NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 182

ตอนที่ 182

ทันทีที่ออกมาจากห้องของหลิวเหล่าซาน หลิวเสี่ยวเทาตกใจจนเกือบจะฉี่ราดกางเกง

หลิวเสี่ยวเทาอมเงินจากส่วนนี้ไปสองหมื่นหยวน นี่ถ้าให้หลิวเหล่าซานรู้เข้า หลิวเหล่าซานจะปล่อยเขาไปไหม?

ถึงแม้จะเป็นหลานชายแท้ๆ หลิวเหล่าซานก็จะซ้อมเขาอย่างหนักเหมือนกัน

ถึงอย่างไรเงินสองหมื่นหยวน ก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยอะไร

หลิวเหล่าซานเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เริ่มกิจกรรมกับผู้หญิงที่อยู่บนเตียงใหม่อีกครั้ง

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ หลิวเหล่าซานเก่งยิ่งกว่าเก่าแล้ว

ตอนที่ผู้หญิงคนนั้นออกมา ขาก็อ่อนปวกเปียกไปหมด

“เย่นเหนียง วันนี้เป็นอะไรไปเนี่ย เดินไม่ปกตินี่นา?” กวนจื่อขยิบตาให้เย่นเหนียง พูดพร้อมกับยิ้มร้ายๆ

“ไปให้พ้นหน้าเลย วันนี้ลูกพี่คุณเหมือนกินยาเข้าไป ทำเอาฉันเกือบตาย” เย่นเหนียงกลอกตาใส่กวนจื่อ จับราวบันไดเอาไว้ เดินกะโผลกกะเผลกลงไปชั้นล่าง

และในเวลานี้หน้าประตูของห้องคาสิโน มีวัยรุ่นคนหนึ่งยืนอยู่

ซึ่งก็คือหลิวเสี่ยวเทา

หลิวเสี่ยวเทาเคยเห็นเย่นเหนียงหลายครั้ง แต่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ผิวพรรณของเย่นเหนียงจะขาวเนียนแบบนี้ รูปร่างจะยั่วยวนขนาดนี้

ภาพเมื่อกี้ อยู่ในหัวของหลิวเสี่ยวเทาไม่สามารถลืมมันไปได้เลย

เดิมทีเขากำลังจะกลับไปที่โรงเรียน แต่จู่ๆก็ย้อนกลับมาอีก

เขากำลังรอให้เย่นเหนียงลงมา อยากมีสัมพันธ์บางอย่างกับเย่นเหนียง

แต่เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงเต็มๆ เย่นเหนียงถึงลงมาจากห้องคาสิโน

ที่เท้าของหลิวเสี่ยวเทา มีก้นบุหรี่ทิ้งอยู่เป็นจำนวนมาก

หลิวเสี่ยวเทาเห็นเย่นเหนียง ตาสว่างขึ้นมาในทันที แสดงสีหน้าที่สัปดนออกมา: “เย่นเหนียง!”

“เธอเองเหรอ?”

“ผมเอง ผมเป็นหลานชายของหลิวเหล่าซาน ผมชื่อหลิวเสี่ยวเทา” หลิวเสี่ยวเทามองสังเกตเย่นเหนียงตั้งแต่หัวจรดเท้าครู่หนึ่ง ภาพเมื่อครู่ปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้ง

“เย่นเหนียง หุ่นของคุณดีจริงๆ”

“นั่นยังต้องให้เธอบอก……”

เย่นเหนียงกลอกตามองหลิวเสี่ยวเทาครู่หนึ่ง: “ใช่แล้ว เธอกำลังรอใครอยู่เนี่ย?”

เย่นเหนียงเห็นใต้เท้าของหลิวเสี่ยวเทามีก้นบุหรี่อยู่มากมาย เดาออกว่าเขากำลังรอคนอยู่

“เย่นเหนียง ผมรอคุณอยู่”

หลิวเสี่ยวเทาหัวเราะแหะๆ: “เย่นเหนียง ผมขอเลี้ยงข้าวคุณมื้อหนึ่งได้ไหม?”

“กินข้าว?” เย่นเหนียงมองไปที่หลิวเสี่ยวเทาด้วยความสงสัย: “เธออยากจะทำอะไร?”

“เย่นเหนียง ผมรู้ว่าเมื่อก่อนคุณทำงานอะไร……” หลิวเสี่ยวเทาพูดไป ก็ควักเงินออกมาจากอกปึกหนึ่ง

เงินปึกนี้ อย่างน้อยๆก็มีสองสามพันหยวนแล้ว

“เธออยากนอนกับฉัน?” เย่นเหนียงรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ: “เธอรู้หรือเปล่า ฉันเป็นผู้หญิงของอาเธอนะ เธอกล้าจีบแฟนของอาเธอ เธอไม่กลัวหลิวเหล่าซานรู้เข้า จะตัดน้องชายของเธอทิ้งเหรอ?”

“พอแล้ว เย่นเหนียง คุณไม่พูด ผมไม่พูด อาผมจะรู้ได้อย่างไร?”

“แล้วอีกอย่าง หลิวเหล่าซานเป็นอาแท้ๆของผม มีหรือที่เขาจะลงมือโหด(ทำร้ายหรือฆ่า)กับผมได้” หลิวเสี่ยวเทาพูด

ความจริงแล้วหลิวเสี่ยวเทาไม่ได้กลัว

ถึงแม้หลิวเหล่าซานรู้แล้วจะเป็นอย่างไร?

เย่นเหนียงก็เป็นแค่ชู้รักของหลิวเหล่าซานเท่านั้นแหละ?

หรือเพื่อชู้รักคนหนึ่งแล้ว หลิวเหล่าซานจะไปตัดของหลานชายแท้ๆของตัวเองจริงๆ?

อย่าลืมนะ หลิวเหล่าซานเป็นคนที่มีครอบครัวแล้ว

“ดูเหมือนเงินจะน้อยไปหน่อยนะ” เย่นเหนียงขมวดคิ้ว: “ถ้าหากเธอสามารถเพิ่มให้อีกหน่อย ฉันก็จะลองพิจารณาดู……”

หลิวเสี่ยวเทาก็จริงจังชัดเจน ควักเงินออกมามากกว่าหนึ่งพันทันที: “พอหรือยัง?”

เย่นเหนียงคว้าเงินเข้าไปอยู่ในมือ โอบเอวหลิวเสี่ยวเทาเอาไว้ ก็เดินเข้าไปในโรงแรมเล็ก ๆเลย

เย่นเหนียงเคยเป็นโสเภณีมาก่อน ก็ต้องไม่แคร์เรื่องนี้อยู่แล้ว

ขอแค่ให้เงิน เย่นเหนียงไม่สนใจว่าเธอจะมีความสัมพันธ์กับใคร

……

การฝึกทหารเสร็จสิ้น หลี่ฝางก็ขับรถไปหาโจวหยางในวันนั้นเลย

โจวหยางก็เรียนที่มหาวิทยาลัยหลักแห่งหนึ่งเหมือนกัน ดีสู้สุ่ยมู่ไม่ได้นิดหน่อยเท่านั้น

ทันทีที่ทั้งคู่พบหน้ากันโจวหยางก็ถามด้วยความสงสัย: “ทำไมแกถึงมีเวลามาหาฉันได้?”

“ก็เพราะคิดถึงนายไง” หลี่ฝางยิ้มออกมา ยื่นบุหรี่ให้โจวหยางหนึ่งมวน

รถเบนซ์ G-Class ของหลี่ฝางจอดอยู่หน้าประตูสถานศึกษาของโจวหยาง ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อยในทันที

“สุดหล่อ นี่รถของคุณเหรอ?”

โจวหยางกับหลี่ฝางกำลังคุยกันอยู่ สาวผมสั้นคนหนึ่งก็เดินเข้ามา

หลี่ฝางพยักหน้า: “ของผมเอง มีอะไรเหรอ?”

“งั้นเราสองคนจะเป็นเพื่อนกันได้ไหม?” สาวผมสั้นเลิกคิ้ว ความหมายชัดเจนมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ไม่ได้ปฏิเสธ

สาวผมสั้นคนนี้ ดูดีมีเสน่ห์มาก และรูปร่างก็สูงมากพอ

“เรากำลังจะไปกินข้าว ไปด้วยกันไหม?” หลี่ฝางถามสาวผมสั้น

สาวผมสั้นก็ต้องไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

สาวผมสั้นเพิ่งจะมุดเข้าไปในรถ ก็มีเพื่อนนักเรียนจำนวนไม่น้อยเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

“ไอ๊หยา หวางเหยาไปรู้จักกับทายาทเศรษฐีตอนไหนกัน?”

เพื่อนนักเรียนไม่น้อยตกตะลึงไป พวกเขารู้ดีว่านี่คือรถเบนซ์ G-Class มูลค่าสองล้านกว่าหยวน คนทั่วไปไม่มีปัญญาขับหรอก

เว้นแต่จะเป็นทายาทเศรษฐี

“ฉันว่าคืนนี้หวางเหยาคงไม่กลับมาแล้ว”

หลังจากที่หวางเหยาขึ้นรถแล้ว ก็เริ่มเซลฟี่อย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่ถ่ายเสร็จแล้ว เธอก็เลือกรูปที่สวยที่สุดมาหนึ่งใบ จากนั้นก็โฟโตชอปตกแต่งรูป เสร็จแล้วก็โพสต์ลงไปในวีแชทโมเมนต์(โซเชียล)

วีแชทโมเมนต์ของหวางเหยาก็มีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม

ยอดเยี่ยมสุดๆบ้างล่ะ พี่เหยาเหยาของฉันน่าทึ่งมากบ้างล่ะ ยังมีคนแสดงความคิดเห็น ผู้หญิงอ่ะ เห็นแก่โลกความเป็นจริง(เห็นแก่เงิน)

ความคิดเห็นนี้เพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งของหวางเหยาเป็นคนส่ง เมื่อกี้เพื่อนนักเรียนชายคนนี้มองดูหวางเหยาขึ้นรถเบนซ์ G-Class ไป เกิดความอิจฉาในใจ กำลังคิดอยู่ว่าไม่มีที่ระบาย

หลังจากที่หวางเหยาลบความคิดเห็นออกแล้ว ก็บล็อกเขาไปเลย

“ผู้ชายจนๆ” ปากหวางเหยายังบ่นพึมพำออกมาคำหนึ่ง

“ใช่แล้ว สุดหล่อ เราจะไปกินข้าวที่ไหนกัน?” หวางเหยาเงยหน้าขึ้นมาถามคำหนึ่ง

“โรงแรมว่างโก๋แล้วกัน” หลี่ฝางพูดเรียบๆ

ในใจหวางเหยาดีใจขึ้นมาอีกครั้ง เป็นทายาทเศรษฐีจริงๆด้วย แค่กินข้าวมื้อหนึ่ง ยังเป็นโรงแรมระดับห้าดาวเลย

มาถึงหน้าประตูโรงแรมห้าดาว ทั้งสามคนเดินเข้าไป

ทันทีที่เข้าไป ผู้จัดการล็อบบี้ก็รีบเข้ามาทักทาย

“คุณชายหลี่ คุณมาแล้ว” ผู้จัดการล็อบบี้เคารพนบนอบ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพยำเกรง

หลี่ฝางพยักหน้า: “ยังมีห้องพิเศษไหม?”

“มีครับ ผมจะพาคุณขึ้นไปเอง” ผู้จัดการล็อบบี้นำทางด้วยตัวเอง ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย

หวางเหยาเดินตามอยู่ข้างหลัง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

นี่คือคนใหญ่คนโตอะไรกัน ทำไมผู้จัดการคนนี้ถึงกลัวเขาขนาดนี้?

ตลอดทาง หลี่ฝางเดินไปถึงไหน ก็จะมีพนักงานบริการพูดทักทายเขา เหมือนกับว่าหลี่ฝางเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้

เมื่อคืนหลี่ฝางใช้จ่ายเงินไปหกแสนกว่าหยวนในคืนเดียว ทำให้ทุกคนในโรงแรมว่างโก๋ต่างก็จดจำเขาเอาไว้ และปฏิบัติต่อเขาในฐานะเสี่ยใหญ่

“ถังหยู่ซวน นายยังมาไม่ถึงอีกเหรอ?” หลี่ฝางควักโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วโทรไปหาถังหยู่ซวน

สองชั่วโมงก่อนหน้านั้น หลี่ฝางก็แจ้งกับถังหยู่ซวนแล้ว ให้เขามาที่ตงไห่รอบหนึ่ง

แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังมาไม่ถึง

“จะถึงแล้ว ส่งที่อยู่มาให้ฉันที” ถังหยู่ซวนพูด

หลี่ฝางแชร์โลเคชั่นไปที่วีแชทของถังหยู่ซวน รอไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ถังหยู่ซวนเพิ่งจะมาถึงอย่างรีบเร่ง

“ขออภัยด้วย มาช้าไป”

ถังหยู่ซวนยิ้มอย่างอายๆ วางกุญแจรถปอร์เช่ไว้บนโต๊ะอาหาร

“พอแล้ว พนักงาน เสริฟ์อาหารเลย”

ในเวลานี้ หลี่ฝางก็เริ่มเข้าประเด็น

“คนสวย คุณเล่นแอพไขว้โส่วอยู่ใช่ไหม ที่ใช้ชื่อว่าเหยาเป่าของคุณ?” หลี่ฝางมองไปที่สาวผมสั้น แล้วก็ยิ้มออกมา

หวางเหยารู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย: “คุณเป็นแฟนคลับของฉัน?”

“ถือว่าใช่มั้ง ผมเคยดูไลฟ์ของคุณ ไลฟ์สดของคุณน่าสนใจดี เพียงแต่ห้องได้รับความนิยมน้อยไปหน่อย

หลี่ฝางพูดว่า: “พูดอย่างไม่ปิดบังคุณ ผมวางแผนที่จะเปิดบริษัทสื่อการสื่อสารขึ้นมา รับสมัครพวกวีเจไฟล์สด สื่อ ดารา……”

“คุณสนใจไหม?” หลี่ฝางถาม

“นี่……บริษัทของพวกคุณยังไม่ได้ก่อตั้ง ใช่ไหม?” สีหน้าของหวางเหยามีความลังเลเล็กน้อย: “อันที่จริงก่อนหน้านั้นก็เคยมีหลายบริษัทติดต่อมาหาฉัน แต่ค่าตอบแทนน้อยเกินไป พูดได้น่าฟัง แต่ทุกเดือนให้เงินเดือนขั้นพื้นฐานแค่หนึ่งพันหยวน ยังต้องให้ฉันไลฟ์สดสี่ชั่วโมงต่อวัน”

“เอาอย่างนี้ ผมให้คุณห้าพัน คุณมาอยู่กับผม เป็นอย่างไง?” หลี่ฝางเลิกคิ้ว: “นอกจากนี้ คุณช่วยผมดึงวีเจไลฟ์สดมาคนหนึ่ง ขอแค่เซ็นสัญญาสำเร็จ ผมก็จะให้อั่งเปาคุณหนึ่งพันหยวน”

“ตกลง!”

ได้ยินคำว่าห้าพัน ตาของหวางเหยาก็สว่างขึ้นมา

ความจริงหลี่ฝางจำได้ทันทีว่าหวางเหยาคือวีเจไลฟ์สดคนหนึ่ง ดังนั้นถึงได้พาเธอมาที่นี่

“คนสวย คุณออกไปก่อนได้ไหม เราขอคุยเรื่องบางอย่างก่อน?” หลี่ฝางมองดูหวางเหยา ถามออกคำหนึ่ง

หวางเหยาพยักหน้า ก็ออกไปเลย

หลังจากหวางเหยาออกไป โจวหยางถามด้วยความประหลาดใจ: “หลี่ฝาง นายจะเปิดบริษัทสื่อการสื่อสาร?”

“ใช่แล้ว แต่ว่าฉันรับผิดชอบแค่การลงทุนเท่านั้น”

“โจวหยาง หลายปีมานี้นายอยู่ในบ้านของนาย ถูกพี่ชายนายโจวเจ๋รังแกมาตลอด ไม่ใช่เพราะว่าเขามีบริษัทสื่อการสื่อสารอยู่บริษัทหนึ่ง แต่นายไม่มีเหรอ?”

“ตอนนั้นตอนที่ฉันตกอับ นายคอยช่วยฉันมาตลอด ตอนนี้ฉันเจริญรุ่งเรืองแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องตอบแทนนายแล้ว ฉันออกเงิน เราเปิดบริษัทสื่อการสื่อสารที่เมืองเอกแห่งหนึ่ง”

“ชื่อนายเป็นคนกำหนด นายมาเป็นผู้จัดการทั่วไป ถังหยู่ซวนเป็นรองผู้จัดการ หลายวันมานี้ถังหยู่ซวนอยู่ที่บริษัทสื่อการสื่อสารของพี่ชายนายมาตลอด ก็เรียนรู้อะไรมาไม่น้อย”

“แต่พวกเราไม่กี่คน ไหวได้เหรอ?” โจวหยางถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“มีอะไรที่จะไม่ไหว ช่วงแรกๆก็แค่ต้องทุ่มเงินไปก่อนเท่านั้น พอดี ในบัตรฉันมีเงินอยู่สิบล้าน ฉันทุ่มไปก่อนสิบล้าน ถ้าหากบริษัทดีขึ้นมา ฉันจะทุ่มเงินต่อ” หลี่ฝางพูดอย่างไม่แยแส

“ถ้าหากว่าสิบล้านนี้ขาดทุนไป จะทำอย่างไร?” โจวหยางถามด้วยความเป็นห่วง

“สำหรับฉันแล้ว เงินสิบล้านเป็นแค่ค่าขนมเท่านั้น” หลี่ฝางยิ้มอย่างเหยียดหยาม: “ขาดทุนก็ขาดทุนไป ไม่เป็นไร”

สิบล้าน เป็นแค่ค่าขนมเท่านั้น?

โจวหยางอึ้งไปเดี๋ยวนั้นเลย

หว่งเหยาพิงอยู่ที่หน้าประตู แอบฟังบทสนทนาข้างใน ก็อึ้งไปในทันที

“เราไม่รู้ ก็สามารถหาผู้เชี่ยวชาญมาจัดการได้ โจวหยาง นายก็กำลังเรียนเรื่องสื่อการสื่อสารอยู่ในโรงเรียนของนายก็น่าจะมีคนที่มีความสามารถด้านสื่อการสื่อสารอยู่ไม่น้อย?”

“เราสามารถใช้เงินเพื่อเชิญชวนพวกเขา และสามารถชักชวนด้วยเงินจำนวนมาก(ซื้อตัว)”

หลี่ฝางพูด: “อาศัยช่วงที่วงการนี้กำลังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง เราต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้”

“เราสร้างแพลตฟอร์มของเราเอง หรือว่า?”

“ช่วงแรกเซ็นสัญญากับวีเจไลฟ์สดก่อน ให้วีเจไลฟ์สดถ่ายทอดสดในแพลตฟอร์มของตัวเองก่อน แต่ว่าฉันจะสร้างแพลตฟอร์มของตัวเองในภายหลัง ถึงเวลา ก็ให้วีเจระบายผู้ชมมายังแพลตฟอร์มของเราเอง”

“ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องความนิยม ถึงเวลา ฉันจะใช้เงินจำนวนมากเชิญดารามาสร้างความนิยม” หลี่ฝางพูด

“เชิญดารา ถ้างั้นต้องใช้เงินมากเท่าไหร่”

โจวหยางขมวดคิ้ว พูดว่า: “ความจริงพี่ชายฉันก็เคยคิดจะเชิญดารา แต่ดารายอดนิยม ค่าตัวออกงานอีเว้นท์ไม่ต่ำกว่าล้าน ดังนั้นพี่ชายฉันเลยยังไม่เคยกล้าทำจริงๆ”

“เขาไม่มีเงิน แต่ฉันมี” หลี่ฝางพูดอย่างเหยียดหยาม

ถังหยู่ซวนก็พูดตามว่า: “หลายวันนี้ฉันก็ดูเข้าใจแล้ว ความจริงอยากจะทำบริษัทสื่อการสื่อสารให้ดี มันไม่มีอะไรมากนอกจาก สร้างการกระแส ทุ่มเงิน อวยคน”

ในขณะที่หลี่ฝางและคนอื่นๆกำลังพูดคุยกันอย่างเมามัน

หลิวเสี่ยวเทาก็ได้รับโทรศัพท์ของสวีเถิงเฟย

“เสี่ยวเทา ให้หลิวเหล่าซานเตรียมตัวเลย หลี่ฝางกำลังกินข้าวอยู่ที่โรงแรมว่างโก๋ รอพวกเขาออกมาจากโรงแรมว่างโก๋ ก็ให้หลิวเหล่าซานลงมือเลย”

หลิวเสี่ยวเทาวางสายโทรศัพท์ ก็ผลักเย่นเหนียงออกไปจากอกตัวเอง

“อาสาม ไอ้หมอนั่นอยู่ที่โรงแรมว่างโก๋” หลิวเสี่ยวเทาโทรศัพท์ไปหาหลิวเหล่าซาน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท