NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 191

ตอนที่ 191

บทที่191 ลู่หลุ่ยหึง

“ใครจะไปเชื่อ!”

หวางเสี่ยวโก๋กลอกตาใส่หลี่ฝาง:“พ่อคุณเป็นชาวนา แล้วเบนซ์G-Classของคุณเอามาจากไหน?”

“พ่อคุณเป็นชาวนา ข้าวมื้อหนึ่งคุณจ่ายไปหกแสนกว่าเลย?”

“ชาวนาของประเทศเรามีเงินมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

หลี่ฝางจ้องหวางเสี่ยวโก๋เขม็ง:“คุณพูดเบาๆหน่อย อย่าให้เพื่อนนักเรียนคนอื่นได้ยินสิ”

“ได้ยินแล้วไงล่ะ?ผมพูดความจริงทั้งนั้นนี่”หวางเสี่ยวโก๋พูดอย่างมีเหตุผล

ถึงจะเป็นความจริง แล้วใครจะเชื่อ?

น่าจะนอกจากรูมเมทของหลี่ฝางแล้ว ทั้งห้องก็ไม่มีใครเชื่อสักคน

ข้าวมื้อหนึ่งจ่ายไปหกแสนกว่า เป็นข่าวได้เลย

“เจียมตัวหน่อยสิ”

หลี่ฝางตบไหล่ของหวางเสี่ยวโก๋ ลากเขาไปฝึกทหาร

ตอนที่ฝึกทหารใกล้จะเสร็จ ทันใดนั้นฉินวี่เฟยก็มา

หลี่ฝางเห็นฉินวี่เฟย แล้วก็ร้อนตัวหน่อยๆ

ยังไงเมื่อเช้า ตัวเองก็เพิ่งแกล้งเธอไป

มาเอาคืนหรือเปล่านะ?

หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย แล้วจึงพูดกับครูฝึก แล้วก็ไปหาฉินวี่เฟย

“คุณมาได้ไง?”เดินไปตรงหน้าฉินวี่เฟย หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

“คงไม่ได้มาคิดบัญชีกับผมใช่ไหม?”หลี่ฝางถามอย่างขำๆ

“ไม่ใช่”ฉินวี่เฟยส่ายหน้า

“ไม่ใช่ว่าคุณกำลังหาสวีเถิงเฟยเหรอ”ฉินวี่เฟยพูดอย่างจริงจัง“ฉันรู้เบาะแสเขา”

ได้ยินคำนี้ หลี่ฝางถามอย่างร้อนใจทันที:“ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”

“ตอนนี้เขาอยู่ไหนฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าตอนดึกเขาอยู่ไหน”ฉินวี่เฟยพูด

ฉินวี่เฟยหยิบนามบัตรมาจากกระเป๋ากางเกง:“โทรหาเขา เขาจะพาคุณไปหาสวีเถิงเฟย”

“เขาคือใคร?”หลี่ฝางถาม

บนนามบัตรมีเบอร์โทร ไม่มีชื่อสกุล และก็ไม่มีข้อมูลเขา

มีนามบัตรแบบนี้ด้วย?

อีกอย่างนามบัตรก็ชุบทอง พอส่องแสงอาทิตย์แล้ว จะเป็นประกายแวววาว

ดูเหมือนเจ้าของนามบัตรนี้ จะเป็นคนรวยคนหนึ่ง

“คุณถามเขาเองละกัน”ฉินวี่เฟยพูดอย่างเย็นชา

พูดจบ ฉินวี่เฟยก็ไป

หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ ผู้หญิงคนนี้นี่ ยังแค้นเรื่องเมื่อเช้าอยู่จริงๆ

หลี่ฝางคิดจะตามฉินวี่เฟยไป เพื่อพูดขอโทษเธอ

แต่สุดท้ายหลี่ฝางก็มองเห็นไม่ไกลจากตรงนั้น ลู่หลุ่ยกำลังจ้องมาทางนี้

“ลู่หลุ่ย!”

หลี่ฝางเรียกลู่หลุ่ย วิ่งไปทางลู่หลุ่ย

ส่วนลู่หลุ่ย หมุนตัวแล้วออกไป

ตอนที่ตามลู่หลุ่ยไป ลู่หลุ่ยก็กลับไปในห้องตัวเองแล้ว

เธอนั่งอยู่ในฝูงคน พูดคุยหัวเราะกับพวกผู้หญิง เหมือนว่าเมื่อกี๊ไม่เห็นอะไร

หลี่ฝางยืนตรงหน้าลู่หลุ่ย แต่สายตาของลู่หลุ่ย ไม่ได้มองไปที่หลี่ฝาง ทำเป็นเหมือนว่าไม่มีหลี่ฝาง

“เอ๋ เขาไม่ใช่คนที่วันนั้นทะเลาะกับพี่ส้วยหน้าโรงเรียนนั่นเหรอ?”

“เป็นเขาจริงๆด้วย”

มีผู้หญิงสวมต่างหูคนหนึ่งยืนขึ้นทันที แล้วเดินไปตรงหน้าหลี่ฝาง:“นี่ คุณชื่ออะไร?”

หลี่ฝางมองผู้หญิงสวมต่างหู ผู้หญิงคนนี้ กำลังคุยกับตัวเองเหรอ?

กล้าหาญมากเลย?

ผู้หญิงสวมต่างหูคนนี้ในปากกำลังเคี้ยวหมากฝรั่ง ที่คอก็ยังมีรอยสักจิ้งจอกเล็กอยู่

ดูเป็นผู้หญิงไม่ดีไปทั้งตัว

ผู้หญิงสวมต่างหูเห็นหลี่ฝางไม่ตอบ ก็เอาแขนไปวางตรงไหล่ของหลี่ฝาง:“ถามคุณอยู่นะ คุณคงไม่ได้หูหนวกใช่ไหม?”

“ผมชื่อหลี่ฝาง”หลี่ฝางพูด

“มีแฟนยัง?”ผู้หญิงสวมต่างหูถามอย่างตรงไปตรงมา:“ถ้าไม่มี ลองพิจารณาพี่สาวคนนี้หน่อยไหม”

“พี่สาวชอบผู้ชายที่ชอบทะเลาะเบาะแว้งแบบนี้แหละ”

หลี่ฝางส่ายหน้า:“ขอโทษครับ คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่คนทะเลาะเบาะแว้ง”

หลี่ฝางหมดคำพูด ได้ยินว่าผู้หญิงชอบคนหล่อ รวย เล่นบาสเป็นร้องเพลงได้ ไม่เคยได้ยินว่าผู้หญิงที่ไหนชอบทะเลาะเบาะแว้ง

ผู้หญิงสวมต่างหูคนนี้ เป็นของแปลก

ลู่หลุ่ยยังคงพูดคุยหัวเราะกับเพื่อนในห้องตัวเอง ถึงแม้ผู้หญิงสวมต่างหูกำลังจีบหลี่ฝาง ลู่หลุ่ยก็ไม่หันมามองสักนิด

“คุณไม่ชอบทะเลาะ?งั้นหน้าคุณเป็นอะไร อย่าบอกว่าล้มลงไปกับพื้นล่ะ ฉันไม่เชื่อ”ผู้หญิงสวมต่างหูพูด

“หรือว่า คุณไม่สนใจฉัน?”

ผู้หญิงสวมต่างหูไม่ค่อยพอใจนัก ความงามของเธอ ถึงไม่สวยเท่าฉินวี่เฟยหรือลู่หลุ่ย แต่ก็ถือว่าหน้าตาพอใช้ได้

ในยุคโหดร้ายแบบนี้ ผู้ชายที่จีบเธอ น่าจะไม่น้อยสิ

หลี่ฝางคาดไม่ถึงสุดๆ ผู้หญิงที่หน้าตาพอใช้ได้แบบนี้ ยังจะมาจีบตัวเองก่อนด้วย?ทำให้คนแปลกใจจริงๆ

แค่เพราะตัวเองสู้เป็น?

งั้นเธอควรไปตามจีบส้าวส้วยสิถึงจะถูก

“คนสวย ผมมีแฟนแล้ว ไม่งั้นผมแนะนำให้คุณรู้จักไหมล่ะ เขามีเรื่องชกตีมากกว่าผมเยอะเลย”หลี่ฝางพูด

สีหน้าผู้หญิงสวมต่างหูหม่นลงทันที

“ช่างเถอะ”

สีหน้าผู้หญิงสวมต่างหูลำบากใจหน่อยๆ กลับไปที่ฝูงคน

“ฉันแพ้แล้ว ฉันยอมรับบทลงโทษ”

คำพูดของผู้หญิงสวมต่างหู ทำให้หลี่ฝางตะลึง

“อะไรกันเนี่ย?”หลี่ฝางถาม

ผู้หญิงสวมต่างหูมองลู่หลุ่ย พูด:“ลู่หลุ่ย นี่แฟนคุณสินะ?”

“ไม่ใช่”ลู่หลุ่ยส่ายหน้า พูด

“ไม่ต้องมาแสดงน่า หน้าจอโทรศัพท์คุณ ไม่ใช่คนนี่เหรอไง?”ผู้หญิงสวมต่างหูยิ้มแหยๆ:“เอาน่า ไม่ต้องสร้างปัญหาแล้ว เขาอุตส่าห์มาหาคุณถึงที่ คุณก็ให้โอกาสเขาหน่อยสิ”

ผู้หญิงสวมต่างหูส่งสายตาให้ผู้หญิงในห้องคนอื่นๆ จากนั้นทุกคนก็ยืนขึ้น

“หลี่ฝาง ใช้โอกาสนี้ดีๆล่ะ”

ผู้หญิงสวมต่างหูพานักเรียนหญิงคนอื่นๆออกไป

เวลานี้ ตรงนี้เหลือแค่ลู่หลุ่ยกับหลี่ฝางสองคน

ลู่หลุ่ยยืนขึ้นมา คิดจะหนี แต่ถูกหลี่ฝางยื่นมือมาจับไว้

“ไม่จบใช่ไหม?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว:“ตอนนั้นผมไม่ได้คิดจะทำร้ายพวกคุณ ผมกำชับพวกเขาไปแล้ว ให้พวกเขาไม่ให้บอกพวกคุณ”

“ผมแค่อยากช่วยคุณเฉยๆ ถึงผมผิด ก็เป็นความประสงค์ดี ให้อภัยไม่ได้เหรอไง?”หลี่ฝางพูดอย่างหมดคำพูด

หลี่ฝางคิดว่า ตัวเองไม่ได้มีกิ๊ก เหยียบเรือสองแคม ทำความผิดอะไรที่ถึงชีวิตสักหน่อย

ตัวเองแค่หวังดีทำเรื่องผิดพลาดไป ไม่จำเป็นต้องมาถึงจุดที่ต้องเลิกกันเลย

มากไปกว่านั้น เรื่องนี้ผ่านไปหลายวันแล้ว ลู่หลุ่ยยังจำได้ดี?

ลู่หลุ่ยหยุดฝีเท้า ผ่านไปสักพักจึงหันหน้ามา:“ผู้หญิงคนนั้นคือใคร?”

“แค่เพื่อน”หลี่ฝางพูดนิ่งๆ

“เธอไม่ใช่เพื่อนในห้องคุณ”ลู่หลุ่ยพูดอย่างไม่ค่อยพอใจ

“ใช่ ห้องอื่น”

“คุณมาแค่ไม่กี่วัน ก็หว่านเสน่ห์ไปยังผู้หญิงห้องอื่นได้แล้ว?แล้วยังหน้าตาดีมากๆอีก”ลู่หลุ่ยก็ยิ่งโกรธ

ถ้าหากเป็นผู้หญิงหน้าตาธรรมดาๆ ลู่หลุ่ยกลับไม่โกรธ

แต่ที่สำคัญคือฉินวี่เฟยหน้าตาดีมาก แล้วก็ยังโดดเด่นอีกด้วย ลู่หลุ่ยมองฉินวี่เฟยไกลๆ ก็ยังอิจฉาหน่อยๆ

การปรากฏตัวของฉินวี่เฟย ทำให้ลู่หลุ่ยรู้สึกถึงวิกฤตลึกซึ้งมากขึ้น

หลี่ฝางมองสีหน้าของลู่หลุ่ย ก็ยิ้มออกมา:“คุณหึงใช่ไหมเนี่ย?”

“ใครหึง ฉันแค่ถามไปงั้นๆ”

ลู่หลุ่ยกลอกตาใส่หลี่ฝาง:“ฉันรู้ว่าพวกคุณเป็นเด็กบ้านมีเงินกัน ไม่น่าเชื่อถือ”

“ไม่น่าเชื่อถือ?”

หลี่ฝางส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด:“งั้นเด็กบ้านยากจนน่าเชื่อถือเหรอ?”

“คนๆหนึ่งน่าเชื่อถือหรือไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับจนหรือรวยนะ”

หลี่ฝางดึงแขนของลู่หลุ่ย ดึงเธอกลับมา ทั้งสองนั่งลงใต้ต้นไม้

ลู่หลุ่ยนั่งลงแล้ว แต่ยังไม่พูด

ถกเถียงกันอยู่นาน หลี่ฝางก็ไม่สามารถอดกลั้นได้ พูดไปว่า:“คุณคิดจะไม่สนใจผมไปถึงไหนเหรอ?”

“หลี่ฝาง พวกเราห่างกันสักพักหนึ่งละกัน”ลู่หลุ่ยสูดหายใจลึกๆ แล้วพูด

“ทำไม?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว ถาม:“คุณอยากห่างกันนานแค่ไหน?”

หลี่ฝางคิดในใจ ถ้าห่างกันไม่กี่วัน หรือว่าหนึ่งอาทิตย์ หลี่ฝางก็จะยอม

ถ้านานไปหลี่ฝางไม่เห็นด้วย

“เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่าไม่มีหน้าไปเผชิญหน้ากับคุณ ฉันติดเงินคุณ ติดเงินคุณตั้งเยอะ ฉันยืนอยู่ต่อหน้าคุณ ก็รู้สึกว่าสู้หน้าไม่ได้”

“ส่วนห่างกันนานแค่ไหน ฉันตัดสินไม่ได้”

“รอฉันเอาเงินคืนคุณได้เมื่อไหร่ ตอนนั้นพวกเราก็ดีกันละกัน”ลู่หลุ่ยพูดหน้านิ่งๆ

หลี่ฝางได้ยินก็โมโห

“ลู่หลุ่ย จากที่คุณพูดแล้ว ถ้าทั้งชีวิตคุณคืนเงินผมไม่ได้ ก็จะไม่คบกับผมไปทั้งชีวิตเหรอ?”

หลี่ฝางพูดไม่ออกโดยสิ้นเชิง

ยังไงหนี้ก้อนนี้ ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ตั้งสามแสนกว่า ตอนนี้ลู่หลุ่ยเป็นนักเรียน จะเอาอะไรมาคืน?

ถึงแม้หลี่ฝางจะคิดวิธีแทนลู่หลุ่ยได้แล้ว แต่ได้ยินคำพูดของลู่หลุ่ยนี้ ต่างอะไรกับบอกเลิกล่ะ?

“ฉันจะต้องหาเงินมาคืนคุณให้ได้”ลู่หลุ่ยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

หลี่ฝางยังคงพูดไม่ออก

“ทำไมคุณถึงหมกมุ่นอยู่กับเงินขนาดนั้น?ผมสำคัญ หรือว่าเงินก้อนนั้นสำคัญเหรอ?”

หลี่ฝางมองลู่หลุ่ย แล้วพูด:“คุณเลือกมา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท