคิดสักครู่ ก็ส่ายศีรษะ แล้วก็พูดว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนพี่เขยนาย”

“สมองของผมก็ไม่ได้กระทบกระเทือน แค่แตกเท่านั้น ถึงพี่เขยนายเป็นคนออกหน้า ก็จัดการไอ้หมอนั้นไม่ได้หรอก” หยูเถิงกล่าว

หนึ่งคือหยูเถิงไม่อยากติดหนี้บุญคุณตระกูลสวี สองคือเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นไรมาก หากแจ้งตำรวจ มันกลับจะทำให้เดือดร้อน

หลี่ฝางมีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าให้ความเท็จ กลัวว่ามันจะไม่ได้ผล

หยูเถิงคิดในใจ ความแค้นในครั้งนี้ เขาแก้แค้นเองจะดีเสียกว่า

อย่าลืม ที่นี่คือเมืองเอก ไม่ใช่ตงไห่

และตอนนี้ โทรศัพท์ของหยูเถิงก็ได้ดังขึ้น เป็นตู้เฟยโทรมา

“เสี่ยวเฟย นายเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากรับสาย หยูเถิงก็ได้ยินเสียงตู้เฟยร้องไห้

“พี่(ลูกพี่ลูกน้อง) หลังจากที่พี่ไปแล้ว ผู้จัดการก็ไล่พวกเราออกจากห้อง แล้วก็ยังมีพวกหลี่ฝาง ที่ทำร้ายพวกเรา” ตู้เฟยพูดไปร้องไห้ไป

“ไร้เหตุผลสิ้นดี” หยูเถิงขมวดคิ้ว แล้วก็วางสายไป

“หยูเถิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก?” สวีเถิงเฟยถาม

หยูเถิงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตู้เฟยโทรมารายงานให้สวีเถิงเฟยฟัง

หลังจากสวีเถิงเฟยได้ฟังแล้ว ใบหน้าเคร่งขรึม “หยูเถิงนายพักในโรงพยาบาลให้สบาย เรื่องของน้องนาย(ลูกพี่ลูกน้อง) มอบให้ฉันเป็นคนจัดการเอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท