NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 202

ตอนที่ 202

บทที่202 แววตาของส้าวส้วย

เหยโก่วชี้หาหลี่ฝาง พลางสั่งออกมา: “ขวางเขาเอาไว้!”

ในตอนนั้นเอง ชายร่างกำยำที่สักลายเสือลายมังกร รีบวิ่งเข้ามา เพื่อจะขวางหลี่ฝางที่กำลังจะหนีไป

“แม่งเอ้ย!”

หลี่ฝางกัดฟัน พลางพูดออกมาด้วยความโกรธ: “หมาที่ดีจะไม่ขวางทางกันนะ”

“คุณกล้ามาว่าพวกเราเป็นหมางั้นเหรอ?” ชายร่างกำยำโกรธขึ้นมาแล้ว

“พวกคุณไม่อยากจะเป็นหมา ก็รีบหลบไปสิ!” หลี่ฝางหัวเราะพลางพูดออกมา

ในตอนนั้นเอง ส้าวส้วยกลับมาแล้ว

ความมั่นใจของหลี่ฝาง ก็กลับมาแล้ว

“เจ้านาย คุณหาเรื่องอีกแล้วเหรอ” ส้าวส้วยถามอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

ปัญหาของหลี่ฝาง มันเยอะเกิดไปแล้วล่ะ?

“พวกเขามาหาฉันเอง ฉันจะทำอย่างไรได้?” หลี่ฝางเองพูดอะไรไม่ออก

“ทำไมคุณถึงกลับมาตอนนี้ล่ะ?ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะกำลังรอคุณ ฉันคงจะไปกับฉินจื่อยี่ตั้งนานแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ถูกพวกเขาขวางเอาไว้ได้ พูดแล้ว ก็น่าโกรธจริงๆ เลย”

หลี่ฝางมองบนใส่ส้าวส้วย: “คุณบอกมาว่าคุณท้องผูกหรือเปล่า ทำไมไปเข้าห้องน้ำนานขนาดนั้น?”

“ที่นี่เป็นที่นอกสถานที่นะ ไม่ใช่ห้องน้ำที่ถูกต้องด้วย ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำสบายๆ หน่อย เลยต้องไปไกลหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าถูกสาวสวยเห็นเข้า มันจะขายหน้าขนาดไหนกัน” ส้าวส้วยอธิบาย

“ผู้หญิงที่ไหนจะมามองคุณล่ะ” หลี่ฝางหัวเราะพลางพูดออกมา: “คุณไม่รู้ ว่าตอนที่คุณเข้าห้องน้ำ เขาหมาป่าชุลมุนขนาดไหน”

“คุณรู้ไหม?รถMustangคันหนึ่ง ขับชนะลัมโบกินิ่!”

หลี่ฝางเพิ่งพูดจบ จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ชอบมาพากล

ในตอนนั้น ส้าวส้วยไปเข้าห้องน้ำจริงเหรอ?

หรือว่า ตอนที่ทุกคนจะไปหา ผู้วิ่งแข่ง ก็คือส้าวส้วยล่ะ!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ฝางมองสายตาของส้าวส้วย ก็รู้สึกแปลกใจ……

ส้าวส้วยชะงักไป: “เจ้านาย ทำไมคุณมองฉันแบบนั้นล่ะ?ทำไมฉันรู้สึกแปลกๆ นะ?ทำไมเหรอ หน้าของฉันมีอะไรติดเหรอ?”

หลี่ฝางสงสัยว่าส้าวส้วยเป็นกลุ่มแข่งรถมาตั้งนานแล้วหรือเปล่า

ส้าวส้วยไม่เพียงแค่มองออกว่ารถมันเคยดัดแปลงหรือเปล่า แถมยังลองรถของฉินจื่อยี่ด้วยคะแนนสูงลิ่วถึงสองครั้ง

มันชัดเจนเลยว่ามีเพียงนักแข่งรถเท่านั้น ที่ทำอย่างนั้นได้

หลี่ฝางมองส้าวส้วยด้วยความสงสัย: “เมื่อครู่คุณไปเข้าห้องน้ำจริงเหรอ?”

“ไม่งั้นจะให้ไปไหน?” ส้าวส้วยถามกลับ

“งั้นผ้าพันแผลบนหัวคืออะไรน่ะ?” หลี่ฝางจ้องที่ห้องผากของส้าวส้วย ก็เห็นว่ามีผ้าพันอยู่

“ไม่ต้องพูดถึงแล้ว เมื่อกี้ฉันเข้าห้องน้ำเสร็จ พอกลับมาก็ได้ยินเสียงหมาป่าหอนดังขึ้น ให้ตายเถอะ เกือบทำให้ฉันตกใจแล้ว ฉันเลยรีบวิ่งหนี แล้วไม่ระวังจนล้ม ชนเข้ากับก้อนหิน”

ส้าวส้วยพูดไป พลางลูบแผลบนหัวตัวเอง: “ตอนนี้ยังเจ็บอยู่เลย”

“ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงหมาป่าหอน?” หลี่ฝางมองส้าวส้วยด้วยความไม่เชื่อ

เมื่อครู่ที่Mustangขับลอยลงมาจากเนิน แล้วคงจะเขกซ้ายขวาเข้า อาการบวมบนหัวของส้าวส้วย ต้องเป็นเพราะโดนชนตรงนั้นแน่นอน

ในตอนนั้นเอง สวีเถิงเฟยกับคนอื่นเดินเข้ามา

“ไอหนุ่มนี่ ใช่ไหม?” เหยโก่วชี้หาหลี่ฝาง พลางยืนยันกับสวีเถิงเฟยหน่อย

สวีเถิงเฟยพยักหน้า พลางพูดออกมา: “ใช่ เขานี่แหละ”

“เข้าใจแล้วล่ะ”

เหยโก่วมองหลี่ฝาง พลางยิ้มขึ้น: “ไอหนุ่ม ให้สองทางเลือกนะ อันแรกคือตัดขาตัวเอง แล้วรีบไสหัวลงจากเขาไป อย่างที่สองคือให้ฉันตัดขาให้ แล้วเตะคุณลงเขาไป”

“คุณเลือกสักอย่างเถอะ” เหยโก่วพูดออกมาเบาๆ

เหยโก่วพาคนมาสามคน สามคนนี้ แต่ละคนร่างกายกำยำ นอกจากนี้ยังสักลายอีก ใบหน้าก็มีแต่ความโหดร้าย

พูดตามความจริง หลี่ฝางมองสามคนนี้แล้ว ก็คิดว่าน่ากลัวอยู่

ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม ขอแค่มีส้าวส้วยอยู่ หลี่ฝางมักจะรู้สึกปลอดภัย

หลี่ฝางมองส้าวส้วยสักหน่อย พลางใช้คางชี้มาทางทั้งสามคนด้านหน้า: “คุณสามารถชนะทั้งสามคนได้ไหม?”

“เจ้านาย งั้นต้องดูว่าคุณเตรียมเชิญฉันกินแฮมเบอร์เกอร์กี่อันแล้วล่ะ?” ส้าวส้วยมองทั้งคน ก่อนจะถามหลี่ฝาง

“คุณอยากจะกินกี่อันล่ะ?” หลี่ฝางถามต่อ

“อย่างน้อยก็สักสิบอัน” ส้าวส้วยคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมา

หลี่ฝางทำตัวไม่ถูก ส้าวส้วยคนนี้ ชาติที่แล้วไม่เคยกินแฮมเบอร์เกอร์ใช่ไหม

แฮมเบอร์เกอร์สิบอันราคาเท่าไหร่เอง?สองสามร้อย?

หลี่ฝางหัวเราะพลางพูดออกมา: “ได้ สิบชิ้นก็สิบชิ้น”

“ได้ ตกลง” ปากของส้าวส้วยยิ้มออกมา

“แฮมเบอร์เกอร์อะไร……พวกคุณกำลังพล่ามอะไรอยู่ ฉันถามคุณนะ คุณอยากให้ฉันลงมือ หรือจะทำเองอย่างเชื่อฟัง?” เหยโก่วถามเสียงเย็นชา

หลี่ฝางมองส้าวส้วย พลางถามอีกครั้ง: “คุณมั่นใจนะว่าจะชนะพวกเขา จริงๆ เหรอ?”

“แค่พวกนี้เอง มันไม่มีปัญหาหรอก” ส้าวส้วยพยักหน้าพลางพูด

หลี่ฝางวางใจลงได้

หลี่ฝางยิ้มขึ้น พลางมองเหยโก่วด้วยความยียวน: “งั้นฉันให้คุณเลือกสองทาง หนึ่ง คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังแล้วก็เรียกฉันว่าลูกพี่ซะ แล้วฉันจะปล่อยคุณไป”

“สอง ให้ลูกน้องของฉันเอาคุณโยนเข้าไปในเขาหมาป่าให้เป็นอาหารหมาป่า”

หลังจากที่เหยโก่วได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก: “คุณพูดอะไรเหรอ?”

ตาของเหยโก่วทั้งสองข้างก็มองวนไป พลางมองหลี่ฝางอย่างเยือกเย็น หลี่ฝางเลยตกใจเล็กน้อย

“พี่เหยโก่ว เขาบอกให้คุณคุกเข่าลง เรียกเขาว่าลูกพี่ซะ ไม่อย่างนั้น เขาจะให้ลูกน้องของเขาโยนคุณเข้าไปเป็นอาหารหมาป่าในป่า” ตู้เฟยพูดย้ำอีกรอบ

“ไม่ได้หูตึงสักหน่อย ไม่ต้องให้คุณมาพูดซ้ำอีกรอบ” เหยโก่วหันมา พลางมองตู้เฟยอย่างโหดร้าย

ในตอนนั้น สีหน้าของเหยโก่ว ดูไม่ได้สุดๆ

“ไอหนุ่ม คุณนี่มันเลวจริงๆ เลย ฉันเหยโก่วโตขนาดนั้นแล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้ามาพูดแบบนี้กับฉันเลย” เหยโก่วมีสีหน้านิ่งไป พลางพูดกับหลี่ฝาง

หลี่ฝางมองหน้าของเหยโก่ว ก็รู้สึกว่าตกใจขึ้นมา

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย จากนั้นก็ถอยออก แล้วหลบอยู่ด้านหลังส้าวส้วย

“เจ้านาย ทำไมคุณขี้ขลาดขนาดนั้นล่ะ”

ส้าวส้วยมองเหยโก่ว ยิ้มอย่างไม่แยแส: “นอกจากหน้าตาที่น่าเกลียดไปสักหน่อย ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว”

ไม่ว่าจะเป็นแววตาของเหยโก่ว หรือว่าหน้าตา ก็ดูโหดร้ายเป็นอย่างมาก

เหยโก่วเปิดบริษัทการเงิน เพื่อให้กู้โดยเฉพาะ

เหยโก่วใช้ความโหดร้ายภายนอกองตัวเอง มาทำให้ลูกหนี้ต่างกลัวกัน

ส้าวส้วยเดินไปหาเหยโก่ว ก่อนจะเดินมาหาเหยโก่ว

“คุณรู้หรือเปล่า?คุณทำเป็นโหดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”

เมื่อมองเหยโก่ว ส้าวส้วยก็พูดออกมาเสียงเรียบ: “คนที่โหดจริงๆ เขาไม่ต้องแกล้งมาทำแบบนี้หรอก”

ส้าวส้วยพูดจบ สีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นจริงจังขึ้น จากนั้น เขาก็จ้องเหยโก่ว โดยไม่ขยับเลย

เหยโก่วกับส้าวส้วยจ้องหน้ากันอยู่ไม่กี่วินาที เหยโก่วก็ก้าวไปข้างหลัง ก่อนจะล้มลงกับพื้น

เหยโก่วที่ล้มอยู่ที่พื้น ถึงกับงุนงง

บนหน้าของเขา มีความกลัวกับความงุนงงอยู่ สีหน้า ซีดจนไม่มีเลือด

“เจอผีหรือไง?” ตู้เฟยที่อยู่อีกด้าน ก็พูดเสียงเบา

เหยโก่วกลืนน้ำลาย เหมือนจะขวัญหนีดีฝ่อ

เหยโก่วเมื่อครู่มองในตาของส้าวส้วย แล้วเห็นฉากของศพมากมาย

ในตอนนั้นเอง เหยโก่วขนลุกขึ้นมา

“พี่โก่ว คุณเป็นอะไรเหรอ?” ตู้เฟยรีบนั่งยองลง ก่อนจะพยุงเหยโก่วขึ้นมา

หลังจากที่เหยโก่วลุกขึ้นมา ก็ยังรู้สึกใจไม่อยู่กลับเนื้อกลับตัวเลย

ตาของเหยโก่วนั้น ไม่กล้ามองส้าวส้วยแล้ว

เขามักจะคิดว่า ส้าวส้วยน่ากลัวจังเลย

“พวกเราไปกันเถอะ”

หลังจากที่สติของเหยโก่วกลับมา ก็พูดกับลูกน้องของตัวเอง

ตู้เฟยได้ยินคำพูดนี้ ก็ร้อนรนใจ

ถ้าเกิดเหยโก่วไปแล้ว ใครจะมาทำร้ายหลี่ฝางล่ะ?

ตู้เฟยรีบดึงแขนของเหยโก่ว พลางพูดออกมา: “พี่โก่ว คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

“พี่สวีเรียกคุณมาที่เขาหมาป่า เพื่อให้คุณหักขาของหลี่ฝาง”

“อีกอย่าง เมื่อครู่หลี่ฝางดูถูกคุณแบบนั้น คุณจะยอมเหรอ?”

ตู้เฟยอึ้งไป เหยโก่วคนนี้ แค่ล้มลงไป ทำไมถึงสมองเบลอแบบนั้นล่ะ?

“ให้ตายเถอะ!”

เหยโก่วมองตู้เฟย ก่อนจะเตะไป

แรงของเหยโก่วนั้น รุนแรงมาก เขาเตะมา จนทำให้ตู้เฟยล้มลงบนพื้น จากนั้นจึงทำร้ายต่อ

“อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ใครจะทำไม?” เหยโก่วมองตู้เฟย พลางพูดออกมาเสียงเย็นชา

ในตอนนั้นเอง สวีเถิงเฟยเองก็รู้สึกแปลกๆ

ถึงอย่างไรเหยโก่วก็เป็นคนใจแคบ หลี่ฝางดูถูกเขาไปเมื่อครู่ จะปล่อยไปงั้นเหรอ?

สวีเถิงเฟยตู้เฟยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหยโก่วรู้ ว่าส้าวส้วย ไม่ใช่คนที่เขาสามารถมีเรื่องด้วยได้

คนที่มีแววตาแบบนี้ ต้องเคยฆ่าคนมามากแน่นอน

วัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่คนที่ตัวเองจะต่อกลอนด้วยได้

เกรงว่าเมื่อพี่ชายของตัวเองอย่างเหยสงมาแล้ว ถึงจะต่อกลอนต่อได้

ขณะที่เหยโก่วเตรียมจะขึ้นรถ แล้วจะออกจากเขาหมาป่า จู่ๆ ส้าวส้วยก็เปิดปากขึ้นมา

ส้าวส้วยตกโกนให้เหยโก่วฟัง: “หยุดนะ!

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท