บทที่ 219 ใครกันแน่ที่จน?
ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นหลินชิงชิงหรือหลี่ฝาง ก็ต่างไม่พอใจถิงถิงมากๆ
ตัวเองมาก่อน ไม่ยอมต้อนรับ……
จ้าวเสี่ยวตาวมาที่หลัง แต่กลับพาไปดูบ้าน……
แบบนี้มันดูถูกกันอย่างเห็นได้ชัดเลยไม่ใช่เหรอ?
บนหน้าของถิงถิง ไม่ได้มีความสำนึกเลย แต่กลับหัวเราะอย่างภูมิใจ: “ขอโทษด้วยนะ ฉันดูไม่ออกว่าคุณทั้งสองจะมาซื้อบ้านนะ”
“ฉันคิดว่า คุณทั้งสองแค่มาดูบ้าน คฤหาสน์บ้านซานแบบนี้ ราคาอย่างถูกที่สุด ก็ต้องประมาณสิบล้าน”
“คุณสองคน ควักเงินสิบล้านออกมาได้เหรอ?”
ถิงถิงยิ้มอย่างดูแคลน
ถ้าไม่กลัวที่จะทำผิดต่อหลี่ฝางและหลินชิงชิงเลยสักนิด เพราะว่าเธอคิดว่า สองคนนี้ไม่มีทางเป็นลูกค้าของเธอ
คนอย่างจ้าวเสี่ยวตาว ถึงจะเป็นลูกค้าของเธอ
หลี่ฝางแค่หัวเราะเหอะๆ : “ถ้าหากฉันควักเงินสิบล้านออกมาได้ล่ะ?”
“ถ้าหากคุณสามารถควักเงินสิบล้านออกมาได้ คุณจะสั่งให้ฉันไปเรียกคุณว่าพ่อบนเตียงก็ไม่มีปัญหา” ถิงถิงเลิกคิ้ว แล้วยิ้มเยาะ
ประโยคนี้ ความหมายลึกซึ้งนะ
เรียกว่าพ่อบนเตียง?
หมายความว่า ถ้าหากหลี่ฝางสามารถควักเงินสิบล้านออกมาได้ ถิงถิงก็จะนอนกับเขาไง
หลี่ฝางประสบการณ์เยอะ เลยเข้าใจความหมายของถิงถิงได้ง่ายๆ
ขณะนั้น จ้าวเสี่ยวตาวก็เดินเข้ามา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลี่ฝางก็อยู่ที่นี่ด้วย
“นายก็มาซื้อบ้านเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวเดินเข้าไป แล้วถาม
จ้าวเสี่ยวตาวมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะอย่างสนุก
จ้าวเสี่ยวตาวเคยตรวจสอบเรื่องของหลี่ฝาง พ่อแม่ก็แค่เกษตรกรธรรมดา ชีวิตตอนมัธยมปลายก็แย่มาก หลังจากที่ได้พบถังหยู่ซวน ชีวิตก็เลยดีขึ้นมาหน่อย
แต่ว่าหลังจากมาอยู่ที่เมืองเอก ก็เริ่มเหินห่างจากถังหยู่ซวน
พูดได้ว่า หลี่ฝางในตอนนี้ ไม่มีที่เพิ่งแล้ว
ถ้าหากไม่เพราะเฉียนเป่าเอ๋ออยู่ด้วยละก็ จ้าวเสี่ยวตาวคงจะถีบหลี่ฝางกระเด็นไปแล้ว
เฉียนเป่าเอ๋อเป็นว่าที่ภรรยา จ้าวเสี่ยวตาวคิดในใจ จะให้หล่อนเห็น ด้านที่รุนแรงของเขาไม่ได้เด็ดขาด
หลี่ฝางเหลือบมองไปที่จ้าวเสี่ยวตาว และไม่ได้สนใจเขา
หลี่ฝางแค่จ้องถิงถิง แล้วพูด: “ถึงเธอจะขึ้นเตียงแล้วเรียกฉันว่าปู่ ฉันก็ไม่สนใจ”
“ฉันว่าเธอพาฉันไปดูบ้านเถอะ”
เมื่อถิงถิงได้ยิน เธอก็ขมวดคิ้วแน่น
ประโยคนี้ กำกวมอย่างเห็นได้ชัด เธอหันหน้าไปมองจ้าวเสี่ยวตาว แล้วพูด: “คุณชายจ้าว ต้องขออภัยด้วย ที่ทำให้คุณเห็นเรื่องน่าขำแล้ว”
“ดิฉันจะพาคุณไปดูบ้านเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” ถิงถิงมองบนใส่หลี่ฝาง แล้วหันไปพูดกับจ้าวเสี่ยวตาว
ถิงถิงเดินผ่านหลี่ฝางไป เพื่อไปเตรียมกุญแจ
“เดี๋ยวก่อน!” หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วตะคอกใส่ถิงถิง
หลี่ฝางพูดอย่างโมโหเล็กน้อย: “จากที่ดูเธอ อายุก็น่าจะสามปีกว่าแล้วสินะ? ไหนลองบอกสิอายุสามสิบกว่าแล้ว ไม่รู้จักการมาก่อนมาหลังเหรอ? ฉันมาก่อน ต้องการดูบ้าน ก็ควรพาฉันดูก่อน”
เมื่อฟังจบ สีหน้าของถิงถิง ก็บูดทันที
เพราะว่าที่จริงแล้ว อายุเธอเพิ่งจะยี่สิบสามเอง
บวกกับปกติแล้วเธอใช้เครื่องสำอางแบรนด์เนม ผิวหน้าก็ไม่ต่างอะไร กับเด็กสาวอายุสิบแปดเลย
นอกจากเครื่องแบบพนักงานแล้ว มีตรงไหนที่อายุเหมือนสามสิบกัน?
ในตอนนั้น ในใจของถิงถิง โกรธมาก แต่ว่าต่อหน้าลูกค้าวีไอพีอย่างจ้าวเสี่ยวตาว เธอทำได้แค่อดกลั้นไว้
บอกว่าถิงถิงอายุสามสิบ มันน่าโมโหกว่าด่าเธอตรงๆ อีกนะ
แต่ว่าถิงถิงก็ทำงานขายมาหลายปี สกิลรับมือกับคนที่เกลียด ของเธอถือว่าสูงอยู่
“คุณผู้ชาย แน่นอนว่า ฉันรู้เรื่องการมาก่อนมาหลัง แต่ว่าก็ต้องแยกแยะสถานการณ์ แยกแยะบุคคล คุณว่าแบบนั้นมั้ย?”
ถิงถิงยิ้ม พลางพูด: “คุณว่า หน้าประตูร้านอาหารมิชลินระดับเจ็ดดาว มีขอทานยืนต่อคิวกันเป็นแถว ดังนั้นจึงทำให้ลูกค้าที่แต่งตัวดี ไม่สามารถจองโต๊ะได้ นั่นช่างเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ จริงมั้ย!”
ถิงถิงปากเสีย เอาหลี่ฝางไปเทียบกับขอทานเฉยเลย
“คฤหาสน์บ้านซานของเรา เอาแบบง่ายๆ ราคาก็มากกว่าสิบล้านแล้ว คุณว่า ถ้าทุกวันมีคนจนเป็นกลุ่ม ให้พวกเราพาไปดูบ้าน คุณว่าพวกเราควรจะไปมั้ย?”
“พายาจกคนนึงไปดูบ้าน และเมินลูกค้าที่มาซื้อจริงๆ ที่เสียเปรียบ ไม่ใช่แค่ฉัน แต่มันทั้งบริษัทนะคะ”
“เพราะงั้น คุณผู้ชาย ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันไม่คิดว่าคุณคือลูกค้าของพวกเราคฤหาสน์บ้านซาน ดังนั้น ฉันก็ไม่อยากเสียเวลาอันมีค่า ไม่กับคุณหรอกค่ะ”
ครู่นึง ถิงถิงก็ยิ้มเยาะขึ้นมาอีก: “เปลืองน้ำลายไปกับคุณตั้งเยอะ ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ ”
ถ้าหากเป็นหลี่ฝางเมื่อก่อนได้ยินคำพูดแบบนี้ ก็คงโกรธเลือดขึ้นหน้าไปนานแล้ว คงจะตะคอกออกมาเสียงดังว่า:แกด่าใครว่าเป็นขอทานกัน!
แต่หลี่ฝางในวันนี้ เจอคนที่ดูแคลนคนอื่นมาเยอะแล้ว
และก็เคยฟังคำที่ไม่น่าฟังแบบนี้มาเยอะแล้ว หลี่ฝางในตอนนี้ มีภูมิคุ้มกันแล้ว
อย่างไรก็ตามคฤหาสน์บ้านซาน ไม่ได้มีถิงถิงเป็นพนักงานขายแค่คนเดียว
ไม่เป็นไรหากจะต้องมาซื้อกับพนักงานอีกคนในวันพรุ่งนี้ แบบนี้ หนึ่งคือได้เอาเงินมาฟาดหน้าถิงถิง สองคือทำให้หล่อนอดโบนัสไปเลย
ยังไงหลี่ฝางก็ไม่ได้รีบร้อน
ตอนที่หลี่ฝางกำลังจะเตรียมตัวออกไป เฉียนเป่าเอ๋อก็เอ่ยปากขึ้น: “เปิดร้านเปิดกิจการ มีที่ไหนเขาปฏิเสธลูกค้ากัน? เธอนี่ขาดจรรยาบรรณในการทำงานมากไปมั้ย?”
เฉียนเป่าเอ๋อมองถิงถิง แล้วตำหนิไปหนึ่งประโยค
“ถึงยังไงพวกเขาก็มาดูบ้าน พวกเราก็มาดูบ้าน ไปดูด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นไรนี่” เฉียนเป่าเอ๋อพูด
ที่เฉียนเป่าเอ๋อพูด ก็มีเหตุผล
พาลูกค้าทั้งสองเจ้าไปดูพร้อมกัน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แบบนี้ก็ไม่ผิดต่อหลี่ฝาง อีกทั้งยังไม่ต้องเสียแรงและเวลาอีกด้วย ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?
“คุณหนูใหญ่เฉียนพูดถูกแล้วค่ะ งั้นอีกแป๊บนึงตอนไปดูบ้าน พวกคุณก็ตามไปด้วยแล้วกัน” ถิงถิงไม่กล้าขัดเฉียนเป่าเอ๋อ ทำได้แค่พยักหน้า แล้วทำตามที่เธอพูด
แต่จ้าวเสี่ยวตาวกลับขมวดคิ้ว แล้วไม่ค่อยพอใจ
คู่หมั้นของตน ทำไมต้องไปพูดแทนไอ้หลี่ฝางมันด้วยล่ะ!
หลี่ฝางเป็นคู่อริกับตนนะ!
แบบนี้มันชักศึกเข้าบ้านไม่ใช่หรือไง?
จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว แล้วพูดกับเฉียนเป่าเอ๋อ: “ที่เขาพูดก็ไม่ได้ผิดนะ เธอดูสองคนนั้นสิ ดูเหมือนคนมีเงินซื้อคฤหาสน์บ้านซานเหรอ?”
“แค่ดูก็รู้ว่าสองคนนั้นเป็นยาจก พาพวกเขาไปดูบ้าน ก็เท่ากับเสียเวลา เสียแรงเปล่า”
“อีกอย่างนะ ที่รัก ให้พวกเขาไปดูบ้านกับเรา เธอไม่รู้สึกขายหน้าเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวพูด
เฉียนเป่าเอ๋อเงยหน้ามองจ้าวเสี่ยวตาว แล้วหัวเราะเหอะๆ : “ขายหน้า? พวกเขาแต่งตัวแย่นักหรือไง? ที่ฉันใส่อยู่ ราคาก็ไม่ต่างจากที่พวกเขาใส่นะ?”
“นายบอกว่าไปดูบ้านกับพวกเขาแล้วขายหน้า งั้นแล้วฉันล่ะ?” เฉียนเป่าเอ๋อโมโหแล้ว
“จ้าวเสี่ยวตาว ทำไมนายถึงตาหมาดูแคลนคนอื่นแบบนี้ห้ะ!” พูดถึงตรงนี้ เฉียนเป่าเอ๋อก็เริ่มด่าออกมา
ไม่ใช่แค่ด่าจ้าวเสี่ยวตาวว่าเป็นหมา แถมยังด่าจ้าวเสี่ยวตาวว่าเป็นน่าดูแคลนอีก
สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว ย่ำแย่ลงไปทันที
จ้าวเสี่ยวตาวทำหน้าเข้มแล้วพูด: “ที่รัก เธอทำอะไรเหนี่ย? ทำไมถึงลดตัว เอาตัวเองไปเทียบกับพวกเขาแบบนั้น”
“เธอคือคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียนนะ พ่อของเธอเป็นนักล่าทางการเงินนะ เธอใส่เสื้อผ้าถูกๆ แบบนี้เรียกว่าถ่อมตัว แต่พวกเขา พ่อแม่ของเขา เป็นแค่เกษตรกรธรรมดาๆ สวมเสื้อผ้าหลายพัน ก็เท่ากับทำเป็นหน้าใหญ่”
“พ่อแม่ของเขาเดือนนึงหาเงินได้เท่าไหร่เอง? เขาใส่เสื้อผ้าแบบนี้ คงต้องใช้เงินเดือนทั้งเดือนของพ่อแม่ไปซื้อเลยนะ”
เมื่อได้ยินจ้าวเสี่ยวตาวพูดแบบนี้ สายตาที่เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ถ้าหากที่นายพูดมาเมื่อกี้เป็นความจริง งั้นพวกเขาก็หัวสูงไปแล้ว ฐานะทางบ้านไม่ดี ทำไมต้องซื้อเสื้อผ้าแพงๆ แบบนี้”
เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง แล้วขมวดคิ้ว: “พ่อแม่นายกว่าจะหาเงินมาไม่ง่ายนะ ดูแล้วนายคงจะอายุยี่สิบแล้วนะ โตขนาดนี้แล้ว ทำไมถึงไม่คิดถึงหัวอกพ่อแม่บ้างนะ?”
หลี่ฝางฟังจบ ก็ได้แต่หัวเราะในใจ
พ่อแม่ของตน มีเงินมากกว่าแสนล้าน ตนใส่เสื้อผ้าไม่กี่พัน กลับโดนหาว่าทำเป็นหน้าใหญ่!
ถึงแม้เฉียนเป่าเอ๋อจะตำหนิหลี่ฝางต่อหน้า แต่ในใจหลี่ฝาง กลับไม่ได้รู้สึกไม่ดีเลย
เพราะว่าเฉียนเป่าเอ๋อพูดถูก เธอแค่ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของเขาเท่านั้น
เธอคือผู้หญิงที่มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้อง ทำไมถึงได้หน้ามืดตามัว ไปคบกับจ้าวเสี่ยวตาวนะ?
เฉียนเป่าเอ๋อคิดว่าที่ตนพูดไปแบบนี้ หลี่ฝางต้องโมโหมากแน่ๆ คงต้องด่าตนสวนกลับ หรือไม่ก็ โกรธจนเลือดขึ้นหน้า และอับอาย
แต่ หลี่ฝางกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย
“นายไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ?” เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝาง แล้วถาม
“ได้ยินแล้ว”
“นายไม่โกรธเหรอ?” เฉียนเป่าเอ๋อถามต่อ
“ทำไมฉันต้องโกรธด้วย?” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ที่เธอพูดเมื่อกี้ มันถูกหมดเลยนี่”
ต่อมา หลี่ฝางก็มองไปที่จ้าวเสี่ยวตาว แล้วหัวเราะขึ้นมา: “เป็นมนุษย์นะ อย่าทำเป็นหน้าใหญ่”
“ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสื้อผ้าหรือการซื้อบ้าน ก็ต้องซื้อตามความสามารถ หากไม่สามารถจ่ายราคาแพงๆ ก็อย่าพยายามเลย”
หลี่ฝางเดินไปยังด้านหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว แล้วตบไปที่ไหล่ของเขา: “จ้าวเสี่ยวตาว ฉันพูดถูกมั้ย?”
“นายหมายความว่าไง?” จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว
“ไม่ได้หมายความว่าไง ฉันแค่คิดว่า ตามสภาพครอบครัวของนายแล้ว ไม่ควรซื้อคฤหาสน์บ้านซานหรอก บ้านพวกนี้สำหรับบ้านนายแล้ว มันแพงไป” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะ