บทที่ 173 แย่งห้องส่วนตัวคืนมา
หลี่ฝางเป็นคนที่มีเหตุผล
หากคุณไม่แส่หาเรื่องผมก่อน ผมก็ไม่หาเรื่องคุณก่อนเช่นกัน
หากคุณแส่หาเรื่องผมแล้ว ผมก็จะให้คุณได้ลิ้มรสความร้ายกาจของผม……
ผู้จัดการล็อบบี้ถือว่าได้รับประสบการณ์ และได้ลิ้มลองถึงบทเรียนอันนองเลือด
ตอนนี้ สวีเถิงเฟยไปแล้ว หยูเถิงก็ไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า ห้องส่วนตัว888ว่างแล้ว
ผู้จัดการล็อบบี้รีบพูดขึ้นทันทีว่า “คุณน้อง รอสักครู่ ผมจะรีบไล่ลูกค้าที่ยังเหลือในห้อง888ออกไป แล้วให้พวกคุณเขาไปนั่งแทน”
ถึงแม้ว่าผู้จัดการล็อบบี้จะไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของหลี่ฝาง แต่เมื่อกี้สิ่งที่เขาเห็นกับตา
ไอ้หมอนี่ ไม่เพียงแค่ไม่เห็นสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงอยู่ในสายตาแล้ว ยังกล้าลงมือทำร้ายหยูเถิงอีก
คิดว่าฐานะหลี่ฝาง คงไม่ธรรมดาแน่นอน
หลังจากที่ผู้จัดการล็อบบี้เดินขึ้นไปชั้นบน เหยนเสี่ยวน่าได้พูดว่า “หลี่ฝาง คุณเป็นใครกันแน่?”
“ทำไมคุณถึงได้รู้จักสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงได้ ดูแล้ว หยูเถิงเหมือนเป็นศัตรูของคุณ?” เหยนเสี่ยวน่ารู้จักคนอย่างหยูเถิงเป็นอย่างดี
คนที่สามารถเป็นศัตรูกับหยูเถิงนั้น มันมีไม่มากนัก
คนส่วนใหญ่ที่เป็นศัตรูกับหยูเถิง ส่วนใหญ่จะจบไม่สวย ไม่ถูกทำร้ายจนต้องเข้าโรงพยาบาล ก็ถูกหยูเถิงเล่นงานจนพิการ
หลี่ฝางเป็นข้อยกเว้น ที่เล่นงานจนหยูเถิงต้องเข้าโรงพยาบาลเอง
เหยนเสี่ยวน่าคิดในใจ คนที่สามารถรู้จักสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงทั้งคู่พร้อมกัน นั่นก็แสดงให้เห็นว่าหลี่ฝางอยู่แวดวงเดียวกันกับพวกเขา
เพียงแต่ ทำไมตนเองถึงไม่เคยเห็นเขาน่ะ?
“ผมก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง กับหยูเถิง บังเอิญมีเรื่องบาดหมางกันนิดหน่อย” หลี่ฝางกล่าวอย่างเบา ๆ
“คนธรรมดา? คนธรรมดาอย่างคุณกล้ากินอาหารมื้อล่ะล้าน? คนธรรมดาอย่างคุณยังรู้จักพวกหยูเถิง?” เหยนเสี่ยวน่าไม่เชื่อ
หวางเสี่ยวโก๋รู้สึกสนใจฐานะของหลี่ฝาง
ก่อนที่หวางเสี่ยวโก๋จะอ้าปาก ก็มีคนหลายคนวิ่งลงมาจากชั้นบน
ตู้เฟยหยิบขวดเบียร์หนึ่งขวด กับพวกผู้ชายอีกสองคน วิ่งลงมาแล้วก็ด่าว่า“แม่งฉิบหาย ไอ้คนไหนอยากไปกินข้าวที่ห้อง888!”
“ให้แสดงตัวออกมา!” ตู้เฟยใช้ขวดเบียร์ชี้ไปที่ทุกคนรอบหนึ่ง
“นี่พูดถึงพวกเรานี่?” หวางเสี่ยวโก๋ลุกขึ้นยืนทันที
“เป็นแกใช่ไหม?” ตู้เฟยมองไปที่หวางเสี่ยวโก๋ที่ลุกขึ้นยืนอยู่ เดินเข้าไปหาทันที “คือแกใช่ไหมที่ต้องการแย่งห้องส่วนตัวของพวกเรา?”
“ห้องนั้นเดิมทีเป็นของพวกเราอยู่แล้ว” หวางเสี่ยวโก๋ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “ตอนเที่ยง ผมได้จองห้องนั้นไว้แล้ว”
“แม่งฉิบหาย” ตู้เฟยไม่เสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระ ด่าไปหนึ่งประโยค จากนั้นถีบไปที่หวางเสี่ยวโก๋ครั้งหนึ่ง
ตู้เฟยหน้าแดง ดูก็รู้ว่าดื่มเหล้าเข้าไปมาก
และสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา ได้พุ่งเข้ามาทันที
หวางเสี่ยวโก๋ลูบที่หน้าอกของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่โกรธจัด
หวางเสี่ยวโก๋รู้ดีว่า ลูกค้าห้อง888 เขาไม่สามารถล่วงเกินได้
คนที่สามารถกินข้าวร่วมกับที่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงได้ น่าจะเป็นลูกคนรวยเช่นกัน
เพราะว่าฐานะทางบ้านของหวางเสี่ยวโก๋ธรรมดา จึงไม่อาจลวงเกินคนพวกนี้ได้?
แต่สำหรับหลี่ฝางนั้นไม่เหมือนกัน หลี่ฝางลุกขึ้นมาทันที แล้วพูดด้วยสายตาที่เยือกเย็นว่า“ตู้เฟย สวัสดี”
เมื่อเห็นหน้าหลี่ฝาง ตู้เฟยสั่นขึ้นมากะทันหัน
ถึงแม้ก่อนหน้านั้น จะมีเรื่องชกต่อยกับหลี่ฝางหลายครั้ง แต่ว่าทุกครั้งก็เป็นฝ่ายถูกทำร้ายตลอด
เมื่อเป็นเช่นนี้หลายครั้ง ตู้เฟยมีความรู้สึกว่าหลี่ฝางเป็นเงามืดในใจเขา
“หลี่ฝาง……แกมันเป็นวิญญาณที่ไม่ยอมแตกซ่านสักที” ตู้เฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
ข้างหลังตู้เฟย ยังมีผู้ช่วยอยู่อีกสองคน
ผู้ช่วยสองคนนี้ รูปร่างสูงใหญ่กำยำ
“พี่ชายทั้งสองคน ลุยนำหน้าไปก่อน ผมดื่มเหล้าเข้าไปเยอะ” ตู้เฟยหันหน้าไปพูดกับชายสองคนนั้น
“ได้ ไอ้พวกนี้ พวกเราสองพี่น้องจัดการมันเอง”
สองคนนั้นกำมัดแน่น มุ้งตรงไปที่หลี่ฝาง
เมื่อผู้จัดการล็อบบี้ได้เห็นเช่นนั้น รีบวิ่งเข้ามา
“ลูกค้าทุกท่าน อย่ามามีเรื่องในโรงแรมของเราเลย” ผู้จัดการล็อบบี้เข้ามาห้ามปราม
ตู้เฟยยกขาถีบไปที่ผู้จัดการล็อบบี้ “แม่งฉิบหาย แกไสหัวออกไปไกล ๆ”
ผู้จัดการล็อบบี้โดนถีบไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าอารมณ์เสีย
เพราะเขารู้ฐานะของตู้เฟย แม่ของเขาเป็นคนตระกูลหยู
ผู้จัดการล็อบบี้ถอยไปอยู่ข้าง ๆ เหตุการณ์ตรงหน้าทั้งหมด อยู่เหนือการควบคุมของเขาโดยสิ้นเชิง เมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เลยโทรหาเจ้านายของเขา
หลี่ฝางดึงหวางเสี่ยวโก๋ให้ลุกขึ้นมา“เสี่ยวโก๋ ฉันจำได้ตอนเที่ยง นายพูดกับฉันว่า ตอนที่นายอยู่มัธยมปลาย เป็นขาใหญ่ประจำห้องนี่”
“ฝีมือการต่อสู้ของนาย ทำไมอ่อนหัดอย่างนี้?” หลี่ฝางมองหวางเสี่ยวโก๋ด้วยความสงสัย
“ผมกลัวนี่นา ไอ้หมอนั้นดูแล้วเหมือนลูกคนรวย ถ้าหากผมทำร้ายเขาจนเป็นอะไรไป มันจะเป็นเรื่องใหญ่” หวางเสี่ยวโก๋กล่าวเช่นนั้น
“นายดู พวกเขาจะเข้ามาหาเรื่องพวกเรา นายมัวแต่กลัวกังวลเรื่องฐานะของพวกเขา แล้วจะอยู่นิ่ง ๆ ให้เขาทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียวเหรอ?” หลี่ฝางกล่าว
“เชี่ยเอ้ย สู้พวกมัน!” หวางเสี่ยวโก๋กำหมัดแน่น แสดงออกถึงความโกรธ
เมื่อเห็นจิตวิญญาณการต่อสู้ในตัวหวางเสี่ยวโก๋ ความกดดันของหลี่ฝางลดน้อยลงไป
“ลุย!”
หลี่ฝางตะโกนออกไป แล้วก็หยิบขวดเหล้าขึ้นมา
หวางเสี่ยวโก๋ก็รีบหยิบขวดเหล้าตามขึ้นมาทันทีเช่นกัน
เลี่ยวข่ายมองไปที่หลี่ซ่วยซ่วยแวบหนึ่ง “พวกเราจะทำยังไงดี?”
“เราจะไม่นั่งมองเฉย ๆ เพราะหลี่ฝางเลี้ยงพวกเรา แล้วก็เป็นเพื่อนร่วมห้องของเราด้วย เราจึงไม่อาจเห็นเขาถูกรังแกได้” หลี่ซ่วยซ่วย พูดด้วยน้ำเสียงห้วน ๆ แล้วลุกขึ้น ท่าทางดุเหมือนวัว
เดิมหลี่ฝางคิดว่าคราวนี้หนักเอาเรื่องอยู่
พอหลี่ซ่วยซ่วยมาสมทบ สถานการณ์พลิกกลับทันที
สองคนที่อยู่ตรงข้าม ถูกกระแทกล้มลงกับพื้นทันที
ตอนนี้หวางเสี่ยวโก๋ได้วิ่งเข้าไป ถีบตู้เฟยล้มลงกับพื้น
“แย่งห้องของกู ยังจะมาทำร้ายกูอีก แม่งฉิบหาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!” หวางเสี่ยวโก๋ตีไม่ยั้ง ไม่สนใจว่าตู้เฟยจะเป็น
ลูกคนรวยหรือไม่ ถีบไปที่ท้องของตู้เฟยไม่ยั้ง
“ผู้จัดการ รบกวนให้พนักงานบริการเก็บกวาดห้องนั้นหน่อย พวกเราจะเข้าไปทานข้าวที่ห้องนั้น”
หลี่ฝางกล่าว “อีกอย่าง ไวน์แดงก็เอาไปด้วย”
“ได้ ๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้” ผู้จัดการล็อบบี้เป็นคนพาชิวหย่าและคนอื่น ๆ ไปเก็บกวาดด้วยตนเอง
ไม่ถึงห้านาที ห้องนั้นก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดแล้ว
“อาหารพวกนี้ยังจะยกเข้าไปอีกไหมคะ ชิวหย่าถาม?”
หลี่ฝางส่ายศีรษะ “อาหารที่พวกเราสั่ง ยังมีอีกกี่อย่างที่ยังไม่ได้เสิร์ฟ?”
“ยังมีอีกประมาณ 40 อย่าง” ชิวหย่าตอบ
“เสิร์ฟอีก12 อย่างก็พอแล้ว” หลี่ฝางกล่าว “ที่เหลือไม่ต้องเสิร์ฟแล้ว”
“ซึ่งแน่นอน จ่ายทั้งหมดที่สั่งอยู่แล้ว”
ขณะนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็วิ่งเข้ามา “คุณน้องครับ แล้วไวน์ขาวนั่น….”
“ไม่นำกลับบ้านใช่ไหม จะคืนใช่ไหมครับ” หลี่ฝางหัวเราะฮ่า ๆ
แต่ถึงอย่างไร คืนนี้ก็ใช้จ่ายไปห้าแสนกว่า
“ยังไงก็ต้องขอบคุณ คุณน้องเป็นอย่างมากครับ” ผู้จัดการล็อบบี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ถ้าหากหลี่ฝางนำไวน์ขาวพวกนั้นกลับไปด้วย เขาต้องขาดทุนอย่างมาก
แต่เป็นหลี่ฝางเอง ที่จะได้กำไรน้อยลงหน่อย
……
สวีเถิงเฟยขับรถไปส่งหยูเถิงที่โรงพยาบาล หลังจากตรวจร่างกายอย่างละเอียด
หมอได้แจ้งแก่หยูเถิงว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เพียงแค่บาดเจ็บภายนอก ทำแผลก็ไม่เป็นไรแล้ว
ตอนนี้สวีเถิงเฟยได้ถามว่า “หยูเถิง เรื่องนี้นายจะเอายังไงดี? ”
“หากจะแจ้งตำรวจ ผมจะโทรหาพี่เขย(สามีลูกพี่ลูกน้อง)” สวีเถิงเฟยกล่าว
พี่เขยของสวีเถิงเฟย ชื่อว่าหูเฟย
แน่นอน ที่หูเฟยสามารถนั่งตำแหน่งนี้ได้ ก็ได้ความช่วยเหลือลับ ๆ จากตระกูลสวี
หูเฟยถึงแม่ไม่แซ่สวี แต่ก็ถือเป็นคนของตระกูลสวี
เพราะเขาคือเขยแต่งเข้าตระกูลนั่นเอง
หยูเถิงคิดสักครู่ ก็ส่ายศีรษะ แล้วก็พูดว่า “ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่ต้องรบกวนพี่เขยนาย”
“สมองของผมก็ไม่ได้กระทบกระเทือน แค่แตกเท่านั้น ถึงพี่เขยนายเป็นคนออกหน้า ก็จัดการไอ้หมอนั้นไม่ได้หรอก” หยูเถิงกล่าว
หนึ่งคือหยูเถิงไม่อยากติดหนี้บุญคุณตระกูลสวี สองคือเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นไรมาก หากแจ้งตำรวจ มันกลับจะทำให้เดือดร้อน
หลี่ฝางมีฐานะไม่ธรรมดา ถ้าให้ความเท็จ กลัวว่ามันจะไม่ได้ผล
หยูเถิงคิดในใจ ความแค้นในครั้งนี้ เขาแก้แค้นเองจะดีเสียกว่า
อย่าลืม ที่นี่คือเมืองเอก ไม่ใช่ตงไห่
และตอนนี้ โทรศัพท์ของหยูเถิงก็ได้ดังขึ้น เป็นตู้เฟยโทรมา
“เสี่ยวเฟย นายเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากรับสาย หยูเถิงก็ได้ยินเสียงตู้เฟยร้องไห้
“พี่(ลูกพี่ลูกน้อง) หลังจากที่พี่ไปแล้ว ผู้จัดการก็ไล่พวกเราออกจากห้อง แล้วก็ยังมีพวกหลี่ฝาง ที่ทำร้ายพวกเรา” ตู้เฟยพูดไปร้องไห้ไป
“ไร้เหตุผลสิ้นดี” หยูเถิงขมวดคิ้ว แล้วก็วางสายไป
“หยูเถิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาอีก?” สวีเถิงเฟยถาม
หยูเถิงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ตู้เฟยโทรมารายงานให้สวีเถิงเฟยฟัง
หลังจากสวีเถิงเฟยได้ฟังแล้ว ใบหน้าเคร่งขรึม “หยูเถิงนายพักในโรงพยาบาลให้สบาย เรื่องของน้องนาย(ลูกพี่ลูกน้อง) มอบให้ฉันเป็นคนจัดการเอง