NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 217

ตอนที่ 217

บทที่ 217 หลี่ฝาง ทำไมนายดีกับฉันจัง?

“คิดไม่ถึงว่าท่านจวนหายหน้าหายตาไปหลายปี แต่ชื่อเสียงไม่ได้ลดน้อยลงเลย ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็สามารถรวมผู้มีอิทธิพลในเมืองเอกได้เป็นร้อยๆ คน”

หลี่ต๋าคางหันไปมองท่านจวน แล้วพูดอย่างชื่นชมเล็กน้อย: “ไม่เสียแรงที่ในปีนั้นเป็นจักรพรรดิ!”

“จักรพรรดิอะไรกัน เสี่ยวหลี่ นายก็อย่ายอฉันมากไป นี่มันผ่านไปตั้งกี่ปีแล้ว ยังจะมีจักรพรรดิอะไรกัน”

“อายุฉันมากแล้ว พวกเขาแค่ให้เกียรติฉันเฉยๆ ”

“อีกอย่าง ฉันเรียกพวกเขามา แค่ให้พวกเขามาสนับสนุนฉันเท่านั้นเอง ไม่ได้ให้พวกเขาทำอะไรสักหน่อย พวกเขามีเหตุผลจะปฏิเสธที่ไหนเล่า?”

“คนพวกนี้ ล้วนแต่เคยได้รับความเมตตาจากฉัน ถ้าหากไม่มา ก็คงโดนด่า แต่ถ้ามา ก็สามารถทำให้ฉันรู้สึกดีด้วย”

“ทำไมพวกเขาจะไม่ทำล่ะ? นายว่าใช่มั้ย? เสี่ยวหลี่?” ท่านจวนหัวเราะเหอๆ

หลี่ต๋าคางหัวเราะตาม แล้วพูด: “หนี้ของคนเป็นร้อยๆ ใช้ไปแบบนี้เหรอ ท่านจวน ดีกับฉันมากไปหรือเปล่า?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะนาย ฉันยังจะยืนอยู่ตรงนี้เหรอ?” ท่านจวนถอนหายใจ: “ถ้าหากไม่มีนายรับกระสุนแทนฉัน เมื่อห้าปีก่อน ฉันคงจะตายไปแล้ว”

“นายช่วยชีวิตฉัน หรือว่ามันเทียบไม่ได้กับหนี้ของคนเป็นร้อยแบบนี้?” ท่านจวนยิ้มอย่างซับซ้อน

หลี่ต๋าคางยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไร

“เรื่องของลูกชายนาย ก็เคลียร์เรียบร้อยแล้ว ขึ้นเขาไปกับฉัน ดื่มกันหน่อยมั้ย?” ท่านจวนเอ่ยถาม

หลี่ต๋าคางส่ายหน้า: “ที่ฉันมาครั้งนี้ เพื่อมาดูลูกชาย”

“เรื่องดื่มเหล้า ไว้คราวหน้าเถอะ” หลี่ต๋าคางปฏิเสธท่านจวน

ท่านจวนพูดอย่างไม่ค่อยแฮปปี้: “นายนี่นะ ให้คนอื่นช่วยแล้วก็เทเขา ฉันเพิ่งช่วยนายไปเมื่อกี้ แค่เหล้าอึกเดียว ยังไม่ยอมดื่มเป็นเพื่อนฉัน?”

“ช่างเถอะ ยังไม่ถึงเวลา”

หลี่ต๋าคางส่ายหน้าอีกครั้ง: “ถ้าหากแค่ดื่มเป็นเพื่อนนายเฉยๆ ฉันก็ยินดีดื่มเป็นเพื่อนนายไม่เมาไม่กลับ”

หลี่ต๋าคางรู้ได้เองว่า คำเชิญของท่านจวน ไม่ใช่แค่การดื่มเหล้า ธรรมดา

สามปีที่แล้วที่ไปโดยไม่ลา แน่นอนว่าท่านจวนต้องถาม

ว่าสามปีที่ผ่านมาเจอกับอะไรมาบ้าง ท่านจวนต้องถามจนหมดเปลือก

หลี่ต๋าคางยังไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ เพราะงั้น ทำได้แค่ปฏิเสธท่านจวนไป

ท่านจวนผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เชิญต่อ แต่พูดขึ้น: “เมื่อไหร่ที่นายเต็มใจที่จะไขข้อข้องใจให้ฉัน ก็มาหาฉันบนเขาแล้วกัน”

“ใช่แล้ว ครั้งนี้กลับมา คงจะไม่หนีอีกแล้วนะ?” ชั่วครู่ จู่ๆ ท่านจวนก็ถามขึ้น

“ไม่แล้ว” หลี่ต๋าคางส่ายหัว

“งั้นก็ดี” ท่านจวนพยักหน้าอย่างชื่นชม: “ใช่แล้ว ร่างกายฉันนับวันยิ่งแย่ จำไว้ล่ะรีบขึ้นเขามาหาฉันนะ”

ท่านจวนพูดจบ ก็ขึ้นรถของตนไป

เมี๋ยวชุ่ยถอนหายใจ แล้วพูด: “คุณไม่บอกเขา ที่จริงแล้วก็เพื่อตัวเขา”

หลี่ต๋าคางพูด: “ไปเถอะ พวกเราไปหาลูกชายกัน”

“เธอบอกว่าคิดถึงไอ้เด็กคนนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ทำไม คุณไม่คิดถึงเหรอ?” เมี๋ยวชุ่ยมองบนใส่หลี่ต๋าคาง แล้วเดินขึ้นรถไป

ในตอนนั้นหลี่ต๋าคาง ขมวดคิ้ว: “เอามาให้ฉันขับเถอะ นั่งรถที่เธอขับ ฉันล่ะกลัว”

“มีอะไรให้กลัวกัน? แม้แต่เครื่องบินคุณยังกล้านั่ง ทำไม รถที่ฉันขับปลอดภัยน้อยกว่าเครื่องบินเหรอ?” เมี๋ยวชุ่ยมองบนใส่หลี่ต๋าคาง

หลี่ต๋าคางไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี ทำได้แค่นั่งลงตรงข้ามคนขับอย่างเงียบๆ แล้วคาดเข็มขัด

ในรถเบนซ์G-Class หลี่ฝางหันหน้า ไปหาหลินชิงชิงแล้วถาม: “พี่ พี่ว่าสรุปแล้วจางกงหมิงมีเรื่องลำบากอะไรปิดบังเอาไว้อยู่นะ?”

“ฉันคิดว่า ที่จางกงหมิงติดตามมู่เสี่ยวไป๋ เหมือนกับว่ามีเรื่องลำบาก” หลี่ฝางพูด

“จางกงหมิงจะมีเรื่องลำบากอะไรล่ะ เขากับพ่อเป็นคนประเภทเดียวกัน หลงใหลในอำนาจ อยากจะเป็นผู้มีอิทธิพล”

“เขาติดตามมู่เสี่ยวไป๋ เป็นเพราะมู่เสี่ยวไป๋สามารถทำให้เขานั่งในตำแหน่งผู้มีอิทธิพลได้” หลินชิงชิงหึไปหนึ่งที พลางพูด

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “พี่ชิงชิง ผมไม่คิดแบบนั้นนะ”

“เมื่อกี้ ผมเอาแต่จ้องจางกงหมิง ตอนที่มู่เสี่ยวไป๋ให้เขาโยนผมลงแม่น้ำ ตอนแรกจางกงหมิงปฏิเสธนะ”

หลี่ฝางกำลังพูด หลินชิงชิงก็พูดแทรกเขา: “สุดท้ายแล้วจางกงหมิงก็ตอบรับแล้วไม่ใช่เหรอ? แถมอีกนิดก็จะโยนนายลงแม่น้ำแล้วนะ นายลืมไปแล้วเหรอ!”

“ผมไม่ได้ลืม แต่แค่ผมสังเกตได้ถึงบางคำพูด”

“มู่เสี่ยวไป๋พูดกับจางกงหมิงว่า ‘ถ้าหากไม่โยนผมลงแม่น้ำ งั้นเรื่องที่มู่เสี่ยวไป๋ตกลงไว้กับจางกงหมิง ทั้งหมดถือว่าเป็นโมฆะ’ ”

“หมายความว่าไง? มู่เสี่ยวไป๋ตกลงอะไรกับจางกงหมิง? ฉันคิดว่า นี่คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่จางกงหมิงติดตามมู่เสี่ยวไป๋”

“ตอนที่มู่เสี่ยวไป๋พูดประโยคนี้จบ จางกงหมิงถึงตัดสินใจ ที่จะโยนผมลงแม่น้ำ”

หลี่ฝางรู้สึกได้ว่าประโยคนี้ของมู่เสี่ยวไป๋ เห็นได้ชัดว่ามีความหมายลึกซึ้ง

“นายหมายความว่า ในมือของมู่เสี่ยวไป๋ มีสิ่งที่จางกงหมิงต้องการ?” หลินชิงชิงถามหลี่ฝาง

“ใช่ ผมหมายความแบบนั้น”

“อีกอย่าง ตอนที่จางกงหมิงกำลังจะโยนผมลงแม่น้ำ เขาคอยเตือนผม ให้ผมกลั้นหายใจ เขาบอกผม ขอแค่กลั้นหายใจไว้ ตัวก็จะลอยขึ้นมาจากน้ำ ไม่จมน้ำตาย”

“ตอนที่พี่โดนเสือจับตัวขึ้นรถไป ยังบอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วงพี่ เขาบอกว่า เขารับประกันความปลอดภัยของพี่ จะไม่ให้ใครมาทำร้ายพี่”

“พี่ชิงชิง ผมมั่นใจแล้ว จางกงหมิงไม่ได้หักหลังพวกเรา ที่เขาไปเพิ่งมู่เสี่ยวไป๋ คงต้องมีเรื่องลำบากซ่อนอยู่แน่ๆ ”

“ถ้าหากจางกงหมิงโลภอำนาจและเงินจริงๆ แล้วไปเป็นลูกน้องมู่เสี่ยวไป๋ งั้นทำไมเขาถึงยังกังวลเรื่องผมกับพี่อยู่ล่ะ?”

“พี่ว่าจริงมั้ย?” หลี่ฝางถาม พลางมองไปที่หลินชิงชิง

หลินชิงชิงขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เขามีเรื่องลำบากอะไรที่ปิดบังไว้ ทำไมถึงไม่บอกพวกเราล่ะ?”

หลี่ฝางก็กำลังคิดถึงปัญหานี้

“พี่ พี่ติดต่อเสี่ยวโจวได้มั้ย ให้เสี่ยวโจวแอบนัดจางกงหมิงออกมาหน่อย พวกเราไปเจอกันสักครั้ง ถามให้ชัดเจนต่อหน้า พี่ว่าเป็นยังไง?” หลี่ฝางเสนอคำแนะนำ

หลินชิงชิงส่ายหน้า ยิ้มแห้งแล้วพูด: “ฉันว่าลืมซะเถอะ ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันก็โตมากับจางกงหมิง นายอย่าคิดว่าปกติแล้วเขายังไงก็ได้ สบายๆ แต่ที่จริงแล้วเขาคนนี้ กุมความลับเก่งมาก”

“ถ้าหากเขาไม่อยากพูด ถึงนายจะถามเขาต่อหน้าเป็นร้อยครั้ง เขาก็ไม่บอกนายหรอก”

“ถ้าหากเขาอยากจะพูด ก็ไม่ต้องรอให้นายนัดเขาออกไป เขารู้ว่าฉันแอบติดต่อกับเสี่ยวโจว ก็สามารถหาได้ว่าฉันอยู่ที่ไหน”

“อีกอย่าง เขายังจำเบอร์นายได้”

“ไม่ว่าเขาอยากจะติดต่อนาย หรืออยากติดต่อฉัน เขาก็สามารถทำมันได้อย่างง่ายดาย มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้จับตาดูเขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ที่เขาไม่ติดต่อพวกเรามา ก็หมายความว่าเขาไม่อยากบอกพวกเรา”

เห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับหลี่ฝาง หลินชิงชิงเข้าใจในตัวจางกงหมิงมากกว่า

“ใช่แล้ว พวกเราจะไปไหนกัน?” หลังจากขับรถมาตั้งนาน จู่ๆ หลินชิงชิงก็ถามขึ้น

“กลับไปซื้อบ้านมั้ง”

หลี่ฝางนึกคิดอยู่ครู่ แล้วพูด: “มู่เสี่ยวไป๋คนนั้นก็เข้าโรงพยาบาลไปแล้ว คงจะช่วงนึงที่กลับไปไม่ได้แหละ”

“เมื่อกี้ผมมองผ่านๆ บ้านแนวเขาก็ดีอยู่ แต่ละหลัง เป็นบ้านเดี่ยว ถึงแม้พวกนักข่าวจะมาวุ่นวายอะไรอีก ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อบ้านหลังอื่นๆ แบบนี้ ก็จะไม่สร้างความรำคาญให้คนอื่น” หลี่ฝางพูด

บ้านแนวเขา ก็ตามชื่อเรียกเลย คือบ้านที่สร้างบนภูเขาลูกหนึ่ง

หลังจากขึ้นเขา ก็ไม่ได้มีถนนเยอะ ถนนทุกเส้น ล้วนแต่นำทางไปที่บ้านแต่ละหลัง

หลี่ฝางมองแค่แป๊บเดียว ก็ชอบที่นั่น

“ก็จริง ครั้งนี้มู่เสี่ยวไป๋โดนนายแทงไปสองที เกรงว่าอีกนาน กว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้” หลินชิงชิงไม่รู้ว่าควรจะเป็นห่วง หรือว่าควรดีใจ

“มู่เสี่ยวไป๋เลือดออกเยอะมาก คงไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตใช่มั้ย?” หลินชิงชิงถามขึ้น

“คงไม่มั้ง? คนๆ นึง ตายง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ อีกอย่างเสือก็พาเขาไปโรงพยาบาลทันที ผมเชื่อว่าคงไม่เป็นไร”

“ถึงแม้ว่าเขาจะตาย มันก็สมควรแล้ว ใครบอกให้เขาตามรังควานพี่ล่ะ” หลี่ฝางพูดแบบโมโห

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใจของหลินชิงชิงไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้รู้สึกอบอุ่นแบบนี้

หลินชิงชิงมองหลี่ฝาง แล้วพูดอย่างซึ้งๆ : “เสี่ยวฝาง ทำไมนายถึงได้ดีกับพี่จัง?

“เพราะว่าพี่ดีกับผมไง” หลี่ฝางตอบไปตามตรง

หลินชิงชิงหัวเราะเหอะๆ มองหลี่ฝาง แล้วถาม: “เสี่ยวฝาง นายคิดว่าช่วยฉัน จากเงื้อมมือของมู่เสี่ยวไป๋จริงๆ เหรอ?

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!” หลี่ฝางไม่ต้องคิด แล้วพูดขึ้นทันที: “ถ้าหากมู่เสี่ยวไป๋มารังควานพี่อีก ผมจะแทงมันอีกสักสองที”

หลินชิงชิงฟังจบ ก็หัวเราะขึ้นมา: “ฉันว่านายฆ่าเขาเลยเถอะ แทงทีละสองทีแบบนี้ ฉันว่าเขาคงรับไม่ไหว!”

หลินชิงชิงพูดพลาง เลี้ยวรถ ไปทางคฤหาสน์บ้านซาน

ด้านหลังรถเบนซ์G-Class ก็มีรถของเมี๋ยวชุ่ยกับหลี่ต๋าคางตามอยู่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท