NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 204

ตอนที่ 204

บทที่204 ลงโทษตู้เฟยกับสวีเถิงเฟย

ส้าวส้วยโยนอย่างสบายๆ ก้อนหินเหมือนกระสุนเลยล่ะ มันผ่านอากาศไป โดยมีเสียงที่เกิดจากความเร็วด้วย

ก้อนหินก้อนเล็กนั้นมันโดยข้อเท้าของตู้เฟย ตู้เฟยส่งเสียงออกมา ก่อนจะล้มลงบนพื้น

ตอนแรก สวีเถิงเฟยเองก็อยากจะวิ่งหนี แต่เมื่อเห็นตู้เฟย ก็ไม่คิดจะหนีแล้ว

“คุณยังมีความสามารถนี้อีกเหรอ” เมื่อเห็นแบบนี้ หลี่ฝางก็ตบไหล่ของส้าวส้วย พลาหัวเราะพลางพูดออกมาด้วยความพอใจ

ส้าวส้วยจับหัวด้านหลังของตัวเอง พลางพูดออกมา: “ก่อนหน้านี้ประตูบ้านของพวกเรามีแม่น้ำเล็กๆ อยู่ มันมีเป็ดอยู่ในน้ำ ฉันเลยชอบโยนก้อนหินใส่สัตว์พวกนั้น นานวันเข้า เลยมีความสามารถนี้”

“นี่มันไม่ใช่ความสามารถธรรมดาๆ เลยนะ” หลี่ฝางพูดขึ้น

เมื่อครู่ที่ส้าวส้วยดีดก้อนหินนี้ออกไป มันใหญ่แค่นิ้วเอง แต่ยังทำร้ายได้ขนาดนี้ จนตู้เฟยล้มลงไปบนพื้น

ถ้าเกิดว่าเปลี่ยนเป็นหินที่ใหญ่กว่านี้อีกหน่อย ขาจะขาดเลยไหมนะ?

หลี่ฝางคิด ว่าถ้าเกิดตัวเองมีความสามารถนี้ก็คงจะดี

เซี่ยลู่ลังเลอยู่สักพัก ก่อนจะวิ่งไปพยุงตู้เฟย

“ตู้เฟย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” เซี่ยลู่พยุงตู้เฟยขึ้นมา พลางถามออกไปประโยคหนึ่งด้วยความเป็นห่วง

“ให้ตายเถอะเหมือนขาของข้าจะหักแล้ว” ตู้เฟยกัดฟันพลางพูดออกมา

ตู้เฟยรู้สึกชาที่ขามาก โดยที่เดินไปไหนไม่ได้เลย

“หน้าของคุณ……” เซี่ยลู่เห็นหน้าของตู้เฟย ก็ตกใจจนถอยกลับไป

“หน้าฉันเป็นอะไรเหรอ?” ตู้เฟยรู้สึกเพียงว่าเจ็บใบหน้าของตัวเองมาก

“แตกแล้วใช่ไหม?”

ตู้เฟยถามออกไปประโยคหนึ่ง จากนั้นก็เอาโทรศัพท์ออกมา พลางเปิดกล้องขึ้นมา ดู จากนั้น ตู้เฟยก็ตกใจจนโยนโทรศัพท์ทิ้งเลยล่ะ

“ให้ตายเถอะ!”

เมื่อครู่ตอนที่ตู้เฟยล้มลง หน้ากระแทกเข้าไปเต็มๆ หัวเลยแตก

ในคืนที่มืดมิดนี้ ตู้เฟยที่มีเลือดเต็มหน้า น่ากลัวเหมือนผีเลยล่ะ

“ให้ตายเถอะ ร้องอะไรกัน”

หลี่ฝางวิ่งมา ก่อนจะจับไหล่ของตู้เฟย พลางพลิกตัวเขา: “อะไรกัน?โลกนี้มีผีที่ไหนกัน?”

แต่ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางเองก็ตกใจเพราะใบหน้าของตู้เฟยเหมือนกัน

หลี่ฝางตกใจจนยกเท้าขึ้นมา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของตู้เฟย

“ตกใจหมดเลย”

ตู้เฟยถูกเตะจนลงไปกองอยู่ที่พื้น หลี่ฝางเองก็เข้าใจทันที ว่าเป็นตู้เฟย ไม่ใช่ผี

“เจ้านาย จะจัดพวกเขาอย่างไรดี?” ส้าวส้วยเดินเข้ามาถาม

หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะเดินมาที่ด้านหน้าของสวีเถิงเฟย

สวีเถิงเฟยเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดออกมา: “หลี่ฝาง จะให้ดีคุณอย่ามามีเรื่องกับฉันเลย ฉันจะบอกคุณให้นะ พ่อฉันคือสวีเจิ้งหรุง ฉันเป็นคุณชายคนโตของบริษัทสวีซื่อเลยนะ ถ้าคุณมาหาเรื่องฉัน……”

มีเสียงตบฉาดดังขึ้น หลี่ฝางตบหน้าของสวีเถิงเฟย

“งั้นคุณรู้ไหมว่าฉันคือใคร?” หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟยพลางถาม

“คุณเป็นใคร?” สวีเถิงเฟยถามต่อ

“ฉันเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดคนหนึ่งในประเทศจีน ฐานะสูงส่งกว่าคุณเยอะเลย!” หลี่ฝางหัวเราะพลางพูดออกมาอย่างไม่แยแส

ช่างมันเถอะ พ่อของตัวเองหลี่ต๋าคาง ถึงจะไม่ใช่มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศจีน แต่ก็ไม่น้อยหน้า

เมื่อสวีเถิงเฟยได้ฟังคำนี้ ก็หัวเราะพรวดออกมา

“อย่างคุณ จะเป็นลูกของมหาเศรษฐีของประเทศจีนเหรอ?” สวีเถิงเฟยหัวเราะขึ้นมา

หลี่ฝางเองก็ไม่ได้หวังว่าสวีเถิงเฟยจะเชื่อ เลยพัดไปอีกครั้งหนึ่ง

“คุณทำร้ายฉันอีกแล้ว?พอได้แล้ว ฉันจะบอกคุณให้นะ พ่อของฉันเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงเรียนของสุ่ยมู่เลยนะ ถ้าคุณยังมาทำร้ายฉันอีก พรุ่งนี้ฉันจะให้ผู้อำนวยการมาตัดรายชื่อคุณออก” สวีเถิงเฟยขู่เสียงเย็นชา

สุดท้ายเมื่อคำพูดของสวีเถิงเฟยพูดจบ หลี่ฝางก็ตบหน้าของเขาอีก

ในตอนนั้นเอง สวีเถิงเฟยเหม่อลอยไป

สวีเถิงเฟยมองหลี่ฝางด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะพูดออกมา: “คุณลองทำร้ายฉันอีกสิ”

เสียงตบดังขึ้นอีกครั้ง

หลี่ฝางก็ตบอีก: “ฉันยังไม่เคยเห็นใครมีข้อเรียกร้องที่ต่ำทรามขนาดนั้นเลย”

“เป็นไง ยังต้องลองอยู่ไหม?” พูดไป หลี่ฝางก็ยกแขนขึ้นอีกครั้ง

สวีเถิงเฟยจับใบหน้าของตัวเอง จากนั้นจึงส่ายหัวพลางพูดออกมา: “ไม่ต้องลองแล้ว”

สวีเถิงเฟยพอจะมองออก ว่าหลี่ฝางคนนี้ เหมือนปีศาจร้าย

กล้าทำร้ายทุกคนเลยล่ะ!

ก่อนหน้านี้สวีเถิงเฟยได้ยินคนอื่นพูด ว่าตอนที่ รีสอร์ต หลี่ฝางทำร้ายมู่เสี่ยวไป๋ไปแล้วด้วย ตอนแรก สวีเถิงเฟยก็ยังสงสัยอยู่นิดหน่อย แต่ตอนนี้ สวีเถิงเฟยเชื่อแล้วจริงๆ

ชายหนุ่มคนนี้ทำอะไรไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ

ขนาดเป็นลูกหลานเศรษฐียังถูกทำร้ายเลย……

“ฉันถามคุณ ว่าทำไมคุณถึงไปหาหลิวเสี่ยวเทากับหลิวเหล่าซานให้มาแก้แค้นฉันเหรอ?” หลี่ฝางชี้หาจมูกของสวีเถิงเฟย ก่อนจะถามด้วยความสงสัย

สวีเถิงเฟยคิดอยู่สักพัก ก่อนจะพูดชื่อหยูเถิงออกมา

“หยูเถิงให้ฉันทำแบบนี้”

ในตอนนั้นเอง สวีเถิงเฟยเกลียดหยูเถิงเป็นอย่างมาก

ถ้าไม่ใช่หยูเถิง วันนี้เขาคงไม่เสียไปสิบล้าน

สิบล้านเลยเหรอ!

สวีเถิงเฟยจะปิดจุดด่างนี้ได้อย่างไร?

ไม่ว่าจะให้พ่อของตัวเองรู้ หรือจะให้คนของเหยโก่วรู้ ตัวเองก็ต้องตายแน่นอน

“ทำไมคุณเชื่อฟังขนาดนั้นล่ะ หยูเถิงให้คุณทำอะไร คุณก็ทำ” หลี่ฝางมองบนใส่สวีเถิงเฟย ก่อนจะหัวเราะพลางพูดออกมา: “หยูเถิงบอกให้คุณไปกินขี้ คุณจะกินไหม?”

สวีเถิงเฟยเงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝางสักหน่อย ก่อนจะพูดออกมา: “ก่อนหน้านี้ฉันผิดเอง ตอนนี้คุณเองก็ทำร้ายฉันไปหลายครั้งแล้ว ความแค้นระหว่างเรา ถือว่าหายกัน เป็นไง?”

“หายกันงั้นเหรอ คุณคิดได้ดีหนิ” หลี่ฝางหัวเราะขึ้น แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเลย

สวีเถิงเฟยเกือบจะถูกตัดขาทิ้งไปแล้ว มาในวันนี้ ตัวเองแค่ตบเขาเอง แต่เขาอยากให้หายกันงั้นเหรอ?

คิดได้โง่จริงๆ เลย

หลี่ฝางมีสีหน้าจริงจัง ก่อนจะยิ้มอย่างเย็นชา: “ถอดเสื้อผ้า!”

“คุณจะทำอะไร?” สวีเถิงเฟยกอดอก พลางมองหลี่ฝางด้วยความกลัว

“คุณยังมีงานอดิเรกพรรค์นี้ด้วยเหรอ”

สวีเถิงเฟยกลืนน้ำลาย: “หรือไม่ก็เอาแบบนี้ ฉันพาคุณไปที่หนึ่ง หาคนที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ เอาไหม?”

“คุณอย่ามาทำแบบนี้กับฉันนะ ฉันรับไม่ได้” เมื่อคิดๆ ไป สวีเถิงเฟยก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาจากก้น

“ให้ตายเถอะ สมองคิดอะไรอยู่เนี่ย”

หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะเตะสวีเถิงเฟยเข้าไปทีหนึ่ง

หลี่ฝางไม่สนใจว่าสวีเถิงเฟยเป็นคุณชายตระกูลสวีหรือเปล่า

เขาเอาแต่เน้นย้ำไปที่ตัวเอง ทำให้โกรธมาตั้งนานแล้ว

“เร็วเข้า ถอดเสื้อผ้าออก ไม่อย่างนั้น จะฆ่าให้ตายเลย!” หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟย ก่อนจะพูดออกมาเสียงเย็นชา

ส้าวส้วยเดินเข้ามาในตอนนั้นเอง

“เจ้านาย เขาไม่เชื่อฟังใช่ไหม ให้ฉันทำร้ายเขาสักหน่อยก่อนไหม?” ส้าวส้วยเดินพลางพูดออกมา

“ได้ เอาสักหน่อย” หลี่ฝางพยักหน้า ก่อนจะบอกว่าเห็นด้วย

“ทำร้ายนี่ใช้แฮมเบอร์เกอร์หนึ่งชิ้น หรือว่าแฮมเบอร์เกอร์สองอันนะ?” ส้าวส้วยถามออกไปประโยคหนึ่ง

“ทำร้ายตามจำนวนแฮมเบอร์เกอร์สิบอัน” หลี่ฝางขมวดคิ้วเป็นปม

“เจ้านาย คุณอยากจะให้ฉันทำร้ายหนุ่มคนนี้ ใช่ไหม?” ส้าวส้วยถามเสียงเรียบ

หลี่ฝางไม่รู้จะทำอย่างไรดี เลยต้องเปลี่ยนคำพูด: “งั้นตีสักแฮมเบอร์เกอร์ห้าอันก็แล้วกัน!”

“รู้แล้ว เอาแบบเกือบตายเลยใช่ไหม?” ส้าวส้วยกำหมัดขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปเพื่อจะต่อยสวีเถิงเฟย

สวีเถิงเฟยมองมือของส้าวส้วย ก่อนจะกลืนน้ำลาย เพราะตกใจเป็นอย่างมาก

“อย่าขยับนะ”

สวีเถิงเฟยเชื่อฟัง พลางพูดออกมา: “ฉันถอดๆ ถอดก็จบแล้วใช่ไหม”

ถึงแม้ว่าสวีเถิงเฟยจะเชื่อฟัง แต่ส้าวส้วยก็ต่อยอยู่ดี

ส้าวส้วยยิ้มพลางพูดออกมา: “ฉันจัดท่าแล้ว ถ้าเกิดไม่ทำร้ายเนี่ย ท่านี้ก็คงจะเปล่าประโยชน์แล้ว?”

หมัดของส้าวส้วย ต่อยเข้าที่จมูกของสวีเถิงเฟยพอดี ก่อนจะทำให้จมูกเขาเลือดไหล

สวีเถิงเฟยโกรธอยู่ในใจ ต่ก็ทำได้แค่อดทนเอาไว้

ถึงอย่างไรส้าวส้วยก็สามารถต่อยเหยโก่ว และโยนออกไปได้ทุกเมื่อ

ชายกำลังมากขนาดนี้ สวีเถิงเฟยจะกล้ามามีเรื่องด้วยได้อย่างไร?

สวีเถิงเฟยไม่อยากโดยต่อยไปเรื่อยๆ เลยรีบถอดเสื้อผ้าของตัวเองออก

หลังจากที่ถอดเสร็จ สวีเถิงเฟยก็นั่งยองลง ตัวก็สั่น

เซี่ยลู่รีบหันหน้าไป เพราะไม่กล้ามองมาทางนี้

“ถึงตาคุณแล้ว”

เมื่อหลี่ฝางเดินมาอยู่ตรงหน้าตู้เฟย ก็พูดกับตู้เฟย

“จะถอดเสื้อผ้าทำไม?” ตู้เฟยขมวดคิ้วเป็นปม พลางมองหลี่ฝางด้วยความสงสัย

“บอกให้คุณถอดก็ถอดสิ จะพูดอะไรมากมาย!” หลี่ฝางมองตู้เฟยด้วยสายตาเย็นชา พลางพูดออกมา

ตู้เฟยส่ายหัว ก่อนจะพูดออกมา: “ฉันไม่ถอด”

“ต่อให้คุณตีฉันให้ตาย ฉันก็ไม่ถอด” ตู้เฟยพูดออกมาด้วยความแน่วแน่

เมื่อหลี่ฝางได้ยิน ก็หัวเราะขึ้น: “ฉันชอบคนที่เป็นแบบคุณจริงๆ เลย”

“ส้าวส้วย มานี่หน่อย มีงานแล้ว” หลี่ฝางโบกมือให้ส้าวส้วย ก่อนจะเรียกเขาเข้ามา

“เจ้านาย นี่มันเรื่องอะไรกัน” ส้าวส้วยถาม

“เลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์คุณสิบอัน คุณก็จะช่วยฆ่าได้คนหนึ่งเหรอ?” หลี่ฝางถามออกไปประโยคหนึ่ง

“ใช่ ทำไมเหรอ?” ส้าวส้วยตอบกลับ

หลี่ฝางหัวเราะขึ้น พลางชี้หาตู้เฟย: “งั้นฉันให้แฮมเบอร์เกอร์สิบอัน คุณช่วยตีเขาจนตายเลยละกัน”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน