NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 212

ตอนที่ 212

บทที่ 212 จางกงหมิงมีเรื่องเดือดร้อน?

รถหรูกว่าร้อยคัน ขับขึ้นสะพานมาอย่างเป็นระเบียบ

ในนั้นมีโรลส์รอยส อยู่ประมาณสิบกว่าคัน

รถเบนซ์Maybach รถตู้เบนซ์ และรถหรูยี่ห้ออื่นๆ ขับมาเป็นแถว

ทุกคนถึงกับอึ้ง

รวมไปถึงมู่เสี่ยวไป๋ คุณชายตระกูลมู่ เขาก็ไม่เคยเห็นอะไรที่อลังการแบบนี้มาก่อน

“เชี่ย นี่มันสถานการณ์อะไรวะเหนี่ย? !” มู่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนสีหน้า เมื่อเห็นรถหรูเป็นแถว

งานปาร์ตี้ที่เขาหมาป่าถึงแม้จะมีรถหรูอยู่มากมาย แต่เมื่อเทียบกับรถที่อยู่บนสะพานนี้ ก็ดูดรอปลงไปเลย……

แค่รถโรลส์รอยซ์ไม่กี่สิบคัน รถหรูของเขาหมาป่าก็เทียบไม่ได้

โรลส์รอยส บ่งบอกได้ถึงฐานะ

มีแค่คนใหญ่คนโต เจ้าของต้องเป็นคนใหญ่คนโตแน่ๆ ถึงได้สามารถนั่งรถโรลส์รอยซ์ออกมาได้

และคนใหญ่คนโต เครือข่ายในมือของพวกเขา ไม่ใช่สิ่งที่ผู้น้อยอย่างมู่เสี่ยวไป๋สามารถจับต้องได้

“เจ้านาย ทำไมรถหรูเยอะแบบนี้?”

“พวกเขาคงไม่ได้มุ่งหน้ามาหาเราใช่มั้ย?” เสือที่ยืนอยู่ด้านข้างมู่เสี่ยวไป๋ ถามขึ้น

สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ หวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นตระกูลเสิ่น รถของเสิ่นหยุนหลิน”

“นั่นตระกูลสวี รถของสวีส้าวชิว”

“นั่นตระกูลจ้าว รถของจ้าวโหย่วฉาย”

“นั่นตระกูลเฉียน รถของเฉียนโตโต”

……

มู่เสี่ยวไป๋ชี้ไปที่รถพวกนั้น แล้วบอกทีละคันๆ

ในฐานะลูกคนรวยที่มีคุณสมบัติ สำหรับรถของบุคคลพวกนั้น มู่เสี่ยวไป๋จำได้ขึ้นใจตั้งนานแล้ว

เพราะว่าคุณท่านพวกนั้น เป็นบุคคลที่มู่เสี่ยวไป๋ไม่สามารถรุกรานได้ง่ายๆ

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วเข้ม: “คนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองเอก”

“ทำไมพวกเขาถึงมาที่นี่?”

ใจของมู่เสี่ยวไป๋เต้นเร็วขึ้น

เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนไหน ที่บงการอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้

มู่เสี่ยวไป๋คิดจนหัวแทบระเบิด ก็คิดไม่ออกว่าเป็นใคร

หรือพูดได้ว่า มู่เสี่ยวไป๋ไม่เชื่อว่า จะมีคนบงการบุคคลเหล่านี้ได้

“ในรถหรูแต่ละคันนั้น ล้วนแต่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก ที่พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ๆ ”

มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าสงสัย

เขาคิดอยู่ครู่ แล้วพูดขึ้น: “ช่างเถอะ พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า”

“คนกลุ่มนี้ ถึงคุณปู่ฉันจะมา ก็เอาพวกเขาไม่อยู่” มู่เสี่ยวไป๋ยุ่งด้วยไม่ไหว ทำได้แค่อยากรีบออกไปจากที่นี่

มู่เสี่ยวไป๋กลัวว่าจะไปทำให้คนพวกนั้นไม่พอใจ แล้วจะนำพาภัยพิบัติมาให้ตระกูลมู่อย่างไม่คาดคิด เขาพูดกับเสือ: “พาซ้อของแกขึ้นรถ”

เสือพยักหน้า แล้วมองไปที่หลินชิงชิง

“เบามือหน่อย อย่าให้หล่อนได้รับบาดเจ็บ เข้าใจมั้ย?” มู่เสี่ยวไป๋พูดเตือน

“วางใจได้ครับ เจ้านาย ผมจะกล้าทำร้ายซ้อเหรอ?” เสือยิ้มอ่อน แสดงถึงด้านที่อ่อนโยน

พูดจบ เสือก็เดินไปทางหลินชิงชิง

แต่เมื่อมาถึงตรงหน้าหลินชิงชิง หลินชิงชิงก็ยกขาขึ้น เตะเข้าไปตรงเป้าของเสือ อย่างจัง

ทันใดนั้นเสือทรุดลง เจ็บจนยืนไม่ไหว

ปากยังอุทานออกมา เสียงโอ๊ย

ถึงแม้ว่าวิธีนี้ หลี่ฝางจะใช้เป็นประจำ แต่ลูกเตะของหลินชิงชิงนี้ แรงกว่าที่หลี่ฝางเตะมาก

“แม่งเอ๊ย……” เสือเงยหน้าขึ้น แล้วทำหน้าตาโกรธเกรี้ยว

แต่มู่เสี่ยวไป๋ ในขณะนั้นก็จ้องเขาตาเขม็ง

เสือกัดฟันกรอด ทำได้แค่อดทนไว้

“ไปตายซ่ะ!”

หลินชิงชิงยกเท้าขึ้นอีกครั้ง หุบขา แล้วใช้เข่าเสยคางเสือเข้าไปเต็มๆ

ท่วงท่าของหลินชิงชิง ทั้งเร็ว ทั้งแม่น และแรง

ฉากนี้ล้วนอยู่ในสายตาของมู่เสี่ยวไป๋ จนทำให้เขากลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว

มู่เสี่ยวไป๋คิดในใจ:ถ้าหากแต่งงานไป ตัวเองจะโดนซ้อมทุกวันเลยมั้ยเหนี่ย?

ตอนแรกที่เจ้าหัวแบนปกป้องหลินชิงชิง ก็มีสอนหล่อนไปบ้าง ให้หล่อนป้องกันตัวเอง

ปกติ หลินชิงชิงไม่ค่อยได้ลงไม้ลงมือกับใคร

ครั้งนี้ หลินชิงชิงงัดเอาออกมาใช้หมดเลย และทั้งหมดนั้นก็ลงไปยังร่างของเสือ

เสือโกรธมาก แต่มู่เสี่ยวไป๋อยู่ต่อหน้า

หล่อคือคู่หมั้นของเจ้านาย ถ้าหากลงมือกับหล่อน งั้นเขาก็จบกันพอดี?

เสือในตอนนี้ ทำอะไรไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย เจ็บปวดแต่พูดอะไรไม่ได้

ทันใดนั้นเสือก็พยุงตัวเองขึ้น แล้วไปหลบหลังมู่เสี่ยวไป๋: “เจ้านาย ซ้อต่อสู้เก่ง ผมเอาไม่อยู่ครับ”

ที่จริงสำหรับเสือแล้ว จะจัดการหลินชิงชิง นั้นเป็นเรื่องง่ายมากๆ

แต่ว่า หลินชิงชิงเป็นคนในดวงใจของมู่เสี่ยวไป๋

จะจัดการเธอ แบบรุนแรงไม่ได้เด็ดขาด

และถ้าเธอทำร้ายเขา เขาก็ไม่สามารถสวนกลับได้

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว แล้วมองไปที่เสือพลางก่นด่า: “แกก็เหมือนจางกงหมิง ไร้ประโยชน์เหมือนกัน!”

หลังจากมู่เสี่ยวไป๋ด่าเสือจบ จู่ๆ ก็เห็นถึงปัญหา

หรือว่าเขาจะต้องจัดการกับหลินชิงชิงเอง?

มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลินชิงชิง แล้วพูด: “ชิงชิง ฉันขอเธอแหละอย่าต่อต้านเลย เป็นเด็กดีกลับบ้านไปกับฉันนะ”

“นายฝันกลางวันอะไร อยากให้ฉันกลับบ้านไปกับนายงั้นเหรอ? นอกจากฉันจะตายเท่านั้นแหละ” หลินชิงชิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่าเขาไม่ได้คู่ต่อสู้ของหลินชิงชิง ดังนั้นจึงไม่กล้าเขาไปลงมือเอง

เขารู้ ว่าสำหรับหลินชิงชิงแล้ว คงจะไม่ยอมใจอ่อนให้เขา

“เสือ จับเธอขึ้นรถ” สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ดูย่ำแย่ขึ้น

“เจ้านาย ผม ไม่สามารถจัดการซ้อได้เลย” เสือพูดขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก

“ฉันอนุญาตให้นายสวนกลับ” มู่เสี่ยวไป๋พูดขึ้น

เสือลังเลอยู่ครู่ จึงพูดขึ้น: “ครับ”

ถึงแม้มู่เสี่ยวไป๋จะอนุญาตให้เขาสวนกลับได้ แต่ตัวเขาจะสวนกลับได้จริงเหรอ?

อย่างมาก ก็แค่ป้องกันตัว

ถ้าหากลงมือก่อน คงจะได้โดนมู่เสี่ยวไป๋คิดบัญชีหลังเรื่องจบแน่

เสือไม่ใช่คนโง่ เขาถือว่าเขาพอมองออก ถึงแม้ปกติแล้วมู่เสี่ยวไป๋จะวางอำนาจ และมาดเข้ม แต่ว่าต่อหน้าผู้หญิงคนนี้ มู่เสี่ยวไป๋ก็เหมือนกับหนูตัวนึงเท่านั้น

“ซ้อ ผมไม่อยากลงมือกับซ้อ ซ้ออย่าบีบบังคับผมเลย” เสือมายืนอยู่เบื้องหน้าหลินชิงชิงอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ

“ใครเป็นซ้อแก? เรียกอะไรมั่วซั่วห้ะ” หลินชิงชิงขมวดคิ้ว แล้วด่าอย่างโมโห: “ฉันเป็นเจ้ายายแก !”

“งั้นเจ้ายายครับ พวกเราอย่าลงไม้ลงมือ แล้วมาคุยกันดีๆ ดีมั้ย?” เสือพูดหว่านล้อม

“ได้สิ นายไสหัวไป แล้วปล่อยฉันไป แบบนี้พวกเราก็แก้ปัญหากันด้วยดีแล้วจริงมั้ย” หลินชิงชิงพูดขึ้น

เสือถอนหายใจ แล้วพูดอย่างหมดหนทาง: “เห็นทีจะต้องลงมือจริงๆ สินะ”

เสือพูด พลางยืดอก ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงความเหี้ยมโหด

กว่าเสือจะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ในวันนี้ นอกจากความช่วยเหลือของมู่เสี่ยวไป๋แล้ว ก็คือความสามารถของตัวเอง

เป็นนักเลงตามท้องถนน ใครไม่เคยทำกัน?

เสือเลิกคิ้วขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปหาหลินชิงชิง

หลินชิงชิงยกขา แล้วออกลูกเตะใส่

แต่เสือ ไม่ได้หลบแต่อย่างใด เขารับลูกเตะที่เตะอัดท้องของเขา

ลูกเตะคราวนี้ ไม่ได้ทำร้ายเสือแต่อย่างใด

เสือยิ้มเยาะ: “ซ้อ ผมแนะนำให้ซ้อยอมแพ้ก่อนเถอะ”

เสือพุ่งเข้าไปด้านหน้า แล้วคว้าแขนของหลินชิงชิง แล้วล็อกไว้

เสือกดแขนของหลินชิงชิงไว้ แล้วจับเธอขึ้นรถ

ถึงแม้ขณะนั้นหลินชิงชิงจะดิ้นแรงแค่ไหน ก็ไม่มีประโยชน์

หลังจากเรื่องจบ มู่เสี่ยวไป๋ก็ เตะเข้าไปที่ร่างของเสือ: “ผู้หญิงคนอื่น แกจับขาหล่อนทำไม!”

“ขาของผู้หญิงของฉัน คนอย่างนายกล้าจับเหรอ?” มู่เสี่ยวไป๋มองเสืออย่างโมโห แล้วก่นด่า

เสือกัดฟันแน่น ทนต่อคำดูถูกของมู่เสี่ยวไป๋

เมื่อหลี่ฝางเห็นหลินชิงชิงถูกพาขึ้นรถไป ทันใดนั้นก็เลิ่กลั่ก

เขามองไปที่จางกงหมิง แล้วพูดอย่างเย็นชา: “จางกงหมิง ถึงพี่จะไม่สนใจว่าฉันจะเป็นหรือตาย พี่ก็ควรจะแคร์หลินชิงชิงหน่อยนะ เธอเป็นน้องสาวญาติแท้ๆ ของพี่นะ”

“เสี่ยวฝาง จำไว้นะ ตอนที่ฉันโยนนายลงไป ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ นะ”

“กลั้นหายใจไว้ นายก็จะไม่ตาย เข้าใจมั้ย?”

จางกงหมิงตบไปที่บ่าของหลี่ฝาง แล้วพูด: “นายวางใจเถอะ เรื่องของชิงชิง ฉันจะไปจัดการเอง”

“ฉันจะไม่ให้ชิงชิงเป็นอะไร และก็หวังว่านายจะไม่เป็นอะไรเหมือนกัน” สีหน้าของจางกงหมิง ย่ำแย่ถึงขีดสุด

หลี่ฝางถามจางกงหมิง: “พี่หมิง สรุปแล้วพี่ซ่อนความเดือดร้อนอะไรไว้กันแน่?”

จางกงหมิงไม่ได้ตอบ

และในตอนนั้น มู่เสี่ยวไป๋ก็ตะโกนมาทางพวกเขา: “จางกงหมิง แกรอบ้าอะไรอยู่ห้ะ!”

“รีบโยนไอ้หมอนั่นลงไปซะที!”

หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋พูดจบ จางกงหมิงก็อุ้มหลี่ฝางขึ้นมา

หลี่ฝางมองไปที่แม่น้ำที่เชี่ยว จู่ๆ ใจก็เต้นแรงขึ้น

“รีบสูดหายใจ!” จางกงหมิงพูดเตือนหลี่ฝาง

ขณะที่จางกงหมิงอุ้มหลี่ฝางขึ้นมา ประตูของรถทุกคัน ก็ถูกเปิดออก

กลุ่มคนที่ดูเป็นระเบียบพวกนั้น ลงจากรถ แล้วเดินเข้าไปทางนั้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท