หลี่ฝางกำบัตรใบนั้นแน่น โกธรจนตัวสั่นเทา
สองพ่อลูกนี่ หัวดื้อไปหน่อยแล้วมั้ง
แต่พอได้ยินคำพูดนั้นของลู่หลุ่ย ว่าเธอไม่ได้มาเรียกร้องความเป็นธรรมให้เฉินเสี้ยว หากแต่มาคืนเงิน
ในใจของหลี่ฝาง จึงบรรเทาลงหน่อย
ถ้าลู่หลุ่ยมาเพราะเรื่องของเฉินเสี้ยว คืนนี้หลี่ฝางคงจะนอนร้องไห้ตายกันไปข้าง
ต่อให้ไม่ร้องไห้ ก็คงนอนไม่หลับ
ก้มหน้ามองบัตรในมือ หลี่ฝางคิดในใจ คุณอาลู่เอาเงินมากมายมาจากไหน
แสนห้า สำหรับหลี่ฝางจิ๊บจิ๊บจ๊อย
แต่สำหรับบิดาของลู่หลุ่ยแล้ว นับเป็นเงินก้อนใหญ่แน่นอน
อย่างไรเสียก่อนหน้า เพื่อที่จะรักษาอาการป่วย บิดาของลู่หลุ่ยไม่เพียงแต่จะใช้เงินเก็บไปจนหมด แถมยังไปยืมเพื่อนฝูงญาติพี่น้องมาอีกมากมาย
ตอนนี้ เขายังต้องเจียดหาออกมาอีกแสนห้าอีก
ยืมมาเหรอ เป็นไปไม่ค่อยได้
คงไม่ได้ขายไตหรอกมั้ง
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ หลี่ฝางก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ ถ้าจะต้องขายไตเพื่อมาคืน แสนห้า ตัวเขาเองคงจะบาปหนัก
ลู่หลุ่ยคงจะเกลียดเขาเข้ากระดูกดำเพราะเหตุนี้แน่นอน
ในเวลานี้ หวางเสี่ยวโก๋ถามหลี่ฝาง“หลี่ฝาง เด็กผู้หญิงเมื่อกี้นี้ใครกันเหรอ แฟนสาวของนายหรือเปล่า”
“ไม่เชิง”
หลี่ฝางส่ายหน้า เขากับลู่หลุ่ย ไม่เคยคบหากันอย่างเป็นทางการสักที
หวางเสี่ยวโก๋ถอนหายใจ“เมื่อกี้พี่สาวฉันยังถาม ว่านายมีแฟนสาวแล้วหรือยัง ฉันบอกเธอว่ายังไม่มี”
“ฮ่าๆ ดูท่าพี่สาวฉัน ยังมีโอกาสสินะ”หวางเสี่ยวโก๋พูด
“เรื่องตอนไหนกัน”หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“เมื่อกี้ไง สองนาทีก่อน”หวางเสี่ยวโก๋พูด
หลี่ฝางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“เด็กสาวที่วิ่งไปเมื่อกี้ ชื่อลู่หลุ่ย เราเกือบจะเป็นแฟนกัน แต่เกิดการเข้าใจผิดกันเสียก่อน”
พูดจบ หลี่ฝางจึงพูดเสริม“แต่ฉันเชื่อว่า ความเข้าใจผิดจะต้องคลี่คลายสักวัน ถึงเวลานั้น ลู่หลุ่ยก็จะเป็นแฟนสาวของฉันจริงๆเสียที”
“ดูไม่ออกนะ พ่อหนุ่มนายนี่ก็โรแมนติกไม่เบานะเนี่ย”หวางเสี่ยวโก๋แปลกใจเล็กน้อย อย่างไรเสียลูกเศรษฐีที่เขาเคยเจอ มีใครบ้างที่ไม่ใช่เพลย์บอย
หลี่ฝางกลอกตาใส่หวางเสี่ยวโก๋“เรียกลูกพี่”
“ลูกพี่”
“ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เล้ยยย”
เมื่อกลับมาถึงหอพัก พอทุกคนล้างหน้าล้างตาเสร็จ ต่างก็แยกย้ายกันขึ้นเตียงนอน
หวางเสี่ยวโก๋ถาม“ลูกพี่ เมื่อกี้ตอนอยู่ร้านอาหาร ลูกพี่แต่งเรื่องขึ้นใช่ไหม”
ตอนแรกที่อยู่ในห้องส่วนตัว เรื่องที่หลี่ฝางขายที่ดิน นอกจากฉินหยู่เฟย ทุกคนต่างเชื่อ
แต่พอตอนที่หลี่ฝางหยิบบัตรแบล๊คการ์ดออกมา ใช้ชำระเงิน ทุกคนต่างก็สงสัยในฐานะของหลี่ฝาง ขึ้นมาทันที
“ลูกพี่ พ่อพี่ชื่อไรอ่ะ”หวางเสี่ยวโก๋หยิบมือถือออกมา เตรียมตัวตรวจ
คนทั่วโลกที่จะมีบัตรแบล๊คการ์ดได้ จะต้องเป็นบุคคลชั้นนำ
“พ่อพี่ชื่อหลี่ต้าคาง ตรวจสอบได้ตามสบาย”หลี่ฝางมองเจตจำนงของหวางเสี่ยวโก๋ออก จึงพูดขึ้นอย่างไม่ยี่หร่า
ไม่ว่าจะเป็นบิดาของเขาหลี่ต้าคาง หรือว่าคุณปู่ของเขาหลี่เจียเฉิง หลี่ฝางเคยตรวจเช็คมาบนเนตแล้วรอบหนึ่ง
แต่บนเนต กลับไม่พบข้อมูลใดๆของหลี่ต้าคังหรือหลี่เจียเฉิง
บนเน็ตมีการระเบิดข่าวของมหาเศรษฐีดูไบ ชื่อว่าMajidอะไรสักอย่าง ทรัพย์สมบัติราวหกแสนล้าน คิดเป็นเงินหยวนก็ราวๆสี่ล้านล้าน บางทีคุณปู่ ค่อนข้างโลว์โปรไฟล์มั้ง
เสี่ยวหวางโก๋ตรวจสอบอะไรไม่ได้เลย และก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ได้แต่ก้มหน้าก้มตา
หลี่ฝางหยิบมือถือออกมา ส่งข้อความหาหลี่เสี่ยวเสี่ยว ถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของลู่หลุ่ย
หลี่เสี่ยวเสี่ยวบอกหลี่ฝาง ว่าลู่หลุ่ยขายบ้านตัวเองทิ้งแล้ว ส่วนผู้ซื้อ ก็คือบิดาของเฉินเสี้ยว
ทั้งหมดขายไปไม่เกินหนึ่งแสนเจ็ด นอกจากจ่ายค่าเทอมให้ลู่หลุ่ยไปแล้ว ที่เหลืออีกแสนห้า ก็ให้หลี่ ฝางไปทั้งหมด
หลังจากที่หลี่ฝางรับรู้ข่าวนี้ จู่ๆก็รู้สึกบีบหัวใจขึ้นมา
เดิมทีคิดจะทำความดี อยากช่วยเหลือลู่หลุ่ย แต่ใครรู้ว่า สุดท้ายกลับกลายเป็นทำร้ายคุณอาให้ไม่มีที่ซุกหัวนอน
เฮ้อ ถ้ารู้แต่แรก ไม่แส่หาเรื่องดีกว่า ไปคืนเงินแทนลู่หลุ่ยก็ได้
ในค่ำคืนนี้ หลี่ฝางครุ่นคิดไปมา
แต่ว่า ในค่ำคืนนี้ หลี่ฝางเกิดความคิดที่อยากช่วยลู่หลุ่ยขึ้นมา
วันที่สอง หลี่ฝางสวมชุดทหาร แล้วเริ่มไปคอร์สฝึกอบรมทหารแล้ว
การฝึกทหารในมหาวิทยาลัย กฏระเบียบค่อนข้างเยอะ
ในตอนที่ฝึกอบรมทหาร จู่ๆหลี่ฝางก็เห็นคนที่รู้จักมักคุ้น ในตอนที่เขาเดินผ่าน เขาตบบ่าคนผู้นั้นเบาๆ“ส้าวส้วย”
“หลี่ฝาง ทำไมเป็นนายล่ะ”ส้าวส้วยหันหน้ากลับไป ตะลึงเล็กน้อย
“ฉันก็อยากถามนายเหมือนกัน นายมาได้ไง นายอยู่มหาวิทยาลัยสุ่ยมู่เหมือนกันเหรอ”หลี่ฝางถามประหลาดใจ“เราอยู่คณะเศรษฐศาสตร์เหมือนกันอีกด้วย แถมยังเรียนชั้นเดียวกันอีก”
“บังเอิญเกินไปแล้วมั้ง”หลี่ฝางขมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าเรื่องราวแปลกๆ
“นั่นสิ ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้นะ”ส้าวส้วยแสดงสีหน้าตื่นเต้น
ส้าวส้วยไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เปลี่ยนไปแค่ทรงผม
เมื่อก่อนผมเขาค่อนข้างยาว ตอนนี้ตัดผมเกรียน ดูกระฉับกระเฉงขึ้น และสดใสขึ้นด้วย
“เดิมทีนายเป็นพนักงานบาร์นี่นา ทำไมถึงมาเป็นนักเรียนที่สุ่ยมู่ล่ะ”หลี่ฝางมองส้าวส้วยอย่างตะลึง
“ฉันเรียนภาคค่ำน่ะ เรียนตอนกลางวัน กลางคืนไปทำงานบาร์ หาค่าเทอม ค่าครองชีพ”ส้าวส้วยยิ้มอย่างเปิดเผย“ไม่ปิดบังนะ เถ้าแก่ ที่จริงผมเป็นลูกกำพร้า”
ลูกกำพร้าเหรอ
หลี่ฝางไม่เชื่อคำพูดบ้าๆนี่หรอก
หลี่ฝางพูด“มาถึงขนาดนี้ ทุกคนต่างเป็นเพื่อนนักเรียนกัน นายเรียกฉันว่าหลี่ฝางเถอะ เรียกเถ้าแก่อะไรกัน”
“รู้แล้วนะ เถ้าแก่”ส้าวส้วยพยักหน้า
“ยังเรียกอีก”หลี่ฝางทำหน้าง้ำ รู้ว่าส้าวส้วยจงใจ
ไม่นานนัก การฝึกทหารภาคเช้าก็ผ่านไป
“หลี่ฝาง มากินข้าวด้วยกันสิ ฉันเลี้ยง”ส้าวส้วยพูดอย่างใจกว้าง
“นายไปกินก่อนเถอะ ฉันมีธุระนิดหน่อย”หลี่ฝางบอกปัด
ในเวลานี้ เหยนเสี่ยวน่าเดินออกมาจากด้านข้าง
เหยนเสี่ยวน่าสวมชุดทหาร และสวมหมวกทหารสีเขียว ดูดีเป็นพิเศษ
เธอยิ้มสดใสราวพระอาทิตย์ เดินไปทางหลี่ฝาง หลังจากที่
ส้าวส้วยเห็น หัวเราะแหะๆ“เถ้าแก่ แฟนเถ้าแก่เหรอ สวยดีนะ”
“ไสหัวไปเลย แค่เพื่อนเฉยๆ”หลี่ฝางกลอกตาขาวใส่ส้าวส้วย
“จำไว้นะ อย่าเรียกเถ้าแก่อีก เกิดใครมาได้ยิน ฉันจะอธิบายยังไง”หลี่ฝางพูดไม่ออก
“ได้ครับ เถ้าแก่”ส้าวส้วยยิ้มพูด
หลี่ฝางโมโหจนเวียนหัว
พอดี เหยนเสี่ยวน่ามาหยุดตรงหลี่ฝาง ได้ยินพอดี
“หลี่ฝาง คนนี้คือ”เหยนเสี่ยวน่าบุ้ยคางไปที่ส้าวส้วย
ส้าวส้วยยื่นมือออกไป แนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ คนสวย ผมชื่อส้าวส้วย เป็นเพื่อนนักเรียนของหลี่ฝาง”
“ฉันชื่อเหยนเสี่ยวน่า”เหยนเสี่ยวน่ายื่นมือออกไปอย่างมีมารยาท สัมผัสมือกับส้าวส้วยเบาๆ
“โอเค พวกเธอคุยกันไปก่อน ฉันไปก่อน”ส้าวส้วยเป็นฝ่ายไป
เหยนเสี่ยวน่ามองตามเงาหลัง ถามอย่างสงสัย“หลี่ฝาง เมื่อกี้เหมือนฉันได้ยินส้าวส้วยเรียกนายว่าเถ้าแก่”
“เขาเป็นเพื่อนนักเรียนนายไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเรียกนายว่าเถ้าแก่”
“เธอฟังผิดแล้วมั้ง”หลี่ฝางขมวดคิ้ว รู้สึกเซ็ง ครั้งนี้ส้าวส้วย จงใจแน่นอน!
“จริงสิ เธอจะพาฉันไปลงทะเบียนทหารไม่ใช่เหรอ ไปเถอะ”หลี่ฝางกล่าว
เหยนเสี่ยวหน้าพาหลี่ฝางมาถึงป้อมยาม หลี่ฝางหยิบใบขับขี่ บัตรประชาต่างๆ มอบให้ป้อมยาม
หลังจากที่ป้อมยามตรวจดู จึงพยักหน้าให้หลี่ฝาง“ได้ ได้แล้ว”
“จ่ายเงินที่ฉันนี่แหละ วิ่งไปวิ่งมาวุ่นวายเปล่า”ยามพูด
หลี่ฝางถาม“รูดบัตรได้ไหม”
“ไม่ได้ที่นี่รับแต่เงินสด”ยามส่ายหน้า
“ฉันจ่ายให้ก่อน ฉันมีเงินสด”เหยนเสี่ยวน่าควักกระเป๋าตังค์ออกมา นับจำนวนพันสอง ยื่นให้ยาม“จ่ายปีนึงก่อนแล้วกัน”
ในตอนที่หลี่ฝางกำลังจะโอนเงินวีแชทให้เหยนเสี่ยวน่า กลับโดนเหยนเสี่ยวน่าขวางไว้
“เงินน่ะไม่ต้องคืนหรอก ถ้านายเกรงใจ ก็เลี้ยงข้าวแล้วกัน”เหยนเสี่ยวน่าพูด
หลี่ฝางครุ่นคิด เหยนเสี่ยวน่าก็ไม่ใช่คนขาดแคลนเงิน
ในเมื่อหล่อนพูดแบบนี้ ก็ช่างเถอะ
“ตกลง”หลี่ฝางพยักหน้า ยิ้ม
ทั้งคู่เพิ่งออกจากห้องยาม แต่กลับถูกคนกลุ่มหนึ่งจับจ้อง
“หลี่ฝาง นายรู้สึกว่าคนข้างหลังไม่กี่คนนั้นแปลกๆไหม”เหยนเสี่ยวน่ารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
การระมัดระวังตัวของหลี่ฝาง มีสูงกว่าเหยนเสี่ยวน่า
ในช่วงที่ออกมาจากป้อมยาม หลี่ฝางรู้สึกได้
“ฉันนับหนึ่ง สอง สาม พวกเราวิ่ง ได้ยินมั้ย”หลี่ฝางพูดเสียงคอย กับเหยนเสี่ยวน่า
เหยนเสี่ยวน่าพยักหน้า
สาม!
สอง!
หนึ่ง!
หลี่ฝางนับจบ จึงกระตุกมือเหยนเสี่ยวน่า รีบวิ่งกันไป