NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 219

ตอนที่ 219

บทที่ 219 ใครกันแน่ที่จน?

ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลินชิงชิงหรือหลี่ฝาง ก็ต่างไม่พอใจถิงถิงมากๆ

ตัวเองมาก่อน ไม่ยอมต้อนรับ……

จ้าวเสี่ยวตาวมาที่หลัง แต่กลับพาไปดูบ้าน……

แบบนี้มันดูถูกกันอย่างเห็นได้ชัดเลยไม่ใช่เหรอ?

บนหน้าของถิงถิง ไม่ได้มีความสำนึกเลย แต่กลับหัวเราะอย่างภูมิใจ: “ขอโทษด้วยนะ ฉันดูไม่ออกว่าคุณทั้งสองจะมาซื้อบ้านนะ”

“ฉันคิดว่า คุณทั้งสองแค่มาดูบ้าน คฤหาสน์บ้านซานแบบนี้ ราคาอย่างถูกที่สุด ก็ต้องประมาณสิบล้าน”

“คุณสองคน ควักเงินสิบล้านออกมาได้เหรอ?”

ถิงถิงยิ้มอย่างดูแคลน

ถ้าไม่กลัวที่จะทำผิดต่อหลี่ฝางและหลินชิงชิงเลยสักนิด เพราะว่าเธอคิดว่า สองคนนี้ไม่มีทางเป็นลูกค้าของเธอ

คนอย่างจ้าวเสี่ยวตาว ถึงจะเป็นลูกค้าของเธอ

หลี่ฝางแค่หัวเราะเหอะๆ : “ถ้าหากฉันควักเงินสิบล้านออกมาได้ล่ะ?”

“ถ้าหากคุณสามารถควักเงินสิบล้านออกมาได้ คุณจะสั่งให้ฉันไปเรียกคุณว่าพ่อบนเตียงก็ไม่มีปัญหา” ถิงถิงเลิกคิ้ว แล้วยิ้มเยาะ

ประโยคนี้ ความหมายลึกซึ้งนะ

เรียกว่าพ่อบนเตียง?

หมายความว่า ถ้าหากหลี่ฝางสามารถควักเงินสิบล้านออกมาได้ ถิงถิงก็จะนอนกับเขาไง

หลี่ฝางประสบการณ์เยอะ เลยเข้าใจความหมายของถิงถิงได้ง่ายๆ

ขณะนั้น จ้าวเสี่ยวตาวก็เดินเข้ามา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลี่ฝางก็อยู่ที่นี่ด้วย

“นายก็มาซื้อบ้านเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวเดินเข้าไป แล้วถาม

จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะอย่างสนุก

จ้าวเสี่ยวตาวเคยตรวจสอบเรื่องของหลี่ฝาง พ่อแม่ก็แค่เกษตรกรธรรมดา ชีวิตตอนมัธยมปลายก็แย่มาก หลังจากที่ได้พบถังหยู่ซวน ชีวิตก็เลยดีขึ้นมาหน่อย

แต่ว่าหลังจากมาอยู่ที่เมืองเอก ก็เริ่มเหินห่างจากถังหยู่ซวน

พูดได้ว่า หลี่ฝางในตอนนี้ ไม่มีที่เพิ่งแล้ว

ถ้าหากไม่เพราะเฉียนเป่าเอ๋ออยู่ด้วยละก็ จ้าวเสี่ยวตาวคงจะถีบหลี่ฝางกระเด็นไปแล้ว

เฉียนเป่าเอ๋อเป็นว่าที่ภรรยา จ้าวเสี่ยวตาวคิดในใจ จะให้หล่อนเห็น ด้านที่รุนแรงของเขาไม่ได้เด็ดขาด

หลี่ฝางเหลือบมองไปที่จ้าวเสี่ยวตาว และไม่ได้สนใจเขา

หลี่ฝางแค่จ้องถิงถิง แล้วพูด: “ถึงเธอจะขึ้นเตียงแล้วเรียกฉันว่าปู่ ฉันก็ไม่สนใจ”

“ฉันว่าเธอพาฉันไปดูบ้านเถอะ”

เมื่อถิงถิงได้ยิน เธอก็ขมวดคิ้วแน่น

ประโยคนี้ กำกวมอย่างเห็นได้ชัด เธอหันหน้าไปมองจ้าวเสี่ยวตาว แล้วพูด: “คุณชายจ้าว ต้องขออภัยด้วย ที่ทำให้คุณเห็นเรื่องน่าขำแล้ว”

“ดิฉันจะพาคุณไปดูบ้านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ถิงถิงมองบนใส่หลี่ฝาง แล้วหันไปพูดกับจ้าวเสี่ยวตาว

ถิงถิงเดินผ่านหลี่ฝางไป เพื่อไปเตรียมกุญแจ

“เดี๋ยวก่อน!” หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วตะคอกใส่ถิงถิง

หลี่ฝางพูดอย่างโมโหเล็กน้อย: “จากที่ดูเธอ อายุก็น่าจะสามปีกว่าแล้วสินะ? ไหนลองบอกสิอายุสามสิบกว่าแล้ว ไม่รู้จักการมาก่อนมาหลังเหรอ? ฉันมาก่อน ต้องการดูบ้าน ก็ควรพาฉันดูก่อน”

เมื่อฟังจบ สีหน้าของถิงถิง ก็บูดทันที

เพราะว่าที่จริงแล้ว อายุเธอเพิ่งจะยี่สิบสามเอง

บวกกับปกติแล้วเธอใช้เครื่องสำอางแบรนด์เนม ผิวหน้าก็ไม่ต่างอะไร กับเด็กสาวอายุสิบแปดเลย

นอกจากเครื่องแบบพนักงานแล้ว มีตรงไหนที่อายุเหมือนสามสิบกัน?

ในตอนนั้น ในใจของถิงถิง โกรธมาก แต่ว่าต่อหน้าลูกค้าวีไอพีอย่างจ้าวเสี่ยวตาว เธอทำได้แค่อดกลั้นไว้

บอกว่าถิงถิงอายุสามสิบ มันน่าโมโหกว่าด่าเธอตรงๆ อีกนะ

แต่ว่าถิงถิงก็ทำงานขายมาหลายปี สกิลรับมือกับคนที่เกลียด ของเธอถือว่าสูงอยู่

“คุณผู้ชาย แน่นอนว่า ฉันรู้เรื่องการมาก่อนมาหลัง แต่ว่าก็ต้องแยกแยะสถานการณ์ แยกแยะบุคคล คุณว่าแบบนั้นมั้ย?”

ถิงถิงยิ้ม พลางพูด: “คุณว่า หน้าประตูร้านอาหารมิชลินระดับเจ็ดดาว มีขอทานยืนต่อคิวกันเป็นแถว ดังนั้นจึงทำให้ลูกค้าที่แต่งตัวดี ไม่สามารถจองโต๊ะได้ นั่นช่างเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ จริงมั้ย!”

ถิงถิงปากเสีย เอาหลี่ฝางไปเทียบกับขอทานเฉยเลย

“คฤหาสน์บ้านซานของเรา เอาแบบง่ายๆ ราคาก็มากกว่าสิบล้านแล้ว คุณว่า ถ้าทุกวันมีคนจนเป็นกลุ่ม ให้พวกเราพาไปดูบ้าน คุณว่าพวกเราควรจะไปมั้ย?”

“พายาจกคนนึงไปดูบ้าน และเมินลูกค้าที่มาซื้อจริงๆ ที่เสียเปรียบ ไม่ใช่แค่ฉัน แต่มันทั้งบริษัทนะคะ”

“เพราะงั้น คุณผู้ชาย ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันไม่คิดว่าคุณคือลูกค้าของพวกเราคฤหาสน์บ้านซาน ดังนั้น ฉันก็ไม่อยากเสียเวลาอันมีค่า ไม่กับคุณหรอกค่ะ”

ครู่นึง ถิงถิงก็ยิ้มเยาะขึ้นมาอีก: “เปลืองน้ำลายไปกับคุณตั้งเยอะ ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ”

ถ้าหากเป็นหลี่ฝางเมื่อก่อนได้ยินคำพูดแบบนี้ ก็คงโกรธเลือดขึ้นหน้าไปนานแล้ว คงจะตะคอกออกมาเสียงดังว่า:แกด่าใครว่าเป็นขอทานกัน!

แต่หลี่ฝางในวันนี้ เจอคนที่ดูแคลนคนอื่นมาเยอะแล้ว

และก็เคยฟังคำที่ไม่น่าฟังแบบนี้มาเยอะแล้ว หลี่ฝางในตอนนี้ มีภูมิคุ้มกันแล้ว

อย่างไรก็ตามคฤหาสน์บ้านซาน ไม่ได้มีถิงถิงเป็นพนักงานขายแค่คนเดียว

ไม่เป็นไรหากจะต้องมาซื้อกับพนักงานอีกคนในวันพรุ่งนี้ แบบนี้ หนึ่งคือได้เอาเงินมาฟาดหน้าถิงถิง สองคือทำให้หล่อนอดโบนัสไปเลย

ยังไงหลี่ฝางก็ไม่ได้รีบร้อน

ตอนที่หลี่ฝางกำลังจะเตรียมตัวออกไป เฉียนเป่าเอ๋อก็เอ่ยปากขึ้น: “เปิดร้านเปิดกิจการ มีที่ไหนเขาปฏิเสธลูกค้ากัน? เธอนี่ขาดจรรยาบรรณในการทำงานมากไปมั้ย?”

เฉียนเป่าเอ๋อมองถิงถิง แล้วตำหนิไปหนึ่งประโยค

“ถึงยังไงพวกเขาก็มาดูบ้าน พวกเราก็มาดูบ้าน ไปดูด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นไรนี่” เฉียนเป่าเอ๋อพูด

ที่เฉียนเป่าเอ๋อพูด ก็มีเหตุผล

พาลูกค้าทั้งสองเจ้าไปดูพร้อมกัน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

แบบนี้ก็ไม่ผิดต่อหลี่ฝาง อีกทั้งยังไม่ต้องเสียแรงและเวลาอีกด้วย ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?

“คุณหนูใหญ่เฉียนพูดถูกแล้วค่ะ งั้นอีกแป๊บนึงตอนไปดูบ้าน พวกคุณก็ตามไปด้วยแล้วกัน” ถิงถิงไม่กล้าขัดเฉียนเป่าเอ๋อ ทำได้แค่พยักหน้า แล้วทำตามที่เธอพูด

แต่จ้าวเสี่ยวตาวกลับขมวดคิ้ว แล้วไม่ค่อยพอใจ

คู่หมั้นของตน ทำไมต้องไปพูดแทนไอ้หลี่ฝางมันด้วยล่ะ!

หลี่ฝางเป็นคู่อริกับตนนะ!

แบบนี้มันชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่หรือไง?

จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว แล้วพูดกับเฉียนเป่าเอ๋อ: “ที่เขาพูดก็ไม่ได้ผิดนะ เธอดูสองคนนั้นสิ ดูเหมือนคนมีเงินซื้อคฤหาสน์บ้านซานเหรอ?”

“แค่ดูก็รู้ว่าสองคนนั้นเป็นยาจก พาพวกเขาไปดูบ้าน ก็เท่ากับเสียเวลา เสียแรงเปล่า”

“อีกอย่างนะ ที่รัก ให้พวกเขาไปดูบ้านกับเรา เธอไม่รู้สึกขายหน้าเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวพูด

เฉียนเป่าเอ๋อเงยหน้ามองจ้าวเสี่ยวตาว แล้วหัวเราะเหอะๆ : “ขายหน้า? พวกเขาแต่งตัวแย่นักหรือไง? ที่ฉันใส่อยู่ ราคาก็ไม่ต่างจากที่พวกเขาใส่นะ?”

“นายบอกว่าไปดูบ้านกับพวกเขาแล้วขายหน้า งั้นแล้วฉันล่ะ?” เฉียนเป่าเอ๋อโมโหแล้ว

“จ้าวเสี่ยวตาว ทำไมนายถึงตาหมาดูแคลนคนอื่นแบบนี้ห้ะ!” พูดถึงตรงนี้ เฉียนเป่าเอ๋อก็เริ่มด่าออกมา

ไม่ใช่แค่ด่าจ้าวเสี่ยวตาวว่าเป็นหมา แถมยังด่าจ้าวเสี่ยวตาวว่าเป็นน่าดูแคลนอีก

สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว ย่ำแย่ลงไปทันที

จ้าวเสี่ยวตาวทำหน้าเข้มแล้วพูด: “ที่รัก เธอทำอะไรเหนี่ย? ทำไมถึงลดตัว เอาตัวเองไปเทียบกับพวกเขาแบบนั้น”

“เธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียนนะ พ่อของเธอเป็นนักล่าทางการเงินนะ เธอใส่เสื้อผ้าถูกๆ แบบนี้เรียกว่าถ่อมตัว แต่พวกเขา พ่อแม่ของเขา เป็นแค่เกษตรกรธรรมดาๆ สวมเสื้อผ้าหลายพัน ก็เท่ากับทำเป็นหน้าใหญ่”

“พ่อแม่ของเขาเดือนนึงหาเงินได้เท่าไหร่เอง? เขาใส่เสื้อผ้าแบบนี้ คงต้องใช้เงินเดือนทั้งเดือนของพ่อแม่ไปซื้อเลยนะ”

เมื่อได้ยินจ้าวเสี่ยวตาวพูดแบบนี้ สายตาที่เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“ถ้าหากที่นายพูดมาเมื่อกี้เป็นความจริง งั้นพวกเขาก็หัวสูงไปแล้ว ฐานะทางบ้านไม่ดี ทำไมต้องซื้อเสื้อผ้าแพงๆ แบบนี้”

เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง แล้วขมวดคิ้ว: “พ่อแม่นายกว่าจะหาเงินมาไม่ง่ายนะ ดูแล้วนายคงจะอายุยี่สิบแล้วนะ โตขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่คิดถึงหัวอกพ่อแม่บ้างนะ?”

หลี่ฝางฟังจบ ก็ได้แต่หัวเราะในใจ

พ่อแม่ของตน มีเงินมากกว่าแสนล้าน ตนใส่เสื้อผ้าไม่กี่พัน กลับโดนหาว่าทำเป็นหน้าใหญ่!

ถึงแม้เฉียนเป่าเอ๋อจะตำหนิหลี่ฝางต่อหน้า แต่ในใจหลี่ฝาง กลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลย

เพราะว่าเฉียนเป่าเอ๋อพูดถูก เธอแค่ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขาเท่านั้น

เธอคือผู้หญิงที่มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง ทำไมถึงได้หน้ามืดตามัว ไปคบกับจ้าวเสี่ยวตาวนะ?

เฉียนเป่าเอ๋อคิดว่าที่ตนพูดไปแบบนี้ หลี่ฝางต้องโมโหมากแน่ๆ คงต้องด่าตนสวนกลับ หรือไม่ก็ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า และอับอาย

แต่ หลี่ฝางกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

“นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ?” เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง แล้วถาม

“ได้ยินแล้ว”

“นายไม่โกรธเหรอ?” เฉียนเป่าเอ๋อถามต่อ

“ทำไมฉันต้องโกรธด้วย?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ที่เธอพูดเมื่อกี้ มันถูกหมดเลยนี่”

ต่อมา หลี่ฝางก็มองไปที่จ้าวเสี่ยวตาว แล้วหัวเราะขึ้นมา: “เป็นมนุษย์นะ อย่าทำเป็นหน้าใหญ่”

“ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสื้อผ้าหรือการซื้อบ้าน ก็ต้องซื้อตามความสามารถ หากไม่สามารถจ่ายราคาแพงๆ ก็อย่าพยายามเลย”

หลี่ฝางเดินไปยังด้านหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว แล้วตบไปที่ไหล่ของเขา: “จ้าวเสี่ยวตาว ฉันพูดถูกมั้ย?”

“นายหมายความว่าไง?” จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว

“ไม่ได้หมายความว่าไง ฉันแค่คิดว่า ตามสภาพครอบครัวของนายแล้ว ไม่ควรซื้อคฤหาสน์บ้านซานหรอก บ้านพวกนี้สำหรับบ้านนายแล้ว มันแพงไป” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท