NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 172

ตอนที่ 172

บทที่172 ไม่มีเหตุผลแบบนี้ในโลก

หลี่ฝางหันไปมองผู้จัดการ “ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่า ใครเป็นคนที่คุณไม่สามารถล่วงเกินได้? ”

ในที่สุดผู้จัดการก็ได้ตระหนักแล้วว่า หนุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขา เป็นคนที่เขาไม่สามารถล่วงเกินได้

มีความกล้าที่สามารถทุ่มเงินล้านเพื่ออาหารแค่มื้อเดียว?

“รู้แล้วครับ รู้แล้วครับ” ผู้จัดการล็อบบี้ผงกศีรษะต่อเนื่อง

ชิวหย่าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รู้สึกประหลาดใจ ปกติผู้จัดการเป็นคนหยิ่งยโส วันนี้เป็นอะไรไป ที่อ่อนน้อมถ่อมตนกับลูกค้าเช่นนี้?

มันอาจจะเป็นเพราะว่าลูกค้าคนนี้เป็นคนใหญ่คนโต

ซึ่งชิวหย่าไม่รู้ว่า คำพูดคำหนึ่งของหลี่ฝาง ก็จะทำให้ผู้จัดการล็อบบี้ต้องเสียเงิน ถ้าคิดเป็นค่าแรงก็เป็นค่าแรงทั้งปีของเขาเลย

“งั้นดี ผมจะให้โอกาสคุณสักครั้ง”

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูดว่า“ตอนนี้ คุณไปไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงไอ้สองคนนั้นออกไปจากห้องส่วนตัว”

“แล้วก็ทำความสะอาดห้อง คืนห้องนั้นให้กับพวกเรา แล้วผมจะคืนไวน์ขาวที่เหลือทั้งหมด

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้น ผู้จัดการล็อบบี้ก็ยืนตัวแข็งทื่อ

ไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงออกไปจากห้องส่วนตัว?

ใครจะมีความกล้าเช่นนั้น ถึงแม้ว่าตัวเองจะเป็นเจ้าของ ก็ไม่กล้าทำเช่นนั้นเหมือนกัน?

นี่เท่ากับว่าเป็นการล่วงเกินตระกูลสวีและตระกูลหยูพร้อมกันเลย

“คุณน้องครับ นี่คุณต้องการให้ฉันตายเลยหรือครับ”

ผู้จัดการแสดงสีหน้าเศร้า “หากผมไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงคุณชายสองคนนั้นออกไปจากห้องส่วนตัว หากเจ้านายผมรู้ จะต้องไล่ผมออกอย่างแน่นอน”

หลี่ฝางพูดอย่างไม่แยแสว่า “งั้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมแล้ว เพราะเรื่องมาถึงจุดนี้ เดิมทีก็ผิดที่ตัวคุณเองแหละ”

“ห้องส่วนตัวนั้น เดิมก็เป็นของพวกเราอยู่แล้ว แต่คุณกลับให้คนอื่นเองต่างหาก….” หน้าตาของหลี่ฝางแสดงความโกรธเล็กน้อย

เหยนเสี่ยวน่ามองหน้าหลี่ฝางแวบหนึ่ง คิดในใจ ไอ้หมอนี้มันเจ้าคิดเจ้าแค้นจริง อาหารและเครื่องดื่มก็เสิร์ฟแล้ว ยังจะคิดถึงเรื่องห้องส่วนตัวนั้นอีก

“คุณน้อง เอาอย่างนี้ไหมครับ ให้เวลาผมอีก5นาที ผมจะรีบหาห้องส่วนตัวให้พวกคุณหนึ่งห้อง ให้พวกคุณทานอาหารในห้องส่วนตัวดีไหม?” ผู้จัดการล็อบบี้คิดสักครู่ จึงกล่าวเช่นนั้น

ถึงแม้ว่าไม่สามารถไล่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไล่คนอื่นไม่ได้

ผู้จัดการล็อบบี้คิดในใจ ขอแค่ตัวเองออกหน้า พูดจาดี ๆ หากใครยินยอมย้ายจากห้องส่วนตัวไปยังห้องโถงแล้ว อาหารที่สั่งหลังจากนั้นจะฟรีไม่คิดเงิน ต้องมีคนยินยอมเต็มใจแน่นอน

แต่ใครจะไปรู้ หลี่ฝางพูดเสียงแข็งว่า “นอกจากห้อง888 ห้องที่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงอยู่ ห้องอื่นไม่เอา ก็ไม่ต้องมาคุยแล้ว”

หลี่ฝาง ใช้มือจับตะเกียบ กินไปด้วยดื่มไปด้วย ปล่อยให้ผู้จัดการยืนอยู่ข้างๆ อย่างไม่สนใจไยดี

ผู้จัดการล็อบบี้พึมพำในใจ นี่มันอะไรกันนี่?

จะให้เป็นศัตรูกับสวีเถิงเฟยกับหยูเถิงเหรอ?

นี่เป็นการแกล้งทำให้เขาลำบากใจชัด ๆ เลย?

“หลี่ฝาง ฉันว่าคุณปล่อยเขาสักครั้งได้ไหม?

ขณะนั้น เหยนเสี่ยวน่าก็ได้ขอร้องแทนผู้จัดการล็อบบี้ “เป็นผู้จัดการมันก็ไม่ง่ายน่ะ หากคุณจะเหมาไวน์ขาวของโรงแรมไปหมด ผู้จัดการก็เหนื่อยฟรีทั้งปีเลย”

เมื่อได้ยินเหยนเสี่ยวน่าขอร้องแทนตนเอง ผู้จัดการล็อบบี้ก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

เพราะว่าเหยนเสี่ยวน่ากับหลี่ฝางเป็นพวกเดียวกัน ถ้าคนกันเองพูดขอร้อง มันดีกว่าคนภายนอกพูดอยู่แล้ว

ใครจะคิดว่าหลี่ฝางจะเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ เขายิ้มเฮือก ๆ แล้วพูดว่า “มันเกี่ยวอะไรกับผม?”

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่ทวงคืนของที่มันเป็นของผม” หลี่ฝางพูดจบ ก็มองไปที่หวางเสี่ยวโก๋แวบหนึ่ง แล้วพูดต่อไปว่า “ใช่ไหม เสี่ยวโก๋”

หวางเสี่ยวโก๋ดื่มเหล้าจนมึนเมา เขาก็ผงกศีรษะ แล้วพูดว่า “ใช่ พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง) ผมว่าเรื่องนี้พี่อย่ายุ่งจะดีเสียกว่า”

“ไอ้ผู้จัดการหมาคนนี้ ดูหมิ่นพวกเราชัด ๆ ปล่อยให้หลี่ฝางสั่งสอนมัน ก็สมควรแล้ว”

“พี่สาว จะไปเห็นใจมันทำไมกัน ไอ้หมอนี่เป็นผู้จัดการในโรงแรมว่างโก๋ ไม่รู้ว่าแต่ล่ะปีได้ผลประโยชน์ไปมากมายเท่าไหร่ เพียงแค่ตระกูลเหยนของพี่ก็ให้ค่าชักเปอร์เซ็นต์การขายให้มันปีล่ะหลายหมื่นแล้ว?” หวางเสี่ยวโก๋กล่าว

หวางเสี่ยวโก๋ไม่รู้ว่า ผู้จัดการล็อบบี้ได้ยืนอยู่ที่ข้างหลังเขา

คำพูดของหวางเสี่ยวโก๋ ผู้จัดการล็อบบี้ได้ฟังชัดเจน

ผู้จัดการล็อบบี้เป็นคนรับผิดชอบจัดซื้อของเข้าโรงแรม บุหรี่ เหล้าไวน์ รวมทั้งวัตถุดิบในครัว แต่ล่ะปีเขาได้ผลประโยชน์จากพวกนี้อย่างต่ำไม่น้อยกว่าหนึ่งแสน

ฉะนั้น ไม่สมควรเห็นใจ

เหยนเสี่ยวน่ามองผู้จัดการล็อบบี้แบบไม่รู้จะทำยังไง แสดงให้เห็นว่าตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้อีก

และขณะที่ผู้จัดการล็อบบี้ถอนหายใจ เตรียมที่จะยอมแพ้

สวีเถิงเฟยกับหยูเถิง ก็เดินลงมาจากชั้นบน

ผู้จัดการล็อบบี้ดีใจเป็นอย่างมาก ที่สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงทานข้าวอิ่มกันแล้ว?

ถ้าเป็นเช่นนั้น ห้องส่วนตัวนั้นก็ว่างแล้ว?

สวีเถิงเฟยเดินมาหาผู้จัดการล็อบบี้ แล้วพูดว่า “ผู้จัดการ พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ทำไมถึงไม่มีไวน์ขาว?”

หยูเถิงหน้าบึ้ง แล้วพูดว่า“ว่างโก๋เป็นถึงโรงแรมระดับห้าดาว แค่ไวน์ขาวก็ไม่มี ผมดูแล้ว พวกคุณอย่าเปิดเลย ปิดกิจการไปเลยดีกว่า”

ชิวหย่ารีบวิ่งมา แล้วพูดว่า “คุณชายทั้งสองอย่าเพิ่งอารมณ์เสีย ไม่ใช่ว่าโรงแรมว่างโก๋ของเราไม่มีไวน์ขาว เพียงแต่ว่า ไวน์ขาวของเราทั้งหมด ถูกลูกค้าคนหนึ่งเหมาไปหมดเลยค่ะ”

“อะไรน่ะ?”

สวีเถิงเฟยกับหยูเถิงตกใจโดยพร้อมเพรียงกัน

“ใครเหรอที่มันแน่ขนาดนี้ ที่เหมาไวน์ขาวทั้งหมดของโรงแรมว่างโก๋?”

“ฮ่า ๆ ยังมีคนที่แน่ขนาดนี้ ผมหยูเถิงอยากจะเห็นว่าเขาเป็นใคร”

“น้อง ไอ้หมอนั้นอยู่ที่ไหน?” หยูเถิงถามชิวหย่า

ชิวหย่ายกมือชี้ไปที่หลี่ฝาง และในตอนนี้เอง หลี่ฝางก็หันหน้ามองมาพอดี

“เป็นแกเอง?!”

สวีเถิงเฟยกับหยูเถิง ก็ตกใจพร้อมกันอีกครั้ง

“เป็นไอ้หมอนี้อีกแล้ว?” หยูเถิงพูดเสียงลอดไรฟัน คราวก่อนที่รีสอร์ต หลี่ฝางทำให้เขาเสียหายไม่ใช่น้อย

หลี่ฝางทำเครื่องลายครามของรีสอร์ทเสียหายหกชิ้น แต่สุดท้ายทางรีสอร์ตกลับให้ตระกูลหยูรับผิดชอบค่าเสียหายนี้

เครื่องลายครามหกชิ้น มูลค่าสิบสองล้าน

ด้วยเหตุนี้ ปู่ตระกูลหยูตีเขาจนขาเกือบหัก

จนถึงวันนี้ ตระกูลหยูก็ยังชดใช้ค่าเสียหายให้รีสอร์ตยังไม่หมด

ไม่ใช่ว่าตระกูลหยูไม่มีเงินจำนวนนี้ เพียงแต่ว่า หากนำเงินออกมาสิบสองล้านพร้อมกันทั้งหมด มันก็จะทำให้ธุรกิจของตระกูลขาดสภาพคล่องได้ง่าย

“บังเอิญ พบหน้ากันอีกแล้ว” หลี่ฝางยิ้มบาง ๆ ไม่ได้แสดงสีหน้าที่เป็นศัตรูใด ๆ

หยูเถิงกำหมัดแน่น เขาอยากจะชกหลี่ฝางให้ตายไปเลย

ผู้จัดการล็อบบี้มองสองคนนี้ด้วยความประหลาดใจ

เขาพอจะเข้าใจว่า สองคนนี้รู้จักกัน และดูท่าแล้วยังมีความแค้นต่อกันอีกด้วย

หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟยกับหยูเถิง แล้วพูดว่า “อะไร ไม่มีเหล้าแล้วเหรอ?”

“มา เรียกพี่ใหญ่สักคำ ผมจะให้เหล้าสักจอก” หลี่ฝางพูดแหย่

หวางเสี่ยวโก๋กลืนน้ำลาย ขยิบตาให้หลี่ฝาง แล้วพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “หลี่ฝาง นายจะทำอะไร นายรู้หรือไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร?”

หลี่ฝางผงกศีรษะ “รู้แน่นอน คือคุณชายสวีกับคุณชายหยูไม่ใช่เหรอ?”

“รู้แล้วนายยัง…….ทำให้พวกเขาอับอาย?” หวางเสี่ยวโก๋พูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง

ทั่วทั้งเมืองเอก ไม่มีใครกล้าสามหาวแบบนี้!

เห็นทีก็มีแต่หลี่ฝางเท่านั้นที่กล้า

“แม่งมึงฉิบหาย”

ขณะนั้น หยูเถิงทนไม่ไหวแล้ว เขายกขาถีบไปที่หลี่ฝาง

เพราะหลี่ฝางทำให้เขาเดือดร้อน ต้องสูญเสียเงินสิบสองล้าน แล้วยังทำให้เขาถูกรีสอร์ตขึ้นบัญชีดำอีกด้วย

คุณชายหยูผู้ร่ำรวย ทำไมถึงชกต่อยคนอื่นเหมือนนักเลงข้างถนน

วันนี้ดื่มเหล้า บวกกับความแค้นที่ฝังอยู่ในใจของเขาที่มีต่อหลี่ฝาง ทำให้หยูเถิงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ใบหน้าแสดงสีหน้าไม่เป็นมิตรเล็กน้อย

ก่อนที่ขาของหยูเถิงจะถึงตัว เขาลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ในมือถือเหล้าขวดหนึ่ง ตีไปที่ศีรษะของหยูเถิง

ขณะนี้ ทุกคนอึ้งไปหมด

นี่คือคุณชายตระกูลหยู เขากล้าตี?

แล้วก็ลงมือได้อย่างเหี้ยมโหด?

หยูเถิงถูกขวดเหล้าตีที่ศีรษะ ก็ล้มลงไปที่พื้นทันที

“เลือด เลือด……”

หยูเถิงใช้มือจับไปที่ศีรษะ เมื่อจับถูกเลือด เขาตื่นตระหนก ตะโกนออกไปว่า “เรียกรถพยาบาล เร็ว ๆ!”

ผู้จัดการล็อบบี้รีบหยิบโทรศัพท์ เพื่อจะโทรเรียกรถพยาบาล

หากหยูเถิงเกิดเป็นอะไรขึ้นมาในโรงแรมว่างโก๋ เกรงว่าผู้จัดการล็อบบี้จะรับผิดชอบไม่ไหว

“ไม่ต้องเรียกรถพยาบาลแล้ว หยูเถิง ฉันจะส่งนายไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย”

สวีเถิงเฟยหยิบกระดาษชำระหนึ่งปึก ยื่นให้กับหยูเถิง แล้วดึงมือเขาออกจากโรงแรมไป

ก่อนออกไป สวีเถิงเฟยบอกแก่ผู้จัดการว่า “ลงบัญชีตระกูลสวี คราวหลังผมค่อยมาจ่ายเงิน”

“หลี่ฝาง นายจะบ้าเหรอ ขนาดหยูเถิงนายยังกล้าทำร้าย นายไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วใช่ไหม!” เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝางด้วยสายตาตกใจ

คนอื่น ๆ ปาดเหงื่อแทนหลี่ฝาง

“เขาเป็นคนลงมือก่อนไม่ใช่เหรอ?” หลี่ฝางยิ้มบาง ๆ แล้วพูดแบบไม่แยแส

“ถึงแม้ว่าหยูเถิงจะลงมือก่อน นายก็ไม่ควรทำร้ายเขา….” เหยนเสี่ยวน่ากล่าว

หลี่ฝางหัวเราะฮ่า ๆ ขึ้นมา แล้วพูดอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ทำไมหยูเถิงเขาเป็นราชาสวรรค์เหรอ? เป็นพระราชาเหรอ?”

“ให้เขาทำร้ายผมฝ่ายเดียว ผมสวนกลับคืนไม่ได้เหรอ?”

“ไม่มีเหตุผลแบบนี้ในโลกหรอก” หลี่ฝางกล่าวพร้อมส่ายหัว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท