NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 189

ตอนที่ 189

เพิ่งกลับมาถึงหอพัก ไฟก็สว่างขึ้นมา

“พวกนายทำไมยังไม่นอนอีก?” หลี่ฝางมองไปที่เพื่อนร่วมห้อง ถามออกมาคำหนึ่ง

“เรากำลังฟังหวางเสี่ยวโก๋เล่าเรื่องให้เราฟังอยู่น่ะ ได้ยินว่าเมืองเอกเพิ่งจะมีวีรบุรุษปรากฏขึ้นมาคนหนึ่ง ชื่อจางกงหมิงอะไรนี่แหละ เก่งมากเลยนะ เพิ่งจะเข้าวงการไม่กี่วัน ก็ปลดลูกพี่ใหญ่คนหนึ่งของเมืองเอกออกแล้ว” เลี่ยวข่ายพูดอย่างออกรส

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ คิดในใจ ข่าวนี้แพร่กระจายได้เร็วพอสมควร

เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่ถึงสองวัน หวางเสี่ยวโก๋ก็รู้แล้ว

“เขาถือเป็นวีรบุรุษแบบไหนกัน วีรบุรุษที่แท้จริงคือนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ คือบุคคลที่ทำผลงานโดดเด่นให้กับประเทศชาติ” หลี่ซ่วยซ่วยกลอกตามองเลี่ยวข่ายแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเขาใช้คำไม่ถูกต้อง

เป็นจริงเช่นนั้น จางกงหมิงก็เป็นแค่นักเลงคนหนึ่ง ถึงแม้จะปักธงสำเร็จ ก็เป็นได้แค่ลูกพี่ใหญ่ในวงการมาเฟียเท่านั้นแหละ

จะเรียกว่า ‘วีรบุรุษ’ ได้อย่างไรกัน?

หรือแค่เพราะเขาโค่นล้มห้าวหนานได้? ห้าวหนานก็ไม่ใช่คนชั่วร้ายเลวทรามต่ำช้า ถึงแม้จะใช่ เจตนาของจางกงหมิงก็ไม่ใช่การลงโทษคนเลวขจัดความชั่วร้าย เขาก็แค่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น

เรียกว่าวีรบุรุษ ไม่ค่อยเหมาะสมจริงๆนั่นแหละ

เวลานี้ หวางเสี่ยวโก๋สวมใส่กางเกงขาสั้น ลุกขึ้นออกมาจากผ้าห่ม

“หลี่ฝาง เกิดอะไรขึ้นกับหน้านาย ถูกใครตี?” หวางเสี่ยวโก๋มาถึงหน้าหลี่ฝางในไม่กี่ก้าว ถามด้วยสีหน้าจริงจัง

“หลิวเสี่ยวเทา” หลี่ฝางพูดอย่างตรงไปตรงมา

“ไอ้หมาเย็ดนั่นอีกแล้วเหรอ ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอ้หมาเย็ดตัวนี้มันไม่ยอมวางมือจากเรื่องนี้แน่” หวางเสี่ยวโก๋ขมวดคิ้วขึ้นมา

“เขาหาหลิวเหล่าซานมาใช่ไหม?” หวางเสี่ยวโก๋ถามออกมาคำหนึ่ง

หลี่ฝางพยักหน้า: “ใช่ ฉันเห็นหลิวเหล่าซานแล้ว”

หวางเสี่ยวโก๋มองไปที่หลี่ฝางด้วยสายตาที่ซับซ้อน ไม่นานเท่าไหร่ กลับหัวเราะขึ้นมา

“งั้นนายแค่โดนทุบตี ยังถือว่าโชคดีแล้ว ปกติขอแค่หลิวเสี่ยวเทาให้อาสามเขาออกหน้า เมื่อนั้นอีกฝ่ายก็จะโชคร้ายมาก ไม่โดนซ้อมจนนอนโรงพยาบาล ก็โดนซ้อมจนพิการ นายสามารถกลับมาที่หอพักได้อย่างปลอดภัย ถือว่าไม่เลวแล้วจริงๆ”

หวางเสี่ยวโก๋รู้สึกว่า แค่โดนทุบตีเท่านั้น จะเป็นอะไรไป?

หลี่ฝางยิ้มออกมา พูดว่า: “ใช่ ถือว่าฉันโชคดีมากแล้ว”

หลี่ฝางคิดในใจ หากไม่ใช่หวงหวางโก๋ออกหน้า ขาของตัวเองก็หักไปแล้ว

เมื่อเป็นแบบนั้น ตัวเองก็กลับมาหอพักไม่ได้แล้ว คงได้แต่ไปนอนอยู่ในโรงพยาบาลเท่านั้นแล้ว

“หลี่ฝาง วงการมาเฟียเมืองเอกเรามีบุคคลที่มีอำนาจขึ้นมาใหม่คนหนึ่ง ชื่อว่าจางกงหมิง ฉันได้ยินเพื่อนบอกว่า จางกงหมิงคนนี้ก็มาจากตงไห่ หรือฉันจะลองหาเส้นสายดู ช่วยนายเชื่อมต่อเส้นสาย นายไปพึ่งพาขอหลบภัยกับจางกงหมิงคนนี้”

“ถึงเวลามีจางกงหมิงคุ้มครองนาย ฉันรับประกันว่าหลิวเหล่าซานไม่กล้าแตะต้องนายอีก” หวางเสี่ยวโก๋พูดกับหลี่ฝาง

หลี่ฝางถามด้วยสงสัยเล็กน้อยคำหนึ่ง: “นายสามารถเป็นเชื่อมโยงเส้นสายกับจางกงหมิงได้?”

“ฉันทำไม่ได้หรอก แต่ฉันรู้จักเพื่อนสองสามคนในวงการ ฉันคิดว่าพวกเขาน่าจะพอคุยกับจางกงหมิงได้” หวางเสี่ยวโก๋พูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

“เพียงแต่ไม่รู้ว่า จางกงหมิงเก็บค่าคุ้มครองแพงหรือเปล่า” หยุดไปครู่หนึ่ง หวางเสี่ยวโก๋ก็พูดขึ้นมาอีก

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆออกมา รับผลประโยชน์จากคนอื่น ทำตัวเป็นเกราะป้องกันให้คนอื่น เรื่องแบบนี้ก็มีแต่นักเลงเท่านั้นแหละที่ทำ

เมื่อถึงระดับของจางกงหมิงแล้ว เขาจะคิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจเพื่อสร้างรายได้

ถึงแม้จะทำตัวเป็นเกราะป้องกัน ก็จะทำตัวเป็นเกราะป้องกันให้เฉพาะทายาทเศรษฐี นักธุรกิจที่ร่ำรวยเท่านั้น

แน่นอนว่า หลี่ฝางก็เป็นทายาทเศรษฐี แต่เขามีหวางเห้าคุ้มครองแล้ว

และด้านหน้าของหลี่ฝาง ยังมีหลี่ต๋าคางที่ลึกลับจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง

บวกกับตอนนี้จางกงหมิงติดตามมู่เสี่ยวไป๋แล้ว หลี่ฝางจะไปขอความคุ้มครองจากจางกงหมิงได้อย่างไร?

เวลานี้หลี่ฝางยิ้มออกมา พูดว่า: “ความจริงฉันไม่ได้เสียเปรียบหรอก”

“หลิวเสี่ยวเทาตบฉันไปแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่ฉันตีขาเขาจนหัก” หลี่ฝางยิ้มออกมา พูดว่า: “และยังทำต่อหน้าหลิวเหล่าซานด้วย”

“อะไรนะ?!”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ไม่เพียงแค่หวางเสี่ยวเทาเท่านั้นที่ตะลึงอยู่กับที่ไปเดี๋ยวนั้น แม้แต่เลี่ยวข่ายก็สะดุ้งตกใจไปเหมือนกัน

หลิวเหล่าซานเป็นใคร เลี่ยวข่ายได้ยินมาแล้ว เขาเป็นถึงงูเจ้าถิ่นในแถบของสุ่ยมู่นี้

แล้วหลิวเสี่ยวเทา ก็เป็นหลานชายแท้ๆของหลิวเหล่าซาน ได้ข่าวว่าหลิวเสี่ยวเทาสามารถเข้ามหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ได้ ก็เพราะหลิวเหล่าซาน

อาจารย์ใหญ่สุ่ยมู่เกรงกลัวการดำรงอยู่ของหลิวเหล่าซาน ดังนั้นจึงแหกกฎรับหลิวเสี่ยวเทาที่เป็นนักเรียนที่ผลการเรียนไม่ดีคนนี้

ตีขาของหลิวเสี่ยวเทาจนหัก ต่อหน้าหลิวเหล่าซาน?

คำพูดนี้ของหลี่ฝาง ใครก็ไม่เชื่อทั้งนั้น

หวางเสี่ยวโก๋ถึงกับพูดว่า: “หลี่ฝาง นายขี้โม้อะไรของนาย ถ้าหากนายตีขาของหลิวเสี่ยวเทาจนหักต่อหน้าหลิวเหล่าซาน นายยังจะสามารถกลับหอพักได้?”

“ตอนนี้นายคงจะนอนในโรงพยาบาลนานแล้วมั้ง!” หวางเสี่ยวโก๋พูดและหัวเราะฮึๆ

ตอนนี้ หวางเสี่ยวโก๋รู้สึกว่าหลี่ฝางวิ่งรถไฟด้วยปาก(คุยโม้โอ้อวด) ไม่มีความจริงเลยสักคำ

ตอนนี้หวางเสี่ยวโก๋ยังรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยแล้วว่า หลี่ฝางไม่ได้พบกับหลิวเหล่าซานเลยด้วยซ้ำ

หวางเสี่ยวโก๋คิดว่า ถ้าหากว่าหลี่ฝางพบกับหลิวเหล่าซานจริง เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาอย่างสมบูรณ์โดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลย

“ไม่เชื่อก็ช่างเถอะ” หลี่ฝางขี้เกียจจะอธิบาย กลับไปที่เตียงของตัวเอง หัวถึงหมอนก็หลับไป

ตื่นขึ้นมาวันที่สอง หลี่ฝางก็ไม่ได้ไปฝึกทหาร แต่ไปถามหาและมาถึงห้องเรียนของสวีเถิงเฟย

ถึงแม้สวีเถิงเฟยจะเป็นนักเรียนใหม่ แต่กลับเป็นคนดังของสุ่ยมู่ไปแล้ว

ทายาทเศรษฐีบวกกับหนึ่งในคณะกรรมการบริหารโรงเรียน แสงเรืองรองเป็นรัศมีสองวงแหวนอยู่บนศีรษะคนคนหนึ่ง ไม่อยากมีโด่งดังยังยากเลย

สาวสวยสุ่ยมู่ไม่น้อยต่างก็อยากจะเห็นหน้าตาของสวีเถิงเฟย เพื่อที่จะได้กลายเป็นสาวงามในอ้อมแขนของเขา

หลี่ฝางมาถึงชั้นเรียนของสวีเถิงเฟย แต่กลับไม่เห็นสวีเถิงเฟย

เวลานี้ ฉินวี่เฟยก็เดินเข้ามา

ทันทีที่ฉินวี่เฟยเดินออกมา ก็สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ขึ้นในชั้นเรียน

“ไอ้สัตว์ ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันน่ะ? ขี้เหร่ขนาดนี้ แต่กลับรู้จักดาวมหาลัยฉินได้”

“คงไม่ใช่แฟนของดาวมหาลัยฉินหรอกนะ?” มีคนพูดด้วยความสงสัย

“ถ้าเป็นแฟนของดาวมหาลัยฉินจริง แบบนั้นก็เป็นดอกไม้งามปักอยู่บนขี้วัวจริงๆ”

ฉินวี่เฟยมาถึงหน้าหลี่ฝาง ถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า: “ทำไมถึงมาที่ชั้นเรียนเราได้ล่ะ?”

“ผมมาหาคน” หลี่ฝางก็ยิ้มตาม

ฉินวี่เฟยนึกว่าหลี่ฝางมาหาเธอ ในใจของเธอเพิ่งจะมีความสุขเพิ่มขึ้นมา หลี่ฝางกลับถามว่า: “ผมมาหาสวีเถิงเฟย เขาไม่อยู่เหรอ?”

ใบหน้าของฉินวี่เฟยมีความรู้สึกอับอายเล็กน้อย

เธอส่ายหน้า พูดว่า: “สวีเถิงเฟยไม่ได้มาเข้าร่วมการฝึกทหาร เขาขอลาหยุด”

“ขอลาหยุด?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว การฝึกทหารนี่ยังมีการขอลาหยุด?

“เขาไม่สบายหรือว่า?” หลี่ฝางสบถด่าในใจ ไอ้สารเลวนี่คงไม่ได้เป็นโรคที่รักษาไม่หายหรอกนะ?

ฉินวี่เฟยพูดว่า: “ทายาทเศรษฐีจำนวนมาก ก็ไม่เข้าร่วมการฝึกทหาร พวกเขาแค่ต้องแจ้งต่อโรงเรียน ขอลาหยุดก็พอ”

หลี่ฝางได้ยินก็เข้าใจทันที การฝึกทหารลำบากขนาดนั้น คุณชายที่คาบช้อนทองมาเกิดอย่างสวีเถิงเฟย ก็ต้องไม่อยากทนกับความยากลำบากแน่นอนอยู่แล้ว

“แล้วคุณล่ะ?” หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เฟย ยิ้มและพูดด้วยความสนใจ: “คุณก็เป็นทายาทเศรษฐีเหมือนกัน ทำไมคุณถึงมาฝึกทหารล่ะ”

“มีน้อยคนที่รู้ฐานะที่แท้จริงของฉัน” ฉินวี่เฟยมองดูหลี่ฝางแวบหนึ่ง: “ฉันเหมือนกันกับคุณ ปกปิดสถานะทางครอบครัว เลือกที่จะใช้ชีวิตในฐานะคนธรรมดา”

ฉินวี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองดูหลี่ฝาง จู่ๆก็พูดว่า: “ถังหยู่ซวนคือของปลอมใช่ไหม?”

“อะไรนะ?”

“คุยกันที่นี่ไม่สะดวก ตามฉันมา” ฉินวี่เฟยก้าวเท้าเดินออกไป พาหลี่ฝางขึ้นไปบนดาดฟ้า

เห็นภาพนี้แล้ว คนในชั้นเรียนก็ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง

“โอ้พระเจ้า เขาสองคนขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้ว”

“ดูจากการท่าทางการสนทนาของพวกเขา เขาสองคนคงไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆใช่ไหมเนี่ย?”

“อ๊าย ดาวมหาลัยฉินตาบอดไปเหรอ? ทำไมถึงหาแฟนธรรมดาๆแบบนี้

เด็กผู้ชายในชั้นเรียนของฉินวี่เฟย ทั้งหมดแสดงสีหน้าท่าทางเหงาหงอยออกมา เหมือนกับกำลังอกหัก

ตามฉินวี่เฟยมาถึงดาดฟ้าหลี่ฝางขมวดคิ้วขึ้นมาถามด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย: “คุณตรวจสอบผม?”

“คุณโกรธเหรอ?”

ฉินวี่เฟยหัวเราะเหอะๆออกมา: “ความจริงฐานะของคุณ ไม่ได้มีแต่ฉันที่ตรวจสอบ คนที่ปรากฏตัวในรีสอร์ตวันนั้น น่าจะตรวจสอบฐานะของคุณกันหมด”

“ไม่ว่าจะเป็นตงไห่ หรือว่าเมือกเอก แม้แต่คนทั้งประเทศ ใครจะไม่ให้ความสนใจกับหลานชายของคุณท่านหลี่?”

“วันนั้นคุณอยู่ที่รีสอร์ตดึงดูดความสนใจของผู้คนขนาดนั้น ผู้จัดการของรีสอร์ตลุงเฉียน เพื่อปกป้องคุณแล้ว ไม่ลังเลที่จะล่วงเกินตระกูลสวี ตระกูลหยู……แม้กระทั่งตระกูลมู่”

“คนที่ฉลาดเล็กน้อย ก็ต้องรู้แล้วฐานะของคุณไม่ธรรมดา”

“คนภายนอกตอนนี้ ต่างก็คิดว่าถังหยู่ซวนเป็นหลานชายของคุณท่านหลี่ รถปอร์เช่ 918 ที่เขาขับคันนั้น แสดงถึงฐานะของเขา ขณะเดียวกันเขายังบริหารบาร์ Recalling the past ร้านนั้นอีกด้วย ซึ่งก็ยิ่งยืนยันถึงฐานะของเขา”

“แต่ฉันรู้ ถังหยู่ซวนคือของปลอม”

“ถังหยู่ซวนเป็นเพื่อนสมัยก่อนของคุณเขาไม่ใช่หลานชายของคุณท่านหลี่ คุณต่างหากที่เป็นตัวจริง” มองดูหลี่ฝาง ฉินวี่เฟยพูดอย่างมั่นใจ

หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เฟย ยิ้มเรียบๆขึ้นมา: “คุณเดาถูกแล้ว แต่มีประโยชน์อะไรล่ะ?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท