NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 207

ตอนที่ 207

บทที่207 สุนัขพลีชีพ

ภายในห้องกักขัง

สวีเถิงเฟยกับตู้เฟยทะเลาะขึ้นมาเหมือนหมากัดกัน

สุดท้ายสวีเถิงเฟยยิ่งคิดก็ยิ่งอารมณ์เสีย เลยเตะตู้เฟยไปหนึ่งที

สวีเถิงเฟยชี้หาตู้เฟยพลางตะโกนด่าขึ้นมา: “ให้ตายเถอะ ตอนที่อยู่ที่เขาหมาป่า คุณยังกล้ามาขู่ฉันเหรอ?”

“ฉันแพ้ไปสิบล้าน แต่พี่คุณนั่นแหละที่มาทำให้ฉันแพ้ อีกอย่าง ไม่เพียงแค่สูญเงินไป แต่พี่ชายของคุณก็ยังขโมยเงินไปด้วย”

“คุณไม่ได้บอกเรื่องขโมยเงินให้เหยโก่วรู้ใช่ไหม?โอเค งั้นคุณไปบอกเขาสิ!”

“เดี๋ยวไม่เพียงแค่ฉันที่ต้องตาย พี่คุณเองก็ต้องตายเหมือนกัน”

“คุณอย่าลืมนะ พี่คุณเพิ่งจะทำให้ครอบครัวสูญเงินไปสิบล้าน ถ้าเกิดต้องเสียไปอีกสิบล้าน ระวังไว้ว่าคุณท่านจะไล่พี่ชายคุณออกจากบ้านนะ”

ตู้เฟยล้มลงกับพื้น

เรื่องที่แพ้จนเสียเงินไปนั้น ตู้เฟยไม่ได้สนใจเลย

ความเป็นความตายของหยูเถิง มันเกี่ยวอะไรกับตู้เฟย?

ถึงแม้ว่าหยูเถิงจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคู่แข่งเหมือนกัน

ถ้าเกิดไม่ผิดจากที่คาดเอาไว้ ธุรกิจในบ้าน จะต้องตกอยู่ในมือของหยูเถิงแน่นอน

แต่ถ้าเกิดว่าไม่เป็นไปตามคาดล่ะ?

ถ้าหยูเถิงทำผิด จะต้องทำให้คุณท่านโมโหเป็นอย่างมากแน่นอน

ตู้เฟยคิด เดี๋ยวถึงเวลาแล้ว ตัวเองก็จะมีโอกาสในการขึ้นครองตำแหน่งไม่ใช่เหรอ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ตู้เฟยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา

“คุณหัวเราะบ้าอะไร” สวีเถิงเฟยชี้หาตู้เฟยพลางด่าออกมา

สวีเถิงเฟยคิดอยู่ในใจ ตู้เฟยนั้นเลวจริงๆ เลย ตัวเองทำร้ายเขาขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังยิ้มออกอีกนะ?

ตู้เฟยกำหมัดขึ้นมา ก่อนจะปรี่เข้าไปหาสวีเถิงเฟย

ทั้งสองคนต่างล้มลงอยู่ที่พื้น กอดกันนัวเนีย เพราะต่อยกันไปกันมา

สุดท้าย ทั้งสองคนก็ทะเลาะกันจนมีผู้ตรวจตราเดินมา

“ทะเลาะอะไรกัน?”

“รีบหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

เมื่อคนที่ตรวจตราดูแลเสียงดังขึ้นมา ตู้เฟยกับสวีเถิงเฟยก็หยุดลง

“พี่ใหญ่ ฉันขอโทรศัพท์ได้ไหม?”

สวีเถิงเฟยเดินไป พลางถาม

“นี่มันกี่โมงแล้ว คุณจะโทรหาใคร?” คนตรวจตราดูแลถามออกไปประโยคหนึ่ง

“ฉันจะโทรหาพี่เขยของฉัน”

สวีเถิงเฟยยิ้มขึ้นพูดออกมา: “พี่เขยฉันชื่อหูเฟย คุณน่าจะรู้จักใช่ไหม?”

“เหอะๆ หัวหน้าสำนักงานหูเป็นพี่เขยของคุณงั้นเหรอ?” อีกฝ่ายมองสวีเถิงเฟยด้วยความแปลกใจ

สวีเถิงเฟยพยักหน้า

ถึงแม้ว่าคนพวกนี้จะไม่เชื่อ แต่ก็ส่งโทรศัพท์ให้สวีเถิงเฟย

เขาคิดอยู่ในใจ ไม่อยากจะเสียเงินค่าโทรศัพท์เหรอ?

ถ้าเกิดไอหนุ่มคนนี้เป็นญาติของหูเฟยจริงๆ ก็ถือว่าตัวเองโชคดีแล้วล่ะ

สวีเถิงเฟยเอาโทรศัพท์ไป ก่อนจะโทรหาพี่เขยของตัวเอง

ครั้งแรกโทรไม่ติด เลยโทรไปอีกครั้ง หลังจากที่โทรไปหลายครั้ง สุดท้ายก็มีคนรับ

“คุณใครเนี่ย โทรมาตอนดึกดื่นขนาดนี้!” หลังจากที่หูเฟยรับสาย ก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา

“พี่เขย ฉันเอง เถิงเฟยไง” สวีเถิงเฟยรีบพูดออกมา

“เถิงเฟยเหรอ?คุณโทรมาทำไมดึกขนาดนี้ ไปเที่ยวผู้หญิงแล้วถูกจับเหรอ?” หูเฟยหัวเราะขึ้น เพราะหยอกล้อ

ถึงหูเฟยจะเป็นพี่เขยของสวีเถิงเฟย แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นดีมากเลยล่ะ

ทั้งสองคนมักจะไปที่โรงอาบน้ำด้วยกัน ดูแลสุขภาพ และเที่ยวผู้หญิงด้วยกันอีกด้วย

“พี่เขย อย่าเพิ่งล้อเล่นนะ ตอนนี้ฉันกำลังถูกขังอยู่ คุณดูสิ ว่าคุณสามารถมาที่นี่ได้ไหม?” สวีเถิงเฟยพูดออกมา

“อะไรนะ คุณไอหนุ่มถูกจับแล้วจริงๆ เหรอ รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอง” หูเฟยรีบลุกขึ้นมาจากเตียง

กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ พี่สาวของสวีเถิงเฟย จู่ๆ สวีจื่อหยิ่งก็ลืมตาขึ้นมา

“ดึกขนาดนี้ คุณจะออกไปไหน?” สวีจื่อหยิ่งมองหูเฟยแววตาเย็นชา

ทุกอย่างของหูเฟย เป็นเพราะตระกูลสวีให้เขาหมดเลย

ดังนั้น หูเฟยเลยกลัวภรรยามาก

“คุณไม่ได้จะไปหาสาวที่ไหนใช่ไหม?” สวีจื่อหยิ่งมองหูเฟย ด้วยแววตาเย็นชา

“จะเป็นไปได้อย่างไร จื่อหยิ่ง เมื่อครู่เราเพิ่งนอนด้วยกันไป คุณคิดว่าตอนนี้ ฉันจะเอาแรงที่ไหนไปหาสาวเหรอ?”

“น้องของคุณ เถิงเฟยน่ะ เขาถูกจับแล้ว ฉันเลยจะไปดูสักหน่อย” หูเฟยรีบพูดออกมา

“อะไรนะ?เถิงเฟยถูกจับงั้นเหรอ?” สวีจื่อหยิ่งมีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะรีบเร่ง: “งั้นคุณรีบไปเถอะ”

หูเฟยรีบใส่เสื้อผ้า ก่อนจะขับรถไปที่กักขัง

หลังจากที่สวีเถิงเฟยโทรไป ก็รู้สึกโอเคขึ้น

ในตอนนั้นเอง ตู้เฟยเรื่องสงบลงแล้ว เขาเสียดายนิดหน่อย ที่เมื่อครู่ทะเลาะกับสวีเถิงเฟย

ถ้าเกิดเดี๋ยวหูเฟยมา แล้วไม่ช่วยตัวเองจะทำอย่างไร?

ตู้เฟยลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะเดินเข้าไปหาสวีเถิงเฟย แล้วขอโทษ

ใครจะไปรู้ สวีเถิงเฟยไม่ใช่แค่ไม่ให้อภัยเขา แต่ในทางกลับกันกลับตบเขา: “ไสหัวไปตรงนั้นเลย คุณเป็นแค่หมาพลีชีพเท่านั้น มาทะเลาะกับฉัน มันใช่แล้วเหรอ?”

เมื่อชี้ไปทางจมูกของตู้เฟย สวีเถิงเฟยก็ด่าออกมาเสียงเย็นชา: “อย่ามาคิดว่าฉันไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของคุณนะ พ่อคุณที่ชื่อตู้ต้าไห่ เป็นคนล้มละลายไปตั้งนานแล้ว คุณกับแม่คุณอยู่อย่างรันทดเลยหนิ”

เมื่อคิดถึงตอนที่ตู้เฟยทำร้ายตัวเองเมื่อครู่ สวีเถิงเฟยก็โกรธขึ้นมา

“หมาพลีชีพอย่างคุณ กล้ามาลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”

สวีเถิงเฟยตบหน้าของตู้เฟยไปอีกหนึ่งครั้ง: “คุณกลืนความกล้าของสัวต์ป่าเข้าไปเหรอ?”

เมื่อถูกตบติดกันหลายๆ ครั้ง สีหน้าของตู้เฟย ก็นิ่งไป

“ทำไม คุณทนไม่ได้เหรอ?” สวีเถิงเฟยมองอย่างไม่แยแสใส่ตู้เฟย พลางถามออกไปประโยคหนึ่ง

สวีเถิงเฟยเป็นคุณชายของบริษัทตระกูลสวี แล้วตู้เฟยล่ะ หลังจากที่ตู้ต้าไห่ล้มละลายแล้ว เขาใช้ได้เพียงความสัมพันธ์ของทางฝ่ายแม่ของตัวเอง เพื่อค้ำบ้านเอาไว้ เพื่อจะได้อยู่อาศัยชั่วคราว

พูดให้ไม่น่าฟังอีกหน่อย ก็คือขออยู่บ้านคนอื่นไปทั่วเท่านั้นเอง?

ตู้เฟยในตอนนี้ เทียบกับสวีเถิงเฟยไม่ติดเลย

“ฉันจะบอกคุณให้นะ พี่ของคุณอย่างหยูเถิง ยังไม่กล้ามาทำร้ายฉันเลย คุณรู้ไหม?” พูดไป สวีเถิงเฟยก็ยื่นมือออกมา พลางตบหน้าตู้เฟยเบาๆ

ถึงจะไม่เจ็บ แต่ท่าทีแบบนี้ สำหรับตู้เฟยกลับเต็มไปด้วยความดูถูก

ตู้เฟยกำหมัดขึ้นมา พลางกัดฟันแน่น

“สวีเถิงเฟย……”

ตู้เฟยเงยหน้าขึ้น,มองสวีเถิงเฟย: “พี่ฉันไม่กล้าทำร้ายคุณ ไม่ได้แปลว่าฉันจะไม่กล้านะ!”

พูดจบ ตู้เฟยก็ต่อยเข้าไปที่หน้าของสวีเถิงเฟย จนเขาล้มลงกระแทกกับพื้น

“หมาพลีชีพงั้นเหรอ?”

ตู้เฟยกัดฟัน ก่อนจะคิดขึ้นถึงคำพูดเมื่อครู่ที่สวีเถิงเฟยพูด ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งโกรธ ก่อนจะต่อยอีก จนหน้าของสวีเถิงเฟยนั้นเต็มไปด้วยเลือด

ในตอนนั้นเอง หูเฟยมาแล้ว

หูเฟยรีบเข้าไปในที่กักกัน ก่อนจะเตะตู้เฟยจนชนกับกำแพง

“เถิงเฟย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

หูเฟยพยุงสวีเถิงเฟย พลางถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันไม่เป็นไร” สวีเถิงเฟยขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองตู้เฟย แล้วก็พูดในใจ:ชายคนนี้เป็นหมาบ้าเหรอไง?

“ไป ฉันจะพาคุณกลับบ้าน”

หูเฟยพาสวีเถิงเฟยออกจากห้องขัง

คนตรวจตราดูแล ไม่กล้าพูดอะไรและยิ่งไม่กล้าขวางเอาไว้เลย

เมื่อออกมาจากห้องขัง แล้วมาถึงรถ หูเฟยก็เปิดปากถาม: “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมคุณต้องเข้าไปในห้องขังล่ะ?”

“ช่างมันเถอะ พี่เขย คุณอย่าถามเลย”

สวีเถิงเฟยคิดอยู่สักพัก แต่ก็ไม่พูดอะไรอีก

ถึงอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดสักเท่าไหร่

“เหอะๆ ในเมื่อคุณไม่อยากพูด งั้นฉันก็ไม่ถามแล้ว” หูเฟยพูดออกมาอย่างรู้ดี

“คนเมื่อครู่ที่ทำร้ายคุณน่ะใครเหรอ ให้ฉันช่วยจัดการให้ไหม?” หูเฟยถาม เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นที่ของเขา

“เขาเป็นน้องของหยูเถิง ขังเขาสักพัก ก็ปล่อยเขาเถอะ” สวีเถิงเฟยขมวดคิ้ว

ถึงอย่างไรก็เป็นคนของตระกูลหยู สวีเถิงเฟยเองก็ไม่อยากจะอะไรกับตู้เฟยมาก

เพียงแต่ว่า เรื่องของคืนวันนี้ ต้องฝากฝักหลี่ฝางทั้งนั้นเลย

ความแค้นนี้ จะจบแบบนี้ไม่ได้

แน่นอน ว่าสิ่งที่สวีเถิงเฟยกังวลที่สุด ก็คือเงินที่หายไปสิบล้าน

“พี่เขย ตอนนี้คุณมีเงินไหม?” สวีเถิงเฟยถามออกไปประโยคหนึ่ง

“มีสิ” หูเฟยโยนกระเป๋าตังของตัวเองให้สวีเถิงเฟย: “อยากได้เท่าไหร่ก็เอาไป”

ถึงกระเป๋าตังจะหนามาก แต่รวมๆ ก็ประมาณสองสามพันเท่านั้นเอง

เงินเท่านี้ จะพอได้อย่างไร

“ฉันอยากได้เงินก้อน” สวีเถิงเฟยขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองหูเฟย

“เงินก้อนเหรอ?” หูเฟยคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดออกมา: “เถิงเฟย คุณเองก็รู้ ปกติพี่สาวคุณเข้มงวดกับฉันมาก ฉันซ่อนเงินเอาไว้ไม่ได้หรอก”

“แต่ถ้าจะเอาสักแสนหนึ่ง ฉันก็พอจะหาวิธีให้คุณได้นะ” หูเฟยพอจะมีเงินอยู่บ้าง

“พอไหม?” หูเฟยมองสวีเถิงเฟย พลางถาม

สวีเถิงเฟยส่ายหัว พลางขมวดคิ้วจนมาชนกัน

“แสนหนึ่งไม่พอ คุณอยากจะได้สักเท่าไหร่?” สีหน้าของหูเฟยนิ่งไป

“ฉันต้องการสิบล้าน”

สวีเถิงเฟยหายใจออกยาวๆ ก่อนจะพูดออกมา: “พี่เขย อันที่จริงจะบอกคุณเอาไว้ก็แล้วกัน ว่าฉันยืมเหยสงมาสิบล้าน ดอกเบี้ยสูงด้วย!”

มีเสียงเอี๊ยดดังขึ้น

เมื่อได้ยินดังนั้น หูเฟยก็เบรกกะทันหัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท