NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 213

ตอนที่ 213

บทที่ 213 มู่เสี่ยวไป๋ก้มหัวขอโทษ

สายตาของพวกเขา จ้องไปที่ร่างของหลี่ฝาง

ขณะนั้น ท่านจวนก็มองไปยังหลี่ต๋าคาง แล้วหัวเราะเหอะๆ ถาม: “นายไม่เป็นห่วงลูกชายนายหน่อยเหรอ?”

“ไอ้หนุ่มที่อุ้มลูกชายฉันอยู่ คือเพื่อนของลูกชายฉัน”

หลี่ต๋าคางยิ้มอย่างนิ่งๆ : “เขาเคย ช่วยลูกชายของฉันไว้”

“ฉันเชื่อว่าไอ้หนุ่มนั้น เขาไม่ทำอันตรายลูกชายฉันหรอก” หลี่ต๋าคางพูดอย่างมั่นใจ

หลี่ต๋าคางมองจางกงหมิงกับหลี่ฝางอย่างเชื่อมั่น

หน้าของเขา ใจเย็นมากๆ

“นายเหนี่ยนะ ยังใจเย็นเหมือนเดิมเลย” ท่านจวนยิ้มอย่างซับซ้อน: “ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดี หรือไม่ดีกันแน่”

“ที่จริงแล้วฉันก็มีเวลาที่ไม่ใจเย็นอยู่นะ แค่นายไม่เคยเห็นเท่านั้น” หลี่ต๋าคางพูดพลางยิ้ม

“เหรอ? งั้นถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะเห็นบ้าง” ท่านจวนยิ้มอย่างสนอกสนใจ

เมี๋ยวชุ่ยหึขึ้นมา: “ลุงจวน หนูขอแนะนำว่าอย่าเจอจะดีกว่าค่ะ”

ในขณะนั้น ข้างใต้สะพาน ก็มีคนผู้นึงปรากฏตัวขึ้น

คนผู้นั้น ก็คือส้าวส้วย

ส้าวส้วยรออยู่ใต้สะพานนานแล้ว รอช่วยอยู่ทุกเมื่อ

นี่ก็คือเหตุผลที่หลี่ต๋าคางยังใจเย็นอยู่

เขารู้ว่า ลูกชายของตนไม่เป็นอะไรแน่

ถ้าหากจางกงหมิงโยนหลี่ฝางลงจากสะพาน งั้น หลี่ต๋าคางก็จะมองจางกงหมิงเป็นศัตรูทันที

นอกจากมู่เสี่ยวไป๋ หลี่ต๋าคางก็กำลังลองใจจางกงหมิงเช่นกัน

เมื่อทุกคนลงจากรถ ขณะที่มองไปทางหลี่ฝาง

ใจของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เต้นเร็วขึ้น

วินาทีนั้น มู่เสี่ยวไป๋ก็เหมือนจะสังเกตอะไรขึ้นมาได้

“จางกงหมิง อย่าเพิ่งลงมือ!” มู่เสี่ยวไป๋รีบพูดขึ้น

มู่เสี่ยวไป๋ทำหน้าตาสงสัย พลางมองไปที่บุคคลกลุ่มนี้

คนมีอายุกลุ่มนี้ มู่เสี่ยวไป๋เคยไปเยี่ยมพวกเขา

“นั้นมันหลานของมู่เจิ้งถังไม่ใช่เหรอ?”

“เห็นทีตระกูลมู่คงเจอปัญหาซ่ะแล้ว”

“มู่เจิ้งถังดั้นด้นมาทั้งชีวิต หรือว่าจะมาพังเอาตอนนี้?”

“ฉันว่าโทรไปหามู่เจิ้งถัง แล้วเตือนเขาหน่อยดีกว่านะ”

ในฐานะที่มู่เสี่ยวไป๋เป็นผู้สืบทอดตระกูลมู่ เป็นธรรมดาที่จะมีคนรู้จัก

โดยเฉพาะหลังจากที่มู่เหวินตงพิการ มู่เสี่ยวไป๋ก็เป็นบุคคลที่ผู้คนให้ความสนใจ

เพราะงั้น คนมีอายุกลุ่มนี้จึงรู้จักมู่เสี่ยวไป๋ นั่นก็เป็นเรื่องธรรมเรื่องนึง

ในตอนนี้มู่เจิ้งถัง กำลังนอนอยู่บนเตียงของเขา ฟังเพลง แล้วปากก็ฮัมเพลง

คาดไม่ถึง โทรศัพท์สายนึงจะทำให้การพักผ่อนของเขาหยุดชะงัก

มู่เจิ้งถังลืมตาขึ้น แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

เบอร์ของมู่เจิ้งถัง น้อยคนนักที่จะรู้

และทุกคนที่สามารถโทรเข้าได้ ล้วนแต่เป็นบุคคลสำคัญในเมืองเอกทั้งนั้น

และทุกครั้งที่โทรเข้ามา ก็หมายความว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

แค่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดี หรือเรื่องร้ายกันแน่

“เสิ่นหยุนหลิน?”

มู่เจิ้งถังลืมตา แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย: “ทำไมถึงเป็นไอ้หมอนี่?”

มู่เจิ้งถังไม่ได้ติดต่อกับเสิ่นหยุนหลินมาหลายปีแล้ว

มู่เจิ้งถังสงสัยอยู่ครู่ จากนั้นก็กดรับโทรศัพท์

เมื่อสายติด เสิ่นหยุนหลินก็พูดขึ้น: “เฮียมู่ เฮียอาจจะเจอเรื่องยากแล้ว”

คำสั้นๆ ก็ทำให้มู่เจิ้งถังลุกขึ้นยืนจากที่นอน

สีหน้าของเขาดูรีบร้อน: “น้องเสิ่น นายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน?”

“เฮ้อ มีบางเรื่อง ผมก็ไม่สะดวกจะบอกเฮีย”

“แต่ว่าผมสามารถบอกเฮียได้ว่า หลานเฮีย กำลังทำเรื่องบางอย่างที่จะทำให้ตระกูลมู่ของเฮียเจอภัยพิบัติได้”

“ผมขอละ เฮียรีบโทรหาหลานเฮียเถอะนะ”

ชื่อของท่านจวน เสิ่นหยุนหลินไม่กล้าเอ่ยถึง

เพราะว่าท่านจวนเอาแต่ถามเรื่องภายนอก

เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ท่านจวนฝากฝังมา เพราะงั้น เขาจึงไม่สามารถบอกความจริงกับมู่เจิ้งถังได้

เกี่ยวกับท่านจวน ที่จริงแล้วเขาไม่ได้แซ่จวน เรื่องเกี่ยวกับชื่อจริงของท่าน น้อยคนนักที่จะรู้

แค่ เขาเคยเป็นจักรพรรดิของเมืองเอกนี้

คำว่าจวนนี้ ที่จริงแล้วหมายถึงตระกูลจวน

เขาควบคุมกองกำลังทั้งหมดของเมืองเอก เกือบทุกคนในที่นี้ เคยได้รับความกรุณา และการสนับสนุนจากท่านจวน

เพราะงั้น แม้ว่าท่านจวนจะหายเข้ากลีบเมฆไปแล้วก็ตาม แต่ขอแค่เขาเอ่ยปาก ทุกคนก็จะให้เกียรติเขา

หลังจากวางสาย สีหน้าของมู่เจิ้งถัง จู่ๆ ก็ย่ำแย่ลงไปมาก

แต่เสี้ยวนาที บนหัวของมู่เจิ้งถัง ก็มีผมงอกขึ้นมาอีกหลายเส้น

ตระกูลมู่ เป็นน้ำพักน้ำแรงทั้งชีวิตของมู่เจิ้งถัง

แต่เสิ่นหยุนหลินบอกเขา หลานของเขามู่เสี่ยวไป๋ กำลังทำเรื่องที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติกับตระกูลมู่

นาทีนั้น จะไม่ให้มู่เจิ้งถังกลัว และโกรธได้ยังไง?

ทันใดนั้นมู่เจิ้งถังก็โทรหามู่เสี่ยวไป๋ทันที และเมื่อมู่เสี่ยวไป๋เห็นว่ามีสายเรียกเข้า ก็ตกใจในทันที

“โทรศัพท์จากคุณปู่?” มู่เสี่ยวไป๋หวาดกลัวเล็กน้อย เขามีความรู้สึกบางอย่าง คุณปู่โทรหาเขาตอนนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ

หลังจากมู่เสี่ยวไป๋กดรับสาย สติก็เริ่มหลุดเล็กน้อย: “คุณปู่”

“บอกฉันมา แกกำลังทำอะไรอยู่?”

น้ำเสียงเย็นชาของมู่เจิ้งถังดังออกมาจากปลายสาย: “บอกฉันมาให้หมดตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าแกปิดบังฉันแม้แต่นิดเดียว ฉันจะให้เสี่ยวโจวฆ่าแกซ่ะ!”

ฉันจะให้เสี่ยวโจวฆ่าแกซ่ะ!

เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ซีดลงไปทันที

เขารู้ ว่าปู่ของเขาไม่เคยล้อเล่นกับเขา

ทุกวันนี้ มู่เหวินตงได้กลายเป็นผักแล้ว

ตระกูลมู่เหลือแค่ตัวเขามู่เสี่ยวไป๋แล้ว

แต่มู่เจิ้งถังกลับพูด ว่าจะฆ่ามู่เสี่ยวไป๋ นี่ก็เท่ากับตัดอนาคตของตระกูลมู่เลยนะ

มู่เสี่ยวไป๋ตัวสั่นไปหมด สรุปแล้วตัวเขาไปทำผิดอะไรกันแน่ ปู่ของตัวเอง ถึงกับขู่เขา ว่าจะฆ่าเขาเลย!

มู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้าปิดบังแม้แต่เล็กน้อย แล้วบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ที่เกิดขึ้นบนสะพานให้มู่เจิ้งถังฟัง

หลังจากมู่เจิ้งถังฟังจบ ก็ตกใจจนเกือบจะเป็นลม

ไม่ต้องพูดถึงมู่เสี่ยวไป๋ แม้แต่มู่เจิ้งถัง ก็ยังไม่เคยเจออะไรอลังการแบบนี้มาก่อน

มู่เจิ้งถังหายใจหอบ พลางพูด: “ปล่อยผู้หญิงคนนั้น กับผู้ชายคนนั้น แล้วขอโทษเขา หลังจากได้รับการให้อภัยจากพวกเขาแล้ว ค่อยกลับมาหาฉัน!”

เมื่อครู่ มู่เจิ้งถังสงสัยเล็กน้อย สงสัยว่าเสิ่นหยุนหลินพูดโอเว่อร์

ด้วยฐานะอย่างตระกูลมู่ ในเมืองเอกจะมีใครทำอะไรเขาได้?

แต่หลังจากฟังที่มู่เสี่ยวไป๋เล่าจนจบ มู่เจิ้งถังก็เชื่อแล้ว

เสิ่นหยุนหลิน จ้าวโหย่วฉาย เฉียนโตโต สวีส้าวชิว มีใครที่ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับเขา?

บุคคลบิ๊กๆ สี่คนนี้ ไม่เคยมารวมตัวกัน

โดยเฉพาะเฉียนโตโตกับจ้าวโหย่วฉาย พวกเขาสองคนมีความแค้นกัน

แต่วันนี้ พวกเขาสองคนกับออกมายืนฝ่ายเดียวกัน

นี่แสดงว่า บุคคลที่อยู่เบื้องหลัง ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่ๆ

คนฉลาดอย่างมู่เจิ้งถัง ทันใดนั้นก็นึกถึงคนผู้นึง จวน

“ต้องเป็นท่านจวนที่ปรากฏตัวออกมาแน่ๆ นอกจากเขา ก็ไม่มีใครจะรวมพลคนพวกนี้ได้แล้ว” มู่เจิ้งถังพูดกับตัวเอง

และในตอนนั้น ก็ถอนหายใจเฮือกยาวๆ

เสือมองไปที่มู่เสี่ยวไป๋ แล้วถาม: “เจ้านาย เกิดอะไรขึ้นครับ?”

มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร

มู่เสี่ยวไป๋รู้ ว่าตัวเองเกิดเรื่องแล้ว

และก็เป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ ด้วย

ปู่ของตน โมโหได้ขนาดนี้

เบื้องหน้าตน มีคนบิ๊กๆ ยืนอยู่เยอะขนาดนี้!

กลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน สามารถพลิกเมืองเอกทั้งเมืองได้เลย!

ในตอนนี้ มู่เสี่ยวไป๋สิ้นหวังเล็กน้อย

มู่เสี่ยวไป๋เปิดประตูรถ และปล่อยหลินชิงชิงออกมา

“ชิงชิง เธอไปเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรง

ตอนที่ได้ยินประโยคนี้ หลินชิงชิงรู้สึกแค่ว่าตัวเองกำลังเกิดภาพหลอน

มู่เสี่ยวไป๋ โง่ไปแล้วเหรอ

เขาตามหาเธอมาตั้งนาน กว่าจะจับตนได้ก็ไม่ง่าย ตอนนี้กลับมาปล่อยตนไป?

หลินชิงชิงมองมู่เสี่ยวไป๋อย่างสงสัย: “นี่นายทำบ้าอะไรอยู่?”

“คิดตกแล้ว? หรือว่าอะไร?” หลินชิงชิงถามขึ้น

มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้า: “ชิงชิง เรื่องที่ฉันรักเธอ เรื่องนี้ไม่เปลี่ยน”

“ฉันจะไม่ยอมแพ้เรื่องเธอ” มู่เสี่ยวไป๋พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น

หลินชิงชิงฟังประโยคนี้จบ ก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่

นั่นเขายังคิดไม่ตกนี่!

งั้นทำไมถึงปล่อยเธอล่ะ?

หลินชิงชิงยิ้มมุมปาก มองไปทางมู่เสี่ยวไป๋ และพูดอย่างชมเชยเขาเล็กน้อย: “ต้องแบบนี้สิ จะจีบผู้หญิง จะใช้วิธีบังคับขู่เข็ญได้ยังไงใช่มั้ย”

“ขอโทษนะ ชิงชิง หวังว่าเธอจะยกโทษให้ฉัน” มู่เสี่ยวไป๋พูดขึ้น

ยังไงมู่เสี่ยวไป๋ก็เคยช่วยตระกูลหลิน เพราะงั้น หลินชิงชิงในตอนนี้ก็ไม่อยากทำให้มู่เสี่ยวไป๋ลำบากใจอะไรมากมาย

“ขอแค่ต่อไปนายอย่าบังคับฉันอีก ฉันก็ยกโทษให้นายแล้ว” หลินชิงชิงพูดอย่างใจกว้างสุดๆ

หลังจากได้รับการให้อภัยการหลินชิงชิงแล้ว มู่เสี่ยวไป๋ก็เดินไปทางหลี่ฝาง

“ปล่อยเขาเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋พูดกับจางกงหมิง

จางกงหมิงชะงักอยู่ครู่ มองมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ: “ให้ปล่อยจริงๆ เหรอ?”

“เออ รีบปล่อยเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋พูด

หลังจากจางกงหมิงปล่อยหลี่ฝางแล้ว มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดขึ้นทันที: “หลี่ฝาง ขอโทษนายด้วย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท